สวัสดีครับเพื่อน ๆ ในยุคสมัยนี้ สื่อสังคมออนไลน์ มีความน่าสนใจมาก ๆ เลยครับ เพราะมีนักผลิตสื่อจำนวนมาก ผลิตสื่อของตนเอง ออกมาให้เรารับชมกันมากมาย และผู้ช่วยที่สำคัญของผู้ผลิตสื่อนั่นก็คือ ไมค์อัดเสียง นั่นเองครับ
ในโลกโซเชียลมีเดียร์นั้น มีหลาย ๆ เรื่องที่น่าสนใจ และน่ารับชมเป็นอย่างมากเลยนะครับ มีนักผลิตสื่อมากมายหลายสายที่นำเสนอคอนเทนต์ของตัวเองออกมาอย่างน่าสนใจ มีทั้ง ยูทูปเบอร์ นักแคสเกม บล็อกเกอร์
นักจัดรายการ และนักพอดแคสต์ เป็นต้น ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อย่าง ไมค์อัดเสียง ที่มีคุณภาพมาใช้ในการทำสื่อครับ ซึ่งจะขาดไปเสียไม่ได้เลย เพราะถ้าไม่มีไมค์ ก็จะไม่สามารถลงเสียงได้
และถ้าใช้ไมค์ราคาถูก คุณภาพไม่ดี ก็ไม่ได้อีกด้วยนะ เพราะจะทำให้เสียงที่ได้ ไม่มีคุณภาพเพียงพอ การทำภาพวิดีโอก็เข้าใจได้ แต่ถ้าเสียงไม่ดี ฟังไม่รู้เรื่อง เสียงเบาไป เสียงแตกไป ไม่คมชัด แบบนี้ไม่ดีแน่นอนครับ
จริง ๆ นอกจากไมค์อัดเสียงแล้ว ก็ยังมีไมค์แบบอื่น ๆ ด้วยนะครับ เช่น ไมค์ลอย ไมค์หนีบปกเสื้อ และ ไมค์ไลฟ์สด ที่สามารถใช้งานได้ด้วยเช่นเดียวกันครับ สำหรับนักผลิตสื่อออนไลน์นะครับ สามารถใช้งานไมค์อัดเสียงได้ง่าย
ไม่ได้ยุ่งยากเลยครับ สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง แล้วอัดเสียงระหว่างจัดรายการ ระหว่างทำการแคสเกมส์ ก็สะดวกมาก ๆ เลย รวมทั้งสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก็ทำได้ด้วยครับ
เมื่อทำการเชื่อมต่อได้แล้ว ก็ยังสามารถปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้ตามต้องการ เพื่อให้งานออกมาดีที่สุดครับ ในท้องตลาดบ้านเรา ก็มี ไมค์อัดเสียง ออกมามากมายหลายแบรนด์ หลายรุ่น หลายราคา จนเลือกกันไม่ถูกเลย
วันนี้ครับ ตังค์ทอน จะมาแนะนำ 10 อันดับ ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี สามารถอัดเสียงได้อย่างคมชัด ได้คุรภาพที่สูง สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย มาให้เพื่อน ๆ ได้รับทราบกัน รวมทั้งยังมีข้อมูลที่มีประโยชน์อื่น ๆ อีก
ทั้งประเภทของไมค์ว่ามีอะไรบ้าง สามารถใช้ประโยชน์ในด้านใดได้บ้าน และยังมาพร้อมกับวิธีการเลือกซื้อไมค์อัดเสียงเพื่อให้เพื่อน ๆ ได้รับทราบด้วยครับ วันนี้จะมีไมค์อัดเสียงรุ่นไหนน่าสนใจบ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลยครับ
10 อันดับ ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ดีไซน์ทันสมัย ลดเสียงรบกวนได้ บันทีกเสียงยอดเยี่ยม ปี 2023
1. SHURE MV7 Podcast Microphone ไมค์บันทึกเสียง ช่อง Output USB/XLR
แบรนด์ : SHURE รุ่น : MV7 ทิศทางการรับเสียง : Cardiod ความไวการรับเสียง : -55dB ย่านความถี่เสียง : 50Hz – 16kHz รูปแบบการเชื่อมต่อ : XLR, USB เชื่อมต่อสมาร์ตโฟน : มี
SHURE MV7 Podcast Microphone ไมค์บันทึกเสียง ช่อง Output USB/XLR ไมค์อัดเสียงประสิทธิภาพเยี่ยม น่าใช้งาน จากแบรนด์ดังอย่าง SHURE ที่มีคุณภาพโดดเด่น ให้ทุก ๆ เป็นห้องบันทึกเสียงได้เป็นอย่างดี
