10 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 กรองอากาศเยี่ยม เสียงเงียบ ลดฝุ่นในห้องได้

เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี

ในยุคที่มลภาวะทางอากาศรุนแรงขึ้นทุกวัน ทั้งฝุ่น PM2.5 ควันรถ ควันบุหรี่ หรือสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราโดยตรง โดยเฉพาะเมื่อเราต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในบ้านหรือออฟฟิศ การหายใจเอาอากาศไม่สะอาดเข้าไปอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว เครื่องฟอกอากาศ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งไอเทมจำเป็นที่หลายบ้านเลือกใช้เพื่อช่วยกรองอากาศให้บริสุทธิ์และปลอดภัยมากขึ้น

ในบทความนี้ ตังค์ทอน จะพาคุณไปพบกับ 10 อันดับ เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี คุณภาพเยี่ยม น่าใช้งาน รวมไปถึง เราก็มีวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับความต้องการของคุณมาฝากด้วย เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักได้สูดอากาศดี ๆ ในทุกวันได้อย่างมั่นใจ

วิธีการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ : คู่มือสำหรับมือใหม่ที่อยากได้อากาศบริสุทธิ์ในบ้าน

มลพิษทางอากาศไม่ได้อยู่แค่ภายนอกบ้าน แต่อาจแฝงตัวอยู่ภายในบ้านโดยที่เราไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM2.5, สารก่อภูมิแพ้, เชื้อโรค หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งล้วนส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เครื่องฟอกอากาศจึงกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นที่หลายบ้านเริ่มให้ความสำคัญ แต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มสนใจ อาจสงสัยว่า “ควรเลือกแบบไหนดี?” บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจทีละขั้นตอน เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมกับบ้านและไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างมั่นใจ

1. เริ่มจากทำความเข้าใจว่าเครื่องฟอกอากาศคืออะไร

เครื่องฟอกอากาศ เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่กรองอากาศภายในห้องให้สะอาดขึ้น โดยการดูดอากาศเข้าไปผ่านชุดกรองที่มีหลายชั้น แล้วปล่อยอากาศที่สะอาดออกมาอีกครั้ง เครื่องฟอกอากาศไม่ได้เพิ่มออกซิเจน หรือปรับอุณหภูมิ แต่จะช่วยลดปริมาณฝุ่นละออง กลิ่นไม่พึงประสงค์ สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรคบางชนิดได้

2. เลือกตามขนาดห้อง : ขนาดเครื่องต้องสัมพันธ์กับพื้นที่

สิ่งแรกที่ควรพิจารณาคือขนาดของห้องที่จะใช้เครื่องฟอกอากาศ โดยดูจาก “ค่า CADR” (Clean Air Delivery Rate) ซึ่งเป็นค่าที่บอกว่าเครื่องสามารถฟอกอากาศได้เร็วแค่ไหน

  • ห้องขนาดเล็ก (ไม่เกิน 20 ตร.ม.) : เลือกเครื่องขนาดเล็กหรือพกพาได้
  • ห้องกลาง (20–35 ตร.ม.) : เลือกเครื่องที่มี CADR ประมาณ 200–300 m³/h
  • ห้องใหญ่ (เกิน 35 ตร.ม.) : ควรใช้เครื่องที่มีพลังสูง หรือใช้หลายเครื่องกระจายจุด

💡 เคล็ดลับ : ดูที่คำแนะนำของผู้ผลิตเกี่ยวกับ “พื้นที่ครอบคลุม” ของรุ่นนั้น ๆ เพื่อความมั่นใจว่าเหมาะกับพื้นที่บ้านคุณ

3. พิจารณาระบบกรองอากาศ : ยิ่งหลายชั้น ยิ่งมั่นใจ

เครื่องฟอกอากาศคุณภาพดีควรมีระบบกรองหลายชั้น เพื่อจัดการกับมลภาวะหลากหลายประเภท เช่น

  • Pre-filter : กรองฝุ่นหยาบ ขนสัตว์ เศษผง
  • HEPA filter : ตัวสำคัญที่สุด กรองฝุ่นละเอียด PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้กว่า 99.97%
  • Activated Carbon filter : ดักจับกลิ่นไม่พึงประสงค์และสารเคมี
  • UV หรือ Ionizer (แล้วแต่รุ่น) : เสริมการฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือไวรัส

