หูฟังเกมมิ่ง คืออุปกรณ์สำคัญที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ในการเล่นเกมให้สมจริงและเข้าถึงอารมณ์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงปืน เสียงฝีเท้า หรือบทสนทนาของเพื่อนร่วมทีม หูฟังเกมมิ่งที่ดีจะช่วยให้คุณได้ยินทุกรายละเอียดอย่างคมชัด ตอบสนองรวดเร็ว และมีไมโครโฟนที่ชัดเจนเพื่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สำหรับเกมเมอร์แล้ว หูฟังที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของเสียง แต่เป็นอาวุธที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะและความสนุกตลอดทุกช่วงเวลาของการเล่นเกม
ในวันนี้ ตังค์ทอน จะมาแนะนำ 10 อันดับ หูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี คุณภาพเยี่ยม เสียงดี เบสหนัก เพื่อให้ทุกคนได้เลือกซื้อตามต้องการ รวมทั้ง จะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อให้ด้วย เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกหูฟังได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
วิธีเลือกซื้อหูฟังเกมมิ่ง เลือกอย่างไรให้คุ้มค่า ใช้งานสนุก เสียงสมจริง
หูฟังเกมมิ่งไม่ได้เป็นแค่หูฟังธรรมดา แต่เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมแบบมืออาชีพ ทั้งในแง่ของเสียงที่ชัดเจน การระบุตำแหน่งศัตรู การสื่อสารในทีม รวมถึงความสบายในการใช้งานเป็นเวลานาน หากคุณกำลังมองหาหูฟังเกมมิ่งคู่ใจ แต่ยังไม่มีความรู้พื้นฐาน ไม่ต้องกังวล เพราะบทความนี้จะพาคุณไปดูวิธีเลือกซื้อหูฟังเกมมิ่งอย่างละเอียดทุกแง่มุม เพื่อให้คุณได้ของที่ “คุ้มค่า คุ้มราคา และตอบโจทย์” การใช้งานจริงมากที่สุด
1. ประเภทของหูฟังเกมมิ่ง: เลือกให้ตรงกับสไตล์การเล่นของคุณ
หูฟังเกมมิ่งมีหลายประเภท แต่ละแบบมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเข้าใจประเภทก่อนเลือกซื้อจะช่วยให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้น
● หูฟังแบบมีสาย (Wired Gaming Headset)
หูฟังแบบมีสายมักให้เสียงที่เสถียร ไม่มีดีเลย์ และราคาย่อมเยากว่าแบบไร้สาย เหมาะกับเกมเมอร์ที่เล่นเกมบนพีซีหรือคอนโซลอยู่กับที่ ไม่ต้องการเคลื่อนไหวมาก จุดเด่นคือต่อแล้วใช้งานได้ทันที ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่
● หูฟังไร้สาย (Wireless Gaming Headset)
หูฟังไร้สายให้ความคล่องตัวสูง เหมาะกับคนที่ไม่ชอบสายระโยงระยาง สามารถนั่งไกลจากหน้าจอหรือเดินไปหยิบของได้ขณะเล่น แต่ควรเลือกรุ่นที่มีความหน่วง (latency) ต่ำ เพื่อไม่ให้เสียงช้ากว่าภาพ และควรดูแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานพอสมควรด้วย