สำหรับไมค์รุ่นนี้นะครับ มีความพิเศษที่น่าสนใจมาก ๆ เลย นั่นก็คือ สามารถทำการเชื่อมต่อไปถึง 2 รูปแบบเลยทีเดียว โดยจะมี พอร์ต USB และ XLR ในส่วนนี้ สามารถเลือกใช้งานได้ตามใจเลย
รวมไปถึง อีกสิ่งหนึ่งที่มีความโดดเด่น คือ สามารถเชื่อมต่อผ่านทาง USB ใช้สำหรับปรับตั้งค่าต่าง ๆ ของไมค์รุ่นนี้ ผ่านทางแอปพลิเคชัน ShurePlus Motiv โดยสามารถตั้งค่าต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายเลย
เพื่อให้ตรงกับการใช้งานต่าง ๆ ได้มากที่สุด สะดวกสบายต่อการใช้งานมาก ๆ ต่อมา ก็ยังสามารถปรับตำแหน่ง Preset ของตัวไมค์อัดเสียงให้เหมาะสมได้ มีช่อง Headphone Monitoring Output
ช่วยให้ผู้ใช้งานไมค์ สามารถได้ยินเสียงตัวเองในขณะบันทึกเสียงได้ และ ยังเหมาะสำหรับการอัดเสียงพูด และ เสียงร้องเพลงด้วยครับ สำหรับใครที่กำลังมองหาไมค์อัดเสียงที่ครบจบในตัวเดียว ไมค์รุ่นนี้ถือว่ายอดเยี่ยมครับ
จุดเด่น
- สามารถเชื่อมต่อได้ 2 รูปแบบ XLR และ USB
- ไมค์อัดเสียงคุณภาพเด่น ชัดเจนทุกสัมผัส
- สามารถปรับตำแหน่ง Preset ของไมโครโฟนให้เหมาะสม
- มาพร้อมกับช่อง Headphone Monitoring Output ช่วยให้ได้ยินเสียงตัวเองในขณะบันทึกได้
- โฟกัสการรับเสียงได้อย่างแม่นยำ และป้องกันเสียงรบกวนที่ไม่ต้องการ ขณะการบันทึกเสียง
2. Beyerdynamic Fox ไมโครโฟน ชนิด Condenser เชื่อมต่อผ่าน USB
แบรนด์ : Beyerdynamic รุ่น : Fox ประเภทไมค์ : Dynamic ทิศทางการรับเสียง : Cardioid การตอบสนองต่อช่วงความถี่ : 20 Hz ถึง 20 kHz ความสามารถในการรับเสียงสูงสุด : 98 dB พอร์ตเชื่อมต่อ : USB
Beyerdynamic Fox ไมโครโฟน ชนิด Condenser เชื่อมต่อผ่าน USB ไมค์อัดเสียงที่ได้รับการออกแบบมาอย่างเรียบหรู ดูดี น่าใช้งาน สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมาก ๆ ผ่านทางสาย USB
ในส่วนของการใช้งานที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนนั้น สามารถเสียบเข้าแล้วใช้งานได้ทันที สามารถใช้งานตัวไมค์ได้ทั้ง คอมพิวเตอร์ระบบ Windows/OSX หรือจะเสียบเข้ากับสมาร์ทโฟนผ่านหัวเชื่อมต่อ OTG ก็ได้
ต่อมา มาพร้อมกับ Wind Shield ที่ได้รับการออกแบบมา เพื่อช่วยลดเสียงลมที่จะออกมาจากปากของเราในระหว่างพูดได้ดี ในส่วนของการบันทึกเสียงนั้นนะครับ ไมค์รุ่นนี้ จะมาพร้อมกับ ADC ที่จะบันทึกเสียงที่ความละเอียดสูงสุด 24/96kHz
เพื่อให้ได้รายละเอียดเสียงที่ดีที่สุดนั่นเอง การใช้งานแสนง่ายดาย ได้เสียงที่มีคุณภาพสูง มีช่องเชื่อมต่อหูฟัง เพื่อการมอนิเตอร์เสียง = 0 Latency ปุ่มควบคุม Gain สำหรับการบันทึกเสียงเครื่องดนตรีที่ให้เสียงดัง
บริเวณตัวไมค์ จะมีปุ่ม mute สำหรับปิดเสียงชั่วคราว โดยจะมีไฟแจ้งสถานะเมื่อกดปุ่ม และลูกบิดปรับ monitor mix และ headphones volume ให้ใช้งานอีกด้วย สำหรับไมค์รุ่นนี้ถือว่าคุณภาพจัดเต็มมาก ควรมีไว้ใช้งานครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยงาม ดูดี น่าใช้งานเป็นอย่างยิ่ง
- มีขนาดเล็กน้ำหนักเบา สามารถพกพาไปได้ทุกที่