💡 เคล็ดลับ : อย่าลืมเช็กว่าไส้กรองเปลี่ยนง่ายหรือไม่ และมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนมากน้อยแค่ไหน

4. ฟังก์ชันเสริมที่ช่วยเพิ่มความสะดวก

เครื่องฟอกอากาศสมัยใหม่มักมีฟีเจอร์เพิ่มเติมที่ช่วยให้ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น

  • เซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศ (AQI) : บอกสถานะอากาศแบบเรียลไทม์
  • โหมดอัตโนมัติ (Auto Mode) : ปรับความแรงตามคุณภาพอากาศ
  • โหมดกลางคืน (Sleep Mode) : ทำงานเงียบ เหมาะกับตอนนอน
  • เชื่อมต่อแอปฯ / Wi-Fi : ควบคุมผ่านมือถือได้
  • ล็อกเด็ก / ตั้งเวลา / เตือนเปลี่ยนไส้กรอง

💡 เคล็ดลับ : หากมีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง ฟังก์ชันเหล่านี้จะเพิ่มความปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น

5. ระดับเสียงขณะทำงาน: ยิ่งเงียบยิ่งนอนหลับสบาย

อย่ามองข้าม “ระดับเสียง” โดยเฉพาะหากตั้งเครื่องในห้องนอน เครื่องที่มีเสียงเบากว่า 30 เดซิเบลถือว่าทำงานได้เงียบมากจนแทบไม่รบกวนการนอน

6. ค่าใช้จ่ายระยะยาว : อย่ามองแค่ราคาตัวเครื่อง

นอกจากราคาเครื่องเริ่มต้นแล้ว ยังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายระยะยาว ได้แก่

  • ค่าเปลี่ยนไส้กรอง : โดยเฉลี่ยเปลี่ยนทุก 6–12 เดือน (ขึ้นกับรุ่นและการใช้งาน)
  • ค่าไฟฟ้า : เครื่องประหยัดพลังงานจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว

7. แบรนด์และการรับประกัน : ความเชื่อมั่นที่ต้องมี

เลือกแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ บริการหลังการขายดี และมีอะไหล่หรือไส้กรองสำรองขายต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ้ามีการรับประกันตัวเครื่อง 1–2 ปีขึ้นไปจะช่วยให้ใช้งานได้มั่นใจมากขึ้น

10 อันดับ เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 คุณภาพเยี่ยม ใช้งานง่าย ฟอกอากาศได้อย่างสะอาด

ต่อไปนี้จะเป็น เครื่องฟอกอากาศ ที่เราคัดสรรมาเป็นอย่างดี โดยทั้ง 10 รุ่นที่เรานำมาฝาก มีคุณภาพดี เหมาะแก่การใช้งาน และกำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ สามารถดูรีวิวด้านล่างได้เลยครับ

1. Dyson Purifier Cool ™ Air Purifier Fan TP07

Dyson Purifier Cool ™ Air Purifier Fan TP07

ราคา 28,900 บาท

กรองอากาศได้ละเอียดถึง PM 0.1 ใช้งานง่ายผ่านแอปพลิเคชัน

Dyson Purifier Cool™ TP07 เป็นเครื่องฟอกอากาศและพัดลมอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานในบ้าน มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA + Carbon ที่สามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กถึง PM 0.1 และก๊าซมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้อากาศในบ้านสะอาดสดชื่น แม้ในห้องขนาดใหญ่ก็สามารถหมุนเวียนอากาศได้อย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ TP07 ยังมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัยผ่านแอปพลิเคชัน Dyson Link ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและปรับโหมดการทำงานได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นโหมดพัดลมหรือโหมดฟอกอากาศ ที่สำคัญยังมีโหมดเงียบที่ทำงานได้เบากว่าปกติถึง 20% เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องนอนโดยไม่รบกวนการพักผ่อน ด้วยราคา 28,900 บาท ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าเพื่อสุขภาพอากาศที่ดีในบ้านของคุณ

2. PHILIPS Air Purifier Serie 1000i เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1715/21

PHILIPS Air Purifier Serie 1000i เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1715/21