● หูฟังอินเอียร์สำหรับเกม (In-ear Gaming Headset)
เหมาะกับผู้ที่เล่นเกมมือถือหรือพกพาไปเล่นนอกบ้าน ขนาดเล็ก พกง่าย เสียงดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่เหมาะสำหรับเล่นเกมนาน ๆ เพราะอาจใส่ไม่สบายเท่าหูฟังแบบครอบหู
2. คุณภาพเสียง : หัวใจหลักของหูฟังเกมมิ่ง
เสียงคือทุกอย่างในเกม ทั้งการฟังเสียงฝีเท้าในเกม FPS หรือเสียงเอฟเฟกต์ในเกม RPG คุณควรพิจารณาคุณภาพเสียงอย่างจริงจัง
● ระบบเสียง Stereo vs Surround Sound
- Stereo (2.0) : เหมาะสำหรับเกมทั่วไป ฟังเพลง ดูหนัง ใช้งานง่าย ราคาประหยัด
- Virtual Surround (5.1 หรือ 7.1) : ให้เสียงรอบทิศ เสริมประสบการณ์การเล่นเกม FPS หรือเกมแนว Battle Royale ที่ต้องอาศัยการฟังทิศทางศัตรู เช่น PUBG, Call of Duty
- True Surround (หลายไดร์เวอร์) : พบในหูฟังระดับไฮเอนด์ ให้ตำแหน่งเสียงแม่นยำที่สุด แต่ราคาค่อนข้างสูง
● ขนาดไดรเวอร์
ไดรเวอร์คือส่วนที่สร้างเสียง ขนาดที่นิยมคือ 40–50 มม. ขึ้นไป ยิ่งใหญ่ ยิ่งให้เสียงเบสที่หนักแน่น และแยกรายละเอียดเสียงได้ดีขึ้น
3. ไมโครโฟน : ตัวช่วยสำคัญในการสื่อสารในเกม
ในเกมที่ต้องมีการเล่นเป็นทีม เช่น Dota 2, Valorant หรือ Overwatch ไมโครโฟนคือสิ่งจำเป็นมาก ไม่ใช่แค่พูดได้ แต่ต้องชัดเจน ไม่มีเสียงรบกวน
● ไมค์แบบบูม (Boom Mic)
เป็นไมโครโฟนแบบก้านยื่นมาชิดปาก มักให้เสียงพูดคมชัด ลดเสียงรบกวนได้ดี เหมาะกับคนที่เล่นเกมแบบแข่งขันจริงจัง
● ไมค์ตัดเสียงรบกวน (Noise-Canceling Mic)
ช่วยกรองเสียงรอบข้าง เช่น เสียงพัดลม เสียงรถวิ่ง หรือเสียงคนพูดข้าง ๆ เหมาะกับการเล่นในที่ที่ไม่เงียบสนิท
● ฟีเจอร์ยกเพื่อปิดไมค์ (Flip to Mute)
เป็นฟีเจอร์เล็ก ๆ ที่ใช้งานง่าย แค่ยกไมค์ขึ้น เสียงจะถูกปิดทันที เพิ่มความสะดวกเวลาไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยิน
4. ความสบายในการสวมใส่ : เล่นเกมได้ยาวนานไม่ปวดหัว
เกมเมอร์หลายคนเล่นเกมวันละหลายชั่วโมง การใส่หูฟังที่อึดอัดหรือร้อนเกินไปอาจทำให้รู้สึกล้า
● วัสดุของที่ครอบหู (Ear Cups)
เลือกแบบที่บุด้วยเมมโมรีโฟมหรือฟองน้ำหนานุ่ม และมีผ้าหรือหนังหุ้มที่ระบายอากาศได้ดี เช่น หนังเทียมเกรดพรีเมียมหรือผ้าตาข่าย (Mesh Fabric)
● น้ำหนักของหูฟัง
หูฟังที่เบาจะช่วยลดแรงกดบนศีรษะและหู เหมาะสำหรับคนที่เล่นนานหลายชั่วโมง ควรเลือกหูฟังที่น้ำหนักไม่เกิน 300 กรัม
● ขนาดที่ปรับได้
ต้องสามารถปรับระดับได้ให้เข้ากับรูปทรงศีรษะ และไม่บีบรัดจนเกินไป ควรลองสวมก่อนซื้อหากเป็นไปได้
5. การเชื่อมต่อ : ต้องรองรับอุปกรณ์ที่คุณใช้
หูฟังเกมมิ่งมีวิธีเชื่อมต่อหลายแบบ ควรเลือกให้ตรงกับแพลตฟอร์มที่คุณเล่น เช่น PC, PS5, Xbox, หรือมือถือ
● แจ็ค 3.5 มม.