- คุณภาพเสียงคมชัดยอดเยี่ยมมาก
- เชื่อมต่อผ่านทาง USB โดยออกแบบให้เสียบแล้วใช้งานได้ทันที
- ใช้ได้ทั้ง Windows/OSX หรือจะเสียบเข้ากับสมาร์ทโฟนผ่านหัวเชื่อมต่อ OTG ก็ได้
- สามารถบันทึกเสียงได้ยอดเยี่ยมในทิศทางตรง
- มาพร้อมกับปุ่มสำหรับปรับแต่งเสียงช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย
3. sE Electronics X1 S Studio Bundle
แบรนด์ : sE Electronics รุ่น : X1 S Studio Bundle ความไวการรับเสียง : -10dB, -20dB ย่านความถี่เสียง : 20Hz – 20kHz ทิศทางการรับเสียง : Cardioid รูปแบบการเชื่อมต่อ : XLR
sE Electronics X1 S Studio Bundle ไมค์อัดเสียงที่ได้รับการออกแบบดีไซน์ตัวบอดี้ให้เป็นแบบโลหะ สวยงาม ดูดีมาก ๆ น่ามีไว้ใช้งานสุด ๆ สำหรับตัวไมค์รุ่นนี้นะครับ มีความสามารถในการบันทึกเสียงที่ยอดเยี่ยม
มีประสิทธิภาพสูง เสียงที่ได้มีความเคลียร์ ใสสะอาด มีเสียงรบกวนน้อยมาก ๆ สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย และง่ายดายสะดวกอย่างยิ่ง มีฟังก์ชั่นการใช้งานมาให้อย่างครอบคลุม
โดยมีทั้งกา Pop Filter ที่ติดตั้งบนตัวจับไมค์ ช่วยลดเสียงไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ที่เกิดจากการบันทึกเสียงได้เป็นอย่างดี ทำหใ้สามารถใช้งานในสภาำแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ต่อมาครับ มาพร้อมกับรูปแบบการรับเสียงแบบ Cardioid ค่า Max SPL รองรับความดังได้สูงสุดถึง 160dB หมดกังวลเรื่องสัญญาณหาย ใช้แจ็ค XLR 3 พินเคลือบทองและใช้พลังงาน phantom + 48V
ให้การรตอบสนองความถี่ 20 Hz ถึง 20 kHz มี Pad switch 2 ระดับที่สลับได้ -10 dB กับ -20 dB ช่วยลดความผิดเพี้ยนเมื่อไมค์แหล่งสัญญาณเสียงดัง ๆ เช่นกลองและแอมกีต้าร์ เป็นต้นครับ เป็นไมค์อีกรุ่นที่น่าสนใจมากครับ
จุดเด่น
- ตัวไมค์จะมีน้ำหนักประมาณ 400 g.สวยหรูด้วย Body ที่เป็นโลหะ
- รุ่นนี้เเคปซูลทำด้วยมือ ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ งานประณีต ให้เสียงสมจริง
- ได้เสียงที่สะอาด และมีเสียงรบกวนที่น้อยลง
- มาพร้อมกับ Diaphragm ขนาดใหญ่ 1 นิ้ว สีทองสวยงาม
- ในกล่องมาพร้อมกับคลิปหนีบไมค์และอะแดปเตอร์ เพื่อความสะดวกในการติดตั้งบนขาตั้งไมค์
- เหมาะสำหรับคนทำเพลงที่เน้นบันทึกเสียงที่บ้าน คนทำ Home Studio
4. Rode NT-USB Microphone USB ไมโครโฟน
แบรนด์ : Rode รุ่น : NT-USB รูปแบบการเชื่อมต่อ : USB เชื่อมต่อสมาร์ตโฟน : มี ทิศทางการรับเสียง : Cardiod ย่านความถี่เสียง : 20Hz – 20kHz
Rode NT-USB Microphone USB ไมโครโฟน ไมค์อัดเสียงยอดฮิตที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนี้ จากแบรนด์ดัง Rode มาพร้อมกับความสามารถในการอัดเสียงที่ดี ได้เสียงที่มีคุณภาพ
ประสิทธิภาพสูงมาก ๆ ได้รับการออกแบบดีไซน์มา เพื่อให้ใช้งานการอัดเสียงร้อง และอัดเสียงเครื่องดนตรีต่าง ๆ โดยเฉพาะเลยครับ สำหรับไมค์รุ่นนี้นั้น จะเป็นคอนเดนเซอร์รูปแบบคาร์ดิออย 16bit 48kHz