ราคา 8,219 บาท

ฟอกอากาศได้เร็วใน 10 นาที กรองไวรัส และมลพิษได้ 99.9%

PHILIPS Air Purifier Serie 1000i รุ่น AC1715/21 เป็นเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูงที่ตอบโจทย์ทั้งความรวดเร็วและประสิทธิภาพ ด้วยระบบ NanoProtect HEPA และผงถ่านกัมมันต์ ที่สามารถกรองไวรัส สารก่อภูมิแพ้ และมลพิษขนาดเล็กได้ถึง 99.9% พร้อมอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) สูงถึง 300 ลบ.ม./ชม. ทำให้ฟอกอากาศในห้องขนาด 16-78 ตร.ม. ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในเวลาไม่เกิน 10 นาที

การใช้งานก็ง่ายดาย เพียงกดปุ่มเดียว หรือควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน CleanHome+ ที่ช่วยให้คุณปรับโหมดการทำงานและตรวจสอบคุณภาพอากาศได้แบบเรียลไทม์ ด้วยราคา 8,219 บาท เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเหมาะสมสำหรับทุกบ้านที่ต้องการอากาศบริสุทธิ์และปลอดภัยอย่างรวดเร็ว

3. เครื่องฟอกอากาศ Levoit Core 300S Air Purifier

เครื่องฟอกอากาศ Levoit Core 300S Air Purifier

ราคา 4,799 บาท

กรองอากาศได้ละเอียดถึง 0.3 ไมครอน พร้อมควบคุมอัจฉริยะผ่านแอป VeSync

Levoit Core 300S Air Purifier เป็นเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูงที่มาพร้อมระบบกรอง H13 True HEPA ที่สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้ 99.97% พร้อมตัวกรองถ่านกัมมันต์ที่ช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และควันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยี VortexAir ช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างทรงพลัง ด้วยอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) 195 ลบ.ม./ชม. สามารถรีเฟรชอากาศในพื้นที่ 51 ตร.ม. ได้ถึง 2 ครั้งต่อชั่วโมง

นอกจากนี้ Levoit Core 300S ยังมาพร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะที่ควบคุมได้ผ่านแอป VeSync และเชื่อมต่อกับผู้ช่วยเสียงอย่าง Amazon Alexa หรือ Google Assistant เซ็นเซอร์ฝุ่นเลเซอร์ช่วยตรวจสอบคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และโหมดการนอนหลับที่เงียบเพียง 22dB ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องนอน โดยยังประหยัดพลังงานด้วยการใช้ไฟฟ้าเพียง 15W เท่านั้น ในราคา 4,799 บาท ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

4. Dyson Purifier Cool Formaldehyde TP09

Dyson Purifier Cool Formaldehyde TP09

ราคา 45,800 บาท

กำจัดฟอร์มาลดีไฮด์และมลพิษ พร้อมกระจายอากาศสะอาดทั่วห้อง

Dyson Purifier Cool Formaldehyde TP09 คือสุดยอดนวัตกรรมเครื่องกรองอากาศที่ไม่เพียงแค่กรองฝุ่น PM2.5 แต่ยังสามารถตรวจจับและทำลายฟอร์มาลดีไฮด์ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรอง ระบบการกรอง HEPA และถ่านกัมมันต์ช่วยกำจัด 99.95% ของสารมลพิษในอากาศ ขณะที่เทคโนโลยี Air Multiplier™ กระจายอากาศบริสุทธิ์ได้ทั่วห้อง

นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบให้เงียบขึ้นถึง 20% พร้อมฟังก์ชันหมุนส่าย 350 องศา ควบคุมผ่านแอป Dyson Link และรองรับคำสั่งเสียง ให้คุณติดตามคุณภาพอากาศได้ทุกที่ เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพและต้องการอากาศสะอาดแบบพรีเมียมในบ้านของคุณ

5. SAMSUNG เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AX32BG3100GBST

SAMSUNG เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AX32BG3100GBST

ราคา 6,990 บาท

ฟอกอากาศบริสุทธิ์ ขจัดฝุ่น PM0.3 ได้ 99.9% พร้อมควบคุมผ่านแอป

SAMSUNG AX32BG3100GBST เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ช่วยให้บ้านของคุณสดชื่นยิ่งขึ้น ด้วยระบบกรองหลายขั้นตอนที่สามารถขจัดฝุ่นละอองขนาดเล็กถึง PM0.3 ได้มากถึง 99.9% พร้อมไส้กรองที่ช่วยดักจับฝุ่นและต้านแบคทีเรีย เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดไม่เกิน 41 ตร.ม. ให้คุณมั่นใจได้ถึงอากาศสะอาดทุกลมหายใจ