รองรับการใช้งานกับ PC, มือถือ, PS4, PS5 ได้หลากหลายที่สุด แต่เสียงอาจไม่ละเอียดเท่าระบบดิจิทัล
● USB
ให้คุณภาพเสียงที่ดีและเสถียรกว่าแบบแจ็ค เหมาะกับ PC และ PS5 แต่ไม่สามารถใช้กับมือถือหรือ Xbox บางรุ่นได้
● Wireless (2.4 GHz หรือ Bluetooth)
- 2.4 GHz เสียงมีความเสถียร ใช้ดองเกิลเชื่อมต่อ เหมาะกับเกมเมอร์ที่เน้นความเร็ว
- Bluetooth เหมาะกับการใช้งานทั่วไปและเกมบนมือถือ แต่มีโอกาสดีเลย์สูงในเกมที่ต้องการความแม่นยำของเสียง
6. ฟีเจอร์พิเศษเสริมประสบการณ์เกม
หูฟังเกมมิ่งบางรุ่นมีฟีเจอร์เพิ่มเติมที่ช่วยเพิ่มอรรถรสหรือความสะดวก
● ไฟ RGB
ไม่ได้ช่วยเรื่องเสียงแต่เสริมความเท่และบรรยากาศบนโต๊ะเกมของคุณ หากคุณมีเซ็ตอุปกรณ์เกมมิ่ง RGB อยู่แล้ว ก็เลือกหูฟังที่เข้ากันได้
● ซอฟต์แวร์ปรับแต่งเสียง
รุ่นที่มีซอฟต์แวร์เฉพาะ เช่น Razer Synapse, SteelSeries GG, Logitech G Hub จะสามารถปรับ EQ, Surround, ปรับเสียงไมค์ และบันทึกโปรไฟล์เสียงตามเกมที่เล่นได้
● ระบบเสียง 3D Audio (เช่น Tempest 3D AudioTech บน PS5)
ช่วยให้การเล่นเกมบนคอนโซลมีมิติเสียงที่สมจริงขึ้นมาก ควรเลือกหูฟังที่รองรับระบบนี้หากเล่นเกมบน PS5 เป็นหลัก
สรุป : หูฟังเกมมิ่งที่ดี ไม่จำเป็นต้องแพงที่สุด แต่ต้องเหมาะกับคุณที่สุด
การเลือกซื้อหูฟังเกมมิ่งไม่ใช่แค่ดูแบรนด์หรือราคา แต่ต้องพิจารณาทั้งประเภทการเชื่อมต่อ คุณภาพเสียง ความสบาย ฟีเจอร์พิเศษ และรูปแบบการเล่นของคุณ เพราะหูฟังที่ดีจะช่วยให้คุณ “ได้ยินก่อน มองเห็นทีหลัง” และอาจเป็นกุญแจสู่ชัยชนะในสนามรบเสมือนจริงก็ได้
10 อันดับ หูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 คุรภาพเสียงเยี่ยม ฟีเจอร์ครบ ราคาจับต้องได้
หลังจากที่ได้รับทราบวิธีการเลือกซื้อหูฟังเกมมิ่งกันไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไป ทุกคนจะได้พบกับ หูฟังเกมมิ่งทั้ง 10 รุ่นที่เราคัดสรรมาเป็นอย่างดี สามารถดูจากรีวิวด้านล่างได้เลย
1. หูฟัง Logitech G733 Lightspeed
ราคา 3,190 บาท
-ไร้สาย เสียงดี มีไฟ RGB ปรับแต่งได้ พร้อมใช้งานยาวนานกว่า 29 ชั่วโมง
Logitech G733 Lightspeed คือหูฟังเกมมิ่งไร้สายที่ให้คุณอิสระเต็มที่ทั้งในเกมและชีวิตประจำวัน ด้วยเทคโนโลยี LIGHTSPEED ที่ให้ระยะเชื่อมต่อสูงสุดถึง 20 เมตร และแบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 29+ ชั่วโมง สวมใส่สบาย น้ำหนักเบา ไม่กดศีรษะ เหมาะกับการใช้งานทั้งเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ได้อย่างผ่อนคลาย
นอกจากเสียงที่คมชัดจากไดรเวอร์ PRO-G และระบบ DTS Headphone:X 2.0 แล้ว G733 ยังมาพร้อมไฟ RGB ปรับแต่งได้ถึง 16.8 ล้านสีใน 2 โซน เพิ่มความโดดเด่นและสไตล์เฉพาะตัว ทั้งยังสามารถเปลี่ยนสายคาดศีรษะและไมค์โฟนให้เข้ากับบุคลิกคุณได้อย่างอิสระ ถือเป็นหูฟังที่ทั้งสวย เสียงดี และใช้งานสนุกในตัวเดียว
2. หูฟังเกมมิ่ง HyperX Cloud III
ราคา 3,200 บาท
-เสียงคมชัดรอบทิศทาง พร้อมใส่สบายตลอดการเล่นเกมยาวนาน
HyperX Cloud III คือหูฟังเกมมิ่งระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาเพื่อมอบทั้งความสบายและคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม เหมาะกับนักเล่นเกมที่ต้องการประสบการณ์เสียงรอบทิศทางแบบสมจริง ด้วยไดรเวอร์ขนาด 53 มม. แบบปรับมุม เสียงที่ได้จึงมีมิติชัดเจนทุกย่าน และไมโครโฟนขนาด 10 มม. ก็ให้เสียงพูดคมชัด พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนในตัว
ตัวหูฟังออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ มาพร้อมวัสดุทนทาน สวมใส่สบายแม้เล่นต่อเนื่องหลายชั่วโมง รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพีซี, PS5, Xbox หรือ Nintendo Switch และยังมีระบบ DTS Headphone:X เพิ่มความแม่นยำในการระบุตำแหน่งศัตรู ช่วยให้คุณได้เปรียบในทุกเกมที่เล่น.