ที่มาพร้อมกับขาตั้งขนาดเล็ก และ Pop Filter ในระดับพรีเมียม รวมไปถึง ยังมาพร้อมกับ ขาหนีบแบบไมค์บูมจำหน่ายเสริม เพื่อให้ผู้ใช้งานไมค์ สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น มีความยืดหยุ่นสูงขึ้น
ไมค์อัดเสียงนี้ ให้เสียงที่มีคุณภาพในระดับที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถนำไปใช้งานได้ด้านอื่น ๆ ได้หลากหลายขึ้นด้วย อย่างเช่น การแคสเกมต่าง ๆ หรือ พอดแคสต์ เป็นต้นครับ ในส่วนของการเชื่อมต่อนั้น
จะเป็น USB พร้อมกับพอร์ต 3.5mm สำหรับเสียบหูฟังมอนิเตอร์ มาพร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียงทั้งตัวไมค์ และความดังของหูฟังมอนิเตอร์ให้ได้ใช้งานเพิ่มด้วย ทำให้ไมค์ระดับคุณภาพรุ่นนี้ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานเป็นอย่างดีครับ
จุดเด่น
- ไมโครโฟนสตูดิโอคุณภาพสูงพร้อมความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อ USB
- Pop Filter แบบพรีเมี่ยม ใส่ตำแหน่งพอดีกับฐานตัวไมค์
- ใช้กับ ไอแพด ด้วยแอพ RØDE Rec, GarageBand หรือแอพอื่นๆที่รองรับการเชื่อมต่อไมโครโฟนได้
- สามารถใช้งานได้กับโปรแกรมอัดเสียงทั่วไปกับคอมพิวเตอร์ระบบ Windows ได้
- มาพร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียงทั้งตัวไมค์และความดังของหูฟังมอนิเตอร์
- เหมาะสำหรับอัดเสียงร้องและดนตรี
5. Rode Wireless GO II Dual Channel Wireless Microphone System
แบรนด์ : RODE รุ่น : Rode Wireless GO II ประเภทไมโครโฟน : Wireless Microphone การเชื่อมต่อ : USB Type C / Aux 3.5 mm / 2.4 GHz (ระหว่างอุปกรณ์) รูปแบบการรับเสียง : Omni Directional การตอบสนองความถี่ : 50 – 20,000 Hz น้ำหนัก : 62 g
Rode Wireless GO II Dual Channel Wireless Microphone System ไมค์อัดเสียงที่ได้รับการออกแบบดีไซน์มาอย่างสวยงาม เรียบหรู ดูดี คุณภาพยอดเยี่ยม ที่มีการรับส่งสัญญาณแบบ 2 ตัวส่ง 1 ตัวรับ
สามารถแยกรับได้เป็นอิสระต่อกัน มาพร้อมกับ พอร์ตเชื่อมต่อแบบ Analog และ ช่องไมค์ 3.5mm แบบ TRRS และ พอร์ท USB-C สามารถใช้งานตัวไมค์รุ่นนี้ ได้ทั้ง กล้อง คอมพิวเตอร์ และสมาร์โฟน
สามารถบันทึกเสียงในระบบ Mono หรือ Stereo สำหรับระยะการใช้งานไมค์นั้น จะสามารถส่งสัญญาณได้ไกลสูงสุดถึง 200 เมตร โดยใช้วิธีการซิงค์แบบเฉพาะตัว เพื่อให้ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวนสูงได้
ต่อมา ไมค์รุ่นนี้ สามารถบันทึกเสียง ในหน่วยความจำของตัวรับได้ โดยจะบันทึกได้สูงสุดถึง 24 ช.ม.เลยทีเดียว โดยที่ไม่จำเป็นต้องต่ออุปกรณ์อื่นใด (On Board Recording) ทำให้ใช้งานเป็นเครื่องบันทึกเสียงได้
มีปุ่ม Gain controller ช่วยให้สามารถปรับระดับสัญญาณได้ตามต้องการ และ ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 7 ชั่วโมง และ มี Power saving mode เพิ่มเข้ามาให้ด้วย ถ้าเพื่อน ๆ ต้องการไมค์ที่ใช้งานได้ระยะไกล รุ่นนี้ตอบโจทย์ครับ
จุดเด่น
- มาพร้อมกับ 2 ตัวส่ง 1 ตัวรับสัญญาณ
- เป็นไมโครโฟน Omni ในตัวและอินพุตไมโครโฟน 3.5 มม.