มาพร้อมฟังก์ชันสุดอัจฉริยะ สามารถสั่งงานผ่าน Wi-Fi ด้วยแอป SmartThings ให้คุณควบคุมเครื่องฟอกอากาศได้จากทุกที่ และยังมีไฟแสดงคุณภาพอากาศแบบ 4 สี (Air Sensing Light) ที่ช่วยให้คุณรับรู้สถานะอากาศในห้องได้แบบเรียลไทม์ ทั้งหมดนี้มาในราคาคุ้มค่า เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอากาศบริสุทธิ์โดยไม่ต้องจ่ายแพง

6. Bwell เครื่องฟอกอากาศ รุ่น CF-8005

Bwell เครื่องฟอกอากาศ รุ่น CF-8005

ราคา 6,290 บาท

ฟอกอากาศ 6 ขั้นตอน พร้อมฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี UV ในขนาดกะทัดรัด

Bwell CF-8005 คือเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กที่ทรงพลัง ออกแบบมาเพื่อให้คุณหายใจได้สะอาดยิ่งขึ้นในพื้นที่ขนาด 10 – 20 ตร.ม. ด้วยระบบกรองอากาศ 6 ขั้นตอน สามารถดักจับได้ทั้งฝุ่นขนาดใหญ่ ฝุ่นละอองเล็ก PM2.5 รวมถึงแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังมีระบบฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี UV ช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าอากาศที่คุณสูดเข้าไปสะอาดปลอดภัย

ตัวเครื่องเหมาะกับการใช้งานในห้องนอนหรือบนโต๊ะทำงาน ด้วยดีไซน์กะทัดรัด วางบนหัวเตียงได้สบาย พร้อมฟังก์ชันปรับแรงลมได้ 4 ระดับ และเซนเซอร์วัดค่าฝุ่นที่แจ้งเตือนคุณเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง ฟังก์ชันครบครันในราคาสุดคุ้ม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอากาศบริสุทธิ์ในพื้นที่ส่วนตัว

7. เครื่องฟอกอากาศ Airdog X5Pro (D)Air Purifier

เครื่องฟอกอากาศ Airdog X5Pro (D)Air Purifier

ราคา 31,705 บาท

ฟอกอากาศล้ำสมัย กรองละเอียดกว่าระบบ HEPA ถึง 20 เท่า

Airdog X5Pro (D) คือเครื่องฟอกอากาศระดับพรีเมียมที่มาพร้อมเทคโนโลยีการกรอง 4 ชั้นที่เหนือกว่าระบบ HEPA ถึง 20 เท่า ช่วยขจัดฝุ่นละอองขนาดเล็กถึง 0.0146 ไมครอน รวมถึงสารเคมี ควันบุหรี่ และเชื้อโรคในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อากาศสะอาด สดชื่น และปลอดภัยยิ่งขึ้น

ตัวเครื่องรองรับการปรับโหมดการทำงานถึง 6 ระดับ และสามารถสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Alexa เพิ่มความสะดวกในการควบคุม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพอากาศระดับสูงสุดในบ้านหรือสำนักงาน ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ช่วยให้คุณหายใจได้อย่างมั่นใจทุกวัน

8. Blueair HealthProtect™ 7710i เครื่องฟอกอากาศ กรองฝุ่น PM2.5

Blueair HealthProtect™ 7710i เครื่องฟอกอากาศ กรองฝุ่น PM2.5

ราคา 45,920 บาท

ฟอกอากาศ 360° ตรวจจับมลพิษตลอด 24 ชม. พร้อมเซ็นเซอร์อัจฉริยะ

Blueair HealthProtect™ 7710i คือเครื่องฟอกอากาศระดับไฮเอนด์ที่ออกแบบมาเพื่อมอบอากาศบริสุทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยกำจัดฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเซ็นเซอร์อัจฉริยะที่ตรวจสอบคุณภาพอากาศตลอด 24 ชั่วโมง แม้ในขณะที่เครื่องปิดอยู่ นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันการเติบโตของเชื้อโรคในไส้กรอง ช่วยให้คุณมั่นใจได้ถึงความสะอาดของอากาศที่หายใจเข้าไป