3. หูฟังเกมมิ่ง Razer Kraken V3 X USB
ราคา 1,463 บาท
ระบบเสียง 7.1 เซอร์ราวด์แม่นยำขั้นเทพ เหมาะสุดสำหรับสาย FPS
Razer Kraken V3 X USB คือหูฟังเกมมิ่งยอดนิยมจากค่ายงูเขียว ที่ตอบโจทย์เกมเมอร์สายจริงจังได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยน้ำหนักเบาเพียง 285 กรัม ทำให้สามารถใส่เล่นเกมได้ต่อเนื่องยาวนานโดยไม่รู้สึกล้า เสริมด้วยวัสดุรองศีรษะและครอบหูแบบระบายอากาศ ช่วยเพิ่มความสบายในระยะยาว
จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่ระบบเสียง 7.1 Surround ที่ให้มิติเสียงรอบตัวชัดเจน เหมาะมากสำหรับเกมแนว FPS ที่ต้องอาศัยเสียงเท้าและทิศทางกระสุนเพื่อเอาชนะคู่แข่ง เสียงจากไดรเวอร์ TriForce ขนาด 40 มม. ให้โทนเสียงบาลานซ์ทั้งเบสและเสียงแหลมอย่างมีคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงง่าย ถือเป็นหนึ่งในหูฟังเกมมิ่ง USB ที่คุ้มค่าที่สุดในช่วงราคานี้.
4. หูฟังเกมมิ่ง Logitech G Pro X
ราคา 3,299 บาท
-ไมโครโฟน Blue VO!CE เสียงชัดระดับสตรีมเมอร์ พร้อมระบบเสียงเซอร์ราวด์ระดับโปร
Logitech G Pro X เป็นหูฟังเกมมิ่งระดับมืออาชีพที่ออกแบบมาเพื่อนักแข่งอีสปอร์ตโดยเฉพาะ ด้วยไมโครโฟนถอดได้ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Blue VO!CE ให้เสียงพูดชัดเจน คมกริบระดับสตรีมเมอร์ พร้อมฟีเจอร์คอมเพรสเซอร์และตัวตัดเสียงรบกวน เสริมการสื่อสารในเกมให้มีประสิทธิภาพเหนือชั้น
นอกจากเสียงพูดคมชัดแล้ว ยังมีระบบเสียงเซอร์ราวด์ 7.1 และเสียงตามวัตถุแบบ Next-gen ที่ช่วยให้คุณได้ยินทิศทางและระยะห่างศัตรูได้แม่นยำ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเกมแนวแข่งขัน ตัวหูฟังใช้วัสดุทนทานอย่างอะลูมิเนียมและเหล็ก พร้อมแผ่นรองหูเมมโมรี่โฟมที่เปลี่ยนได้ตามความชอบระหว่างหนังเทียมหรือกำมะหยี่ เพื่อการสวมใส่ที่สบายตลอดการเล่น.