- สามารถบันทึกเสียงแบบไม่บีบข้อมูลได้ 7 ชั่วโมง
- ใช้งานง่ายสะดวกสบายมาก ๆ
- เลือกเอาต์พุตสเตอริโอหรือ Dual-Mono
- แบตเตอรี่ชาร์จ 7 ชม. + ไฟ USB
- ปรับแต่งการใช้งานผ่านแอพ
- มีฟังก์ชัน USB Audio Interface มาให้
- สามารถใช้ไมโครโฟนสูงสุด 8 ตัว
6. Rode NT-USB Mini USB Microphone ไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียงแบบ USB
แบรนด์ : Rode รุ่น : NT-USB Mini การเชื่อมต่อ : USB พอร์ต : USB-C, ช่องต่อออก 3.5 มม. คอนเดนเซอร์ : 1 รูปแบบทิศทาง : Cardioid ขนาด : 5.6 x 2.2 x 3.5 นิ้ว น้ำหนัก : 1.3 ปอนด์
Rode NT-USB Mini USB Microphone ไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียงแบบ USB ไมค์อัดเสียงคุณภาพ มาพร้อมกับขนาดตัวที่เล็ก กะทัดรัด สามารถตั้งบนโต๊ะทำงานได้ทุกมุมได้อย่างลงตัว พร้อมใช้งานได้ทันที
สำหรับไมค์รุ่นนี้นะครับ จะเป็นไมโครโฟนชนิดคอนเดนเซอร์ ซึ่งมีความไว แคปซูลคอนเดนเซอร์คุณภาพสูง ที่ทำให้เสียงดูดีมีความอบอุ่น และมีเสียงที่คมชัดระดับมืออาชีพในทุก ๆ แอปพลิเคชัน ที่ใช้ในการบันทึก
และเพื่อที่จะให้มี ประสิทธิภาพสูงสุดควรมีจุดห่างระหว่างปากและไมโครโฟนประมาญ 20-30 ซม. จะช่วยให้ได้เสียงที่ชัดเจน และลดเสียงสะท้อนรอบข้างได้เป็นอย่างดี ไมค์รุ่นนี้ รายละเอียดเสียงที่ครอบคลุม
และมีเร้นท์ความถี่ที่กว้าง รับเสียงตั้งแต่ 20Hz -20KHz ซึ่งเป็นความถี่ที่มนุษย์เราสามารถได้ยิน ต่อมา มาพร้อมกับเมาท์สวิง 360 องศาในตัวเพื่อการวางตำแหน่งที่รวดเร็ว และง่ายดายบนเดสก์ท็อปขาตั้งไมค์หรือแขนสตูดิโอ
และมีแท่นวางแม่เหล็กแบบถอดได้ ที่ไม่เหมือนใครซึ่งให้การแยกจากการกระแทก และการกระแทกได้ดีเยี่ยม รวมทั้งยังถอดออกได้ง่ายและรวดเร็ว สำหรับไมค์รุ่นนี้ได้รับการรีวิวที่ดีมาก และอยากแนะนำให้ซื้อมาใช้เลยครับ
จุดเด่น
- มีขนาดเล็ก กะทัดรัด จัดวางบนโต๊ะทำงานได้ทุกมุม
- วัสดุคุณภาพดี แข็งแรง ทนทาน สามารถใช้งานได้นาน
- มีประสิทธิภาพในการรับเสียงที่ดี ทำให้เสียงใส นุ่มลึก
- มีฟิลเตอร์ป๊อปในตัว
- สามารถลดเสียงกระแทกและเสียงรบกวนได้อย่างดี
- นิยมใช้ในห้องอัดเสียงหรือการอัดรายการ
- ให้รายละเอียดเสียงที่ครอบคลุม และมีเร้นท์ความถี่ที่กว้าง
7. MAONO-PM422 ไมค์อัดเสียง ไมค์โครโฟน Condenser Microphone
แบรนด์ : MAONO รุ่น : PM422 สไตล์ : ไมโครโฟนแบบแขวน รูปแบบแผงรับเสียง : Cardioid การสื่อสาร : มีสาย ตัวแปลงสัญญาณ : ไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ การใช้ : ไมโครโฟนคอมพิวเตอร์ ประเภทชุด : ชุดไมโครโฟนหลายตัว
MAONO-PM422 ไมค์อัดเสียง ไมค์โครโฟน Condenser Microphone ไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ USB คุณภาพดี ดีไซน์เท่ เป็นไมค์ที่ได้รับการออกแบบด้วยชิปเซ็ตเสียงระดับมืออาชีพ และทรานสดิวเซอร์คอนเดนเซอร์อิเล็กเตรตขนาด 16 มม.