ด้วยดีไซน์ช่องลมออกแบบ 360° เครื่องสามารถกระจายอากาศบริสุทธิ์ไปทั่วห้องได้อย่างทั่วถึง มีระบบแจ้งเตือนอายุไส้กรองแบบเรียลไทม์ และสามารถตรวจวัดค่าฝุ่น PM10, PM2.5, PM1 รวมถึง VOC, ความชื้น และอุณหภูมิห้อง โครงสร้างตัวเครื่องทำจากเหล็กกล้าเคลือบพิเศษ แข็งแรง ทนทาน พร้อมล้อเลื่อนและช่องเก็บสายไฟ สะดวกต่อการใช้งานและเคลื่อนย้าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูงในบ้านหรือสำนักงาน

9. Electrolux เครื่องฟอกอากาศ รุ่น EP72-46DGA

Electrolux เครื่องฟอกอากาศ รุ่น EP72-46DGA

ราคา 17,280 บาท

ฟอกอากาศ ควบคุมความชื้น และทิศทางลม ในเครื่องเดียว

Electrolux EP72-46DGA เป็นเครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะที่มาพร้อมฟังก์ชัน 3-in-1 ทั้งฟอกอากาศ ควบคุมความชื้น และพัดลมกระจายลมสดชื่น เหมาะสำหรับห้องขนาด 45 ตร.ม. ด้วยระบบกรอง 5 ขั้นตอน รวมถึง HEPA13 และ Activated Carbon สามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็ก PM1, 2.5 และ 10 ได้ละเอียดถึง 0.3 ไมครอน ทำให้อากาศสะอาด สดชื่น และช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ในบ้าน

ใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส แสดงผลคุณภาพอากาศแบบ LED และ AQI Index พร้อมรองรับการควบคุมผ่านแอปพลิเคชันมือถือ สามารถเลือกปรับโหมดอัตโนมัติ (Smart Mode) หรือควบคุมด้วยตัวเองตามต้องการ รวมถึงตั้งค่าความชื้นได้ 3 ระดับ (40%, 50% และ 60%) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอากาศบริสุทธิ์พร้อมการควบคุมสภาพแวดล้อมในห้องให้สมดุลที่สุด

10. Honeywell เครื่องฟอกอากาศ รุ่น Air Touch Premium

Honeywell เครื่องฟอกอากาศ รุ่น Air Touch Premium

ราคา 23,520 บาท

-เทคโนโลยีฟอกอากาศระดับยานอวกาศ พร้อมระบบกรองหลายชั้น

Honeywell Air Touch Premium มาพร้อมระบบฟอกอากาศหลายชั้นที่ได้รับสิทธิบัตรเฉพาะ ช่วยดักจับฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ Pre-Filter ที่กำจัดฝุ่น PM10 ไปจนถึงแผ่นกรอง HEPA ที่ขจัดฝุ่น PM2.5 และ PM0.1 ที่เล็กกว่าเส้นผมมนุษย์หลายเท่า ไฮไลต์สำคัญคือแผ่นกรอง HiSiv ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในยานอวกาศ สามารถกำจัดกลิ่น สารเคมี และฟอร์มาลดีไฮด์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ดีกว่าแผ่นคาร์บอนทั่วไป

เครื่องนี้ออกแบบให้ลมหมุนเวียนแบบ 3 มิติ ลดมุมอับ เพิ่มประสิทธิภาพการกรองทั่วห้อง ควบคุมง่ายด้วยโหมดปรับแรงลม 14 ระดับ และระบบอัตโนมัติที่ปรับการทำงานตามคุณภาพอากาศ เซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์ พร้อมแสดงสถานะอากาศเป็นสัญลักษณ์สีวงไฟ ใช้งานสะดวกและช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าอากาศในบ้านจะสะอาดบริสุทธิ์ตลอดเวลา

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศ

1. เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างไร?

เครื่องฟอกอากาศใช้ตัวกรองอากาศ (เช่น HEPA, คาร์บอน) หรือเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น ไอออน หรือแสง UV-C เพื่อกำจัดฝุ่นละออง ควัน กลิ่น เชื้อโรค และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ

2. เครื่องฟอกอากาศช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้หรือไม่?