5. หูฟังเกมมิ่ง Razer BlackShark V2 Pro
ราคา 8,040 บาท
-เสียงแน่น ไมค์คม ใส่สบาย พร้อมเทคโนโลยีระดับโปรจาก Razer
Razer BlackShark V2 Pro คือหูฟังเกมมิ่งไร้สายระดับเรือธงที่ตอบโจทย์ทั้งสายแข่งและสายจริงจังเรื่องคุณภาพเสียง ด้วยไดรเวอร์ระดับพรีเมียมที่ให้เสียงคมชัดทุกมิติ ตั้งแต่เสียงฝีเท้าในเกม FPS ไปจนถึงซาวด์แทร็กในเกมเนื้อเรื่อง พร้อมเทคโนโลยีเสียงล้ำสมัยจาก Razer ที่ออกแบบมาเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน
ไมโครโฟนระดับโปรมาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ให้เสียงพูดชัดใสไม่ว่าคุณจะสตรีมหรือคุยกับทีม เสริมด้วยวัสดุโครงสร้างที่เบาแต่ทนทาน รองรับการใช้งานยาวนานโดยไม่กดศีรษะหรือทำให้เมื่อยล้า ถือเป็นหูฟังที่จัดเต็มทั้งคุณภาพและฟังก์ชัน เหมาะกับเกมเมอร์ที่ต้องการประสบการณ์เสียงระดับมืออาชีพ.
6. หูฟังเกมมิ่ง Onikuma GT808 Three Mode Headphone
ราคา 1,100 บาท
-เชื่อมต่อ 3 โหมด รองรับทุกแพลตฟอร์ม พร้อมไมค์ตัดเสียงรบกวนแบบ 360°
Onikuma GT808 คือหูฟังเกมมิ่งไร้สายราคาประหยัดที่มาพร้อมฟีเจอร์ครบครันเกินราคา ด้วยการเชื่อมต่อ 3 โหมด—Bluetooth 5.3, 2.4GHz และ AUX 3.5 มม.—ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลายทั้งพีซี, มือถือ, คอนโซล หรือ Nintendo Switch ได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะเล่นเกมหรือรับสายก็ตอบโจทย์
ตัวไมโครโฟนแบบยืดหยุ่นหมุนได้ 360° พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ช่วยให้สื่อสารในทีมได้ชัดเจนไม่มีเสียงแทรก ขณะที่วัสดุหูฟังเน้นความนุ่ม ระบายอากาศดี ไม่อับชื้นแม้ใส่ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกจัดวางไว้บนตัวหูฟัง ทำให้ใช้งานได้ง่ายแม้ในจังหวะที่เกมกำลังเข้มข้น ถือเป็นตัวเลือกน่าสนใจสำหรับเกมเมอร์สายคุ้มค่า.
7. FANTECH รุ่น HG20 RGB CHIEF II
ราคา 590 บาท
หูฟัง RGB น้ำหนักเบา เสียงคมชัด ซ้าย-ขวา ชัดเจนเกินราคา
FANTECH HG20 RGB CHIEF II เป็นหูฟังเกมมิ่งที่ออกแบบมาเพื่อคอเกมโดยเฉพาะในงบไม่ถึงพันบาท ด้วยน้ำหนักเพียง 352 กรัม ทำให้ใส่ได้นานโดยไม่ปวดหัวหรือเจ็บหู ตัวครอบหูบุด้วยหนังนุ่มคุณภาพดี สวมใส่สบาย ส่วนไฟ RGB แบบ Lightning Effects ก็เพิ่มความเท่ให้โต๊ะเกมมิ่งได้ไม่น้อย
เสียงซ้าย-ขวาแยกชัดเจน เหมาะมากกับเกมแนว FPS และ MOBA ที่ต้องอาศัยการฟังเสียงรอบตัว ไดรเวอร์ขนาด 40 มม. ให้เสียงคม มีมิติ สาย USB ยาว 1.8 เมตร พร้อมสายแบบหนาพิเศษ ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนาน รองรับทั้ง PC และ Notebook ถือว่าเป็นหูฟัง RGB ที่คุ้มเกินราคา เหมาะสำหรับมือใหม่หรือเกมเมอร์สายประหยัดที่ไม่อยากพลาดทุกจังหวะในเกม.