ที่จะช่วยให้มีอัตราการสุ่มตัวอย่างความละเอียดสูงถึง 192KHz/24 บิต ทำให้เสียงที่ได้นั้น มีคุรภาพที่อยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ มีการตอบสนองความถี่แบบแบนที่ 20Hz-20kHz เหมาะสำหรับการใช้งาน
เช่น โปรเจกต์/โฮมสตูดิโอ, พอดคาสต์, การเล่นเกม และ การสนทนาออนไลน์ เป็นต้น ต่อมา มาพร้อมกับรูปแบบขั้วแบบคาร์ดิออยด์ เพื่อช่วยลดการรับเสียงจากด้านข้าง ทำให้ได้เสียงที่ชัดใส สมจริงมาก ๆ
มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ตรวจสอบอินพุตไมโครโฟนแบบเรียลไทม์ เหมาะแก่การใช้ในการสตรีมเกมสด การบันทึกวิดีโอ การอัดคลิปยูทูป และ การบันทึกเดสก์ท็อป ที่ตัวไมค์มีพอร์ตข้อมูล USB
สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ไดรเวอร์เพิ่มเติมเลย และไม่จำเป็นต้องใช้การ์ดเสียงภายนอกอีกด้วย ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาไมค์อัดเสียงที่ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยากเสียงดี เลือกรุ่นนี้เลยครับ
จุดเด่น
- มาพร้อมกับชิปเซ็ตเสียงระดับมืออาชีพ 192KHZ/24BIT
- มีโหมดรับเสียง cardioid และการตรวจสอบความหน่วงเป็นศูนย์
- สามารถปิดเสียงได้อย่างรวดเร็ว และมีปุ่มรับไมโครโฟนมาให้
- เหมาะกับการแคสเกมส์ การทำพอดแคสต์ การอัดเสียงพากย์
- มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และช่องเสียงหูฟังในตัว
- ตัวไมค์รับเสียงได้ดี สามารถพูดได้ลื่นไหลดี
8. Audio Technica Microphone ไมโครโฟน USB รุ่น ATR2500x USB
แบรนด์ : Audio Technica Microphone รุ่น : ATR2500x USB ทิศทางการรับเสียง : Cardioid ย่านความถี่เสียง : 30 Hz – 15 kHz ความไวการรับเสียง : – 30 dB เชื่อมต่อสมาร์ตโฟน : มี รูปแบบการเชื่อมต่อ : USB
Audio Technica Microphone ไมโครโฟน USB รุ่น ATR2500x USB ไมค์อัดเสียงโฟนแบบคอนเดนเซอร์ ได้รับการออกแบบดีไซน์มาอย่างสวยงาม ผลิตจากโลหะคุณภาพ มีความแข็งแรง ทนทาน
สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ในส่วนของตัวไมค์รุ่นนี้นะครับ จะทำงานผ่านทาง USB มีความไวเสียงสูง ทำให้มีความสามารถในการรับช่วงความถี่เสียง ได้กว้างกว่าตัวไมค์แบบไดนามิค ได้เสียงที่ดีมีคุณภาพ
ทำให้ไมค์รุ่นนี้ เหมาะแก่การใช้งานในด้าน โฮสสตูดิโอ พ็อดแคส และยังสามารถนำไปใช้ในการสร้างคอนเทนต์อื่น ๆ ได้อีกมากมายด้วย สในส่วนของเสียงนั้น มีความชัดเจน สามารถเก็บรายละเอียดเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม
ด้วยคุณภาพระดับ 24-bit, สูงสุด 192 kHz ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5mm. และก็ยังมาพร้อมกับปุ่มควบคุมระดับเสียงขึ้น-ลง ช่วยให้สามารถควบคุมเสียงต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยมาพร้อมกับ สาย USB แบบ USB-C to USB-C และ USB-C to USB-A ที่ช่วยให้ทำงานกับระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac ได้ ทำให้ไมค์รุ่นนี้ น่าใช้งานพอสมควรเลย มีไว้ใช้งานไม่ผิดหวังครับ
จุดเด่น
- เหมาะแก่การใช้งาน podcasting, home studio recording และ voiceover
- สามารถใช้งานหูฟัง เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานจากไมโครโฟน
- สามารถควบคุมเสียงได้อย่างง่ายดายที่ตัวไมโครโฟนเลย
- ใช้งานได้ทั้งกับ iOS และ PC
- สามารถใช้งานได้ทั้ง Windows และ Mac
- มีฐานตั้งที่แข็งแรง ทนทาน ช่วยให้เกิดความสะดวกแก่การใช้งาน
- มาพร้อมกับสาย USB ให้มา 2 แบบ: USB-C to USB-C แล USB-C to USB-A