ช่วยได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเครื่องที่มีตัวกรอง HEPA ซึ่งสามารถดักจับฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้

3. เครื่องฟอกอากาศจำเป็นต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยแค่ไหน?

ขึ้นอยู่กับประเภทของไส้กรองและการใช้งาน โดยปกติ

  • ไส้กรอง HEPA : ควรเปลี่ยนทุก 6-12 เดือน
  • ไส้กรองคาร์บอน : ควรเปลี่ยนทุก 3-6 เดือน
  • ไส้กรองล้างทำความสะอาดได้ : ควรล้างตามคำแนะนำของผู้ผลิต

4. เครื่องฟอกอากาศช่วยกำจัดกลิ่นได้หรือไม่?

หากมีไส้กรองคาร์บอนแบบ Activated Carbon จะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น ควันบุหรี่ หรือกลิ่นอาหารได้

5. เครื่องฟอกอากาศช่วยฆ่าเชื้อโรคหรือไวรัสได้หรือไม่?

เครื่องที่มีเทคโนโลยี UV-C หรือ Plasma Ionizer อาจช่วยลดเชื้อโรคและไวรัสในอากาศได้ แต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโดยตรง

6. ควรใช้เครื่องฟอกอากาศขนาดไหนให้เหมาะกับห้อง?

เลือกขนาดตามพื้นที่ห้อง โดยพิจารณาค่าความสามารถในการฟอกอากาศ (CADR) หรือดูจากคำแนะนำของผู้ผลิต เช่น

  • ห้องขนาด 10-20 ตร.ม. → CADR ประมาณ 100-150 ลบ.ม./ชม.
  • ห้องขนาด 20-40 ตร.ม. → CADR ประมาณ 200-300 ลบ.ม./ชม.

7. สามารถเปิดเครื่องฟอกอากาศตลอด 24 ชั่วโมงได้หรือไม่?

สามารถเปิดได้ แต่ควรพักเครื่องบ้างหากไม่มีโหมดประหยัดพลังงาน เพื่อลดการสึกหรอของมอเตอร์และยืดอายุการใช้งาน

8. เครื่องฟอกอากาศกินไฟมากหรือไม่?

ส่วนใหญ่ใช้พลังงานไม่มาก ประมาณ 20-100 วัตต์ ขึ้นอยู่กับขนาดและโหมดการทำงาน ถ้าเปิดต่อเนื่องอาจใช้ไฟประมาณ 10-50 บาทต่อเดือน

9. ควรวางเครื่องฟอกอากาศตรงไหนในห้อง?

ควรวางในตำแหน่งที่อากาศไหลเวียนสะดวก เช่น กลางห้องหรือใกล้แหล่งมลภาวะ (เช่น ใกล้หน้าต่างหรือจุดที่มีควัน) หลีกเลี่ยงการวางชิดผนังหรือมุมอับ

10. เครื่องฟอกอากาศต่างจากเครื่องปรับอากาศอย่างไร?

  • เครื่องฟอกอากาศ : กำจัดฝุ่น ควัน และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ
  • เครื่องปรับอากาศ : ปรับอุณหภูมิของอากาศ แต่ไม่สามารถกรองอากาศได้ดีเท่ากับเครื่องฟอกอากาศ

บทส่งท้าย

เครื่องฟอกอากาศเป็นตัวช่วยสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยช่วยลดฝุ่น ควัน และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับพื้นที่และดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาวิธีปรับคุณภาพอากาศภายในบ้าน เครื่องฟอกอากาศก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับสุขภาพของคุณและครอบครัว

About the Author: Tangthon

สวัสดีครับ ผมตังค์ทอน ผู้ที่มีความสนใจของใช้ต่าง ๆ ทั้งภายในบ้าน และนอกบ้าน เพราะเป็นของใช้ที่มีประโยชน์ ช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี และใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ผมจึงอยากเขียนรีวิวแนะนำสินค้าต่าง ๆ รวมทั้งแนะนำวิธีการเลือกซื้อเพื่อให้ผู้ที่สนใจและกำลังมองหาสินค้านั้น ๆ ได้ทราบ เพื่อที่จะได้นำไปใช้ในการตัดสินใจ ให้สามารถเลือกได้ง่ายยิ่งขึ้น สิ่งไหนดี สิ่งไหนน่าใช้ ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดีที่สุด สามารถหาคำตอบได้ จากในบทความเลยครับ

You might like