8. Onikuma GT806 หูฟังเล่นเกม 3 โหมด
ราคา 762 บาท
รองรับ 3 โหมดเชื่อมต่อ เสียงแน่น ไมค์ตัดเสียง คุ้มเกินราคา
Onikuma GT806 เป็นหูฟังเกมมิ่งไร้สายราคาประหยัดที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์เกินตัว ด้วยระบบเชื่อมต่อ 3 โหมด—Bluetooth 5.4, 2.4GHz และ AUX 3.5 มม.—ทำให้ใช้งานได้กับหลากหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นพีซี, PS5, มือถือ หรือ Nintendo Switch เสียงจัดเต็มด้วย Dual Neodymium Drivers ขนาด 50 มม. ให้เสียงเบสแน่น รายละเอียดคมชัด เสริมประสบการณ์เล่นเกมให้สนุกยิ่งขึ้น
ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนปรับงอได้ 360° ช่วยให้การสื่อสารในทีมคมชัดไม่สะดุด ตัวครอบหูใช้วัสดุที่ระบายอากาศได้ดี ใส่แล้วไม่ร้อนหรืออึดอัด ใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 12 ชั่วโมงต่อการชาร์จ ปุ่มควบคุมต่าง ๆ ก็อยู่บนตัวหูฟัง ใช้งานง่ายสุด ๆ เหมาะกับเกมเมอร์สายประหยัดที่ต้องการฟีลลิ่งระดับมือโปรในงบไม่ถึงพัน
9. หูฟังเกมมิ่ง EGA TYPE H13
ราคา 690 บาท
-เสียงกระหึ่มรอบทิศ ไฟ RGB เท่ ๆ ใช้งานคุ้มในราคาสบายกระเป๋า
EGA TYPE H13 เป็นหูฟังเกมมิ่งสาย USB ที่ให้ประสบการณ์เสียงแบบ 7.1 รอบทิศทาง เสียงชัด กระหึ่ม เหมาะกับเกมแนว FPS หรือเกมที่ต้องการความแม่นยำเรื่องทิศทางของเสียง ตัวหูฟังขนาด 50 มม. พร้อมฟองน้ำซับหูนุ่ม ๆ ทำให้ใส่ได้สบายไม่อึดอัดแม้ใช้งานต่อเนื่องยาวนาน
สายถัก USB ความยาว 2.1 เมตร แข็งแรงทนทาน ใช้งานสะดวก ไมค์สามารถปรับงอได้ 360° พร้อมสวิตช์เปิด/ปิดไมค์และปรับเสียงในตัว มีไฟ RGB เพิ่มความโดดเด่นระหว่างใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ปรับแต่งเสียงเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ EGAZONE จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเกมเมอร์มือใหม่หรือผู้ที่ต้องการหูฟังราคาย่อมเยาแต่ครบฟังก์ชัน
10. หูฟังเกมมิ่ง NUBWO X98
ราคา 459 บาท
-เสียงรอบทิศทาง 7.1 พร้อมดีไซน์เรียบหรู ไมค์สั้นใช้งานสะดวก
NUBWO X98 เป็นหูฟังเกมมิ่งที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เกมเมอร์ที่ต้องการเสียงสมจริงและดีไซน์ทันสมัย มาพร้อมระบบเสียง 7.1 Virtual Surround Sound ที่ให้ประสบการณ์เสียงรอบทิศทางชัดเจน เหมาะกับการเล่นเกมที่ต้องอาศัยการฟังทิศทาง เช่น FPS หรือแนว MOBA ลำโพงขนาด 50 มม. ให้เสียงที่ทรงพลัง ชัดเจน และมีมิติ
ตัวหูฟังมีดีไซน์เรียบหรู พร้อมไฟ Spectrum LED ที่เพิ่มความสวยงามโดยไม่ดูฉูดฉาดเกินไป ส่วนที่ครอบหูและสายคาดศีรษะมีขนาดใหญ่ นุ่ม และแข็งแรง ใส่ได้นานไม่เมื่อย ไมโครโฟนแบบสั้นที่ยังสามารถรับเสียงได้ชัดเจน ไม่เกะกะเวลาใช้งาน มี Rolling switch ปรับเสียงอยู่ด้านข้าง ใช้งานง่าย และเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB 2.0 รองรับการใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติม แถมรับประกันถึง 2 ปี ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในงบไม่สูงแต่ได้ฟีเจอร์เกินราคา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหูฟังเกมมิ่ง (FAQ)
1. หูฟังเกมมิ่งต่างจากหูฟังธรรมดายังไง?
หูฟังเกมมิ่งถูกออกแบบมาให้แยกเสียงได้ละเอียด เช่น เสียงฝีเท้า ทิศทางกระสุน หรือเสียงรอบตัวในเกม มีไมค์สำหรับสื่อสาร และรองรับเสียงรอบทิศ (Surround Sound) ซึ่งหูฟังทั่วไปมักไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วน
2. หูฟังเกมมิ่งใช้ฟังเพลงได้ไหม?