9. ไมค์อัดเสียง HyperX Solocast USB Condenser Gaming Microphone
แบรนด์ : HyperX รุ่น : Solocast รายละเอียดทางเทคนิคสำหรับ USB : USB 2.0 (เต็มความเร็ว) อัตราการสุ่มตัวอย่างสัญญาณ : 48kHz, 44.1kHz, 32kHz, 16kHz,8kHz ความลึกบิต : 16 บิต การรองรับการทำงาน : Windows 7 และใหม่กว่า, OS, PS4
ไมค์อัดเสียง HyperX Solocast USB Condenser Gaming Microphone ไมค์อัดเสียงราคาประหยัด คุณภาพน่าใช้งาน เป็นเป็นไมโครโฟน USB ที่มาพร้อมกับความสามารถในการใช้งานแบบ Plug & Play
สามารถใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องทำการลงไดรเวอร์ หรือโปแกรมใด ๆ ให้ยุ่งยากซับซ้อนเลย โดยไมค์ตัวนี้ ใช้งานได้ง่าย สะดวกสบาย สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายมาก อย่างเช่น PC, PS4, PS5, Mac
และแพลตฟอร์ม Live Streaming อย่าง Streamlabs OBS, OBS Studio และ XSplit ก็ใช้ได้อีกด้วย ต่อมา มาพร้อมกับ การรับเสียงแบบ Cardioid ที่จะทำการรับเสียงจากทิศทางด้านหน้าโดยเฉพาะ
ช่วยให้เสียงพูดนั้น คมชัด เสียงใสทุก ๆ คนคำ รวมทั้งยังกันเสียงรบกวนรอบข้างเข้ามาในไมค์ได้ดีอีกด้วย มีปุ่มปิดเสียงไมค์ระบบสัมผัส ที่สามารถใช้งานได้ง่าย เพียงแค่แตะก็สามารถ Mute เสียงได้แล้วล่ะครับ
ในส่วนของฐานไมค์ มีความมั่นคง แข็งแรง แถมยังสามารถปรับทิศทางได้ทั้งการหมุนซ้ายขวา – หน้าหลัง ได้อย่างอิสระช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการใช้งานมาก ๆ ถ้าเพื่อน ๆ สนใจไมค์ราคาประหยัด ฟังก์ชั่นจัดเต็ม รุ่นนี้น่าสนใจครับ
จุดเด่น
- บันทึกเสียงแบบ Plug N Play สามารถใช้งานได้แบบทันที
- มาพร้อมกับเซ็นเซอร์กดปิดเสียงพร้อมไฟ LED แจ้งสถานะ
- ขาตั้งแบบยืดหยุ่นปรับได้ ใช้งานสะดวก
- สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์อเนกประสงค์และโปรแกรม
- มาพร้อมกับการรับเสียงแบบ Cardioid รับเสียงจากทิศทางด้านหน้าโดยเฉพาะ
10. Maono AU-903 USB Microphone ไมค์อัดเสียง เสียงดี 24 Bit แบบตั้งโต๊ะ
แบรนด์ : Maono รุ่น : AU-903 ทิศทางการรับเสียง : Cardioid, Omnidirectional รูปแบบการเชื่อมต่อ : USB เชื่อมต่อสมาร์ตโฟน : มี ความไวการรับเสียง : -38 dB ย่านความถี่เสียง : 20 Hz-18 kHz
Maono AU-903 USB Microphone ไมค์อัดเสียง เสียงดี 24 Bit แบบตั้งโต๊ะ มาพร้อมกับ โหมดการรับเสียงสองแบบในไมค์ตัวเดียว โดยจะมีแบบ Cardioid รับเสียงด้านหน้าเป็นหลัก และแบบ Omnidirectional
จะเป็นแบบรับเสียงได้จากรอบทิศทาง ทำให้สามารถปรับการรับเสียงให้เหมาะสม กับงานที่เราต้องการได้ทันที มีช่องต่อหูฟังภายนอก สำหรับเช็คเสียงที่ไมโครโฟนได้ยินแบบ Real Time คมชัด ไม่ดีเลย์
ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมคุณภาพเสียงได้ดีมากยิ่งขึ้น และยังช่วยลดโอกาสผิดพลาดในการทำงานลงได้มาก มีระบบ Plug and Play ต่อ USB แล้วใช้ไมโครโฟนได้เลย แบบไม่ต้องติดตั้ง Driver ให้วุ่นวาย
สามารถใช้งานไมค์ตัวนี้ได้ทั้งระบบ Mac และ Windows มีระบบป้องกันการกระแทก พร้อมโครงสร้างแบบ Anti-Shock ด้วยบอดี้ที่ผลิตด้วยอลูมิเนียมอัลลอยด์ และยังมาพร้อมกับพื้นผิวสัมผัสที่ไม่ลื่น
ทำให้สามารถใช้งานตัวไมค์ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น รวมทั้งลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายได้ด้วย และขาตั้งไมโครโฟนหมุนได้ 360 องศา ทำให้ปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ง่ายด้วยครับ
จุดเด่น
- ผลิตจากวัสดุที่แข็งแรงทนทาน ราคาไม่แพง