ได้ครับ แต่คุณภาพเสียงอาจไม่เทียบเท่าหูฟังที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับฟังเพลง โดยเฉพาะในเรื่องของความนุ่มของเสียง หรือการแยกชั้นเสียงดนตรี
3. เล่นเกมมือถือจำเป็นต้องใช้หูฟังเกมมิ่งไหม?
ไม่จำเป็นต้องใช้แบบราคาแพง แต่อินเอียร์หรือหูฟังเกมมิ่งแบบเล็กที่มีไมค์และเสียงหน่วงต่ำจะช่วยให้คุณเล่นได้แม่นยำและสื่อสารได้ดีขึ้นในเกมที่เล่นแบบทีม
4. หูฟังเกมมิ่งไร้สายจะมีดีเลย์หรือไม่?
บางรุ่นมีดีเลย์ โดยเฉพาะแบบ Bluetooth แต่หูฟังเกมมิ่งไร้สายแบบ 2.4 GHz ที่ใช้ดองเกิลจะให้เสียงที่รวดเร็วและเสถียรกว่า Bluetooth มาก เหมาะกับเกมที่ต้องการความแม่นยำของเสียง
5. ถ้าไม่มีซาวด์การ์ด จะใช้หูฟังเกมมิ่งได้ไหม?
ใช้ได้ครับ โดยเฉพาะรุ่นที่เชื่อมต่อผ่าน USB ซึ่งมีการ์ดเสียงในตัวอยู่แล้ว หรือรุ่นแบบ 3.5 มม. ก็ใช้ได้กับอุปกรณ์ทั่วไป เช่น คอมพิวเตอร์ มือถือ หรือเครื่องคอนโซล
6. หูฟัง 7.1 Surround ดีกว่า Stereo จริงไหม?
ในแง่ของการเล่นเกมที่ต้องการระบุตำแหน่งเสียง เช่น FPS หรือเกมแนวเอาตัวรอด หูฟัง 7.1 Surround ให้ประสบการณ์ที่แม่นยำกว่า แต่หากคุณเล่นเกมทั่วไปหรือฟังเพลง Stereo ก็เพียงพอ
7. ไมโครโฟนของหูฟังเกมมิ่งตัดเสียงรบกวนได้จริงไหม?
หูฟังบางรุ่นมีระบบตัดเสียงรบกวน (Noise-Canceling Microphone) ที่ช่วยลดเสียงรอบข้างได้ในระดับหนึ่ง แต่คุณภาพขึ้นอยู่กับแบรนด์และระดับราคาด้วย
8. ใช้หูฟังเกมมิ่งกับ PS4 หรือ PS5 ได้ไหม?
ได้ครับ โดยเฉพาะรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB หรือแจ็ค 3.5 มม. แต่อย่าลืมตรวจสอบว่าสินค้ารองรับแพลตฟอร์มของคุณก่อนซื้อ
9. หูฟังเกมมิ่งแบบไหนเหมาะกับคนใส่แว่น?
ควรเลือกหูฟังที่มีที่ครอบหูนุ่ม และออกแบบมาเพื่อความสบายในการสวมใส่นาน ๆ เช่น ใช้วัสดุเมมโมรีโฟม หรือมีดีไซน์ที่ไม่บีบรัดกรอบแว่น
10. ต้องลงทุนกับหูฟังเกมมิ่งแพง ๆ ไหม?
ไม่จำเป็นเสมอไป หากคุณเล่นเกมเพื่อความบันเทิงทั่วไป หูฟังเกมมิ่งระดับกลางก็ให้คุณภาพเสียงและไมค์ที่ดีเพียงพอ แต่ถ้าคุณแข่งขันหรือสตรีมเป็นประจำ การลงทุนในรุ่นที่คุณภาพสูงจะคุ้มค่าในระยะยาว
บทส่งท้าย
หูฟังเกมมิ่ง ไม่ใช่แค่เครื่องมือสำหรับฟังเสียงในเกมเท่านั้น แต่ยังเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมให้สมจริงและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแยกเสียงศัตรู เสียงเอฟเฟกต์รอบตัว หรือการสื่อสารกับทีมก็ล้วนมีผลต่อชัยชนะ ดังนั้นการเลือกหูฟังเกมมิ่งที่เหมาะกับสไตล์การเล่น งบประมาณ และอุปกรณ์ที่คุณใช้งาน ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหูฟังดี ๆ จะช่วยให้คุณเล่นเกมได้สนุกขึ้น และได้เปรียบคู่แข่งในทุกสนามแข่งขัน