- ปรับรูปแบบการรับเสียงได้ทั้งแบบ Cardioid และ Omnidirectional
- มีปุ่มปรับระดับเสียงทั้งสำหรับไมค์และหูฟังเพื่อการมอเตอร์เสียงแบบเรียลไทม์
- เชื่อมต่อสะดวกรวดเร็วด้วย USB เข้ากับคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน
- มีโครงสร้าง Anti – Shock ลดการสั่นเมื่อถูกกระแทก
- สามารถถอดไมค์ออกไปใส่กับขาตั้งแบบสตูดิโอได้
ไมค์อัดเสียงสามารถทำอะไรได้บ้าง
ในส่วนของการใช้งาน ไมค์อัดเสียง นั้น จะช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นเลยนะครับ โดยเราสามารถใช้ไมค์อัดเสียงได้ทั้งกับงานดนตรี งานทำพอดแคสท์ งานอัดคลิป และงานอัดรายการต่าง ๆ
ซึ่งในปัจจุบันนี้ ไมค์อัดเสียง ได้รับการพัฒนาคุณภาพให้สูงมากยิ่งขึ้น ได้รับความนิยมมากขึ้น และเป็นอุปกรณ์ที่นักจัดรายการต่าง ๆ จะขาดไปไม่ได้เลยก็ว่าได้ เพราะมีผู้ที่สนใจและชื่นชอบในการผลิตสื่อวิดีโอต่าง ๆ
หรือสร้างคอนเทนต์ในเรื่องต่าง ๆ ตามความชอบของแต่ละคน เพื่อนำไปลงสื่อโซเชียลมากมาย และด้วยความนิยมที่ไม่ได้ลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานนนี้ ทำให้หลาย ๆ แบรนด์
ผลิต ไมค์อัดเสียง ออกมาป้อนสู่ตลาดมากยิ่งขึ้น มีให้เลือกหลายแบรนด์ หลายรุ่น หลายราคา ฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ ก็จัดเต็ม แข่งขันกันอย่างดุเดือด ตรงจุดนี้เพื่อน ๆ สามารถเลือกซื้อมาใช้งานได้ตามใจชอบเลยครับ
ไมค์อัดเสียงมีความจำเป็นต่อนักแคสเกม นักจัดรายการต่าง ๆ หรือไม่
สำหรับคำถามนี้นะครับ ต้องขอบอกตามตรงอย่างนี้เลยว่า มีความจำเป็นมาก ๆ เพราะในการผลิตสื่อต่าง ๆ นั้น จะต้องประกอบไปด้วยทั้งภาพ และเสียง 2 อย่างนี้ก็ถือว่าสำคัญพอ ๆ กัน แต่ว่าถ้าภาพไม่ชัดนั้น
เราก็ยังจะพอมองออกใช่ไหมครับ แต่ถ้าไมค์ไม่ดี สื่อสารไม่รู้เรื่อง เสียงไม่คมชัด ฟังไม่ออก ไม่เข้าใจ แบบนี้ก็ไม่ไหวครับ คนดูก็อาจจะเกิดความหงุดหงิดรำคาญใจ ปิดคลิปหนีไปเลยก็ได้ ดังนั้นครับ
ไมค์อัดเสียง เราควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกก่อนเลย ใช้ไมค์ที่คุณภาพดี ได้เสียงที่มีคุณภาพก่อน จากนั้นก็ไปที่กล้อง แล้วไปจนถึงอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ตามความต้องการใช้งานของเรานั่นเองครับ
ประเภทของไมค์อัดเสียงมีอะไรบ้าง
1. ไมค์คอนเดนเซอร์
สำหรับไมค์ประเภทแรกนี้ เป็นไมค์ที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมมากที่สุดในการใช้งานเลยก็ว่าได้ โดยไมค์นี้ จะมาพร้อมกับความสามารถในการบันทึกเสียงได้ในทุก ๆ ย่านความถี่ ทำได้อย่างมั่นคงและลื่นไหล
สามารถรองรับการบันทึกได้หลายงาน ทั้งการร้องเพลง และบันทึกรายการวิดีโอ อีกทั้ง ไมค์แบบนี้มีมากมายหลายแบรนด์ หลายรุ่น หลายราคา ให้เลือกซื้อหามาใช้งานกัน หาได้ง่าย มีให้เลือกมากมายครับ
2. ไมค์ไดนามิก
ในส่วนของไมค์ประเภทที่สอง จะพบได้บ่อย ๆ ในงานที่เกี่ยวกับการพากย์เสียงต่าง ๆ มีความสามารถในการป้องกันเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยม ผ่านแผ่นไดอะเฟรม ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ในการบันทึกเสียงโดยตรง
ทำให้ไมค์ประเภทนี้ จะเหมาะกับงานที่ผู้ใช้งานไมค์ไม่สามารถอยู่ในสถานที่ปิดได้ รวมทั้งยังสามารถใช้ไมค์นี้ ในการร้องเพลง ซึ่งทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียวครับ และราคาก็ไม่แรง สามารถจับต้องได้ง่ายครับ
ไมค์คอนเดนเซอร์ VS ไมค์ไดนามิก มีข้อดี-ข้อเสียต่างกันอย่างไร
ในส่วนของไมค์ไดนามิคนั้นนะครับ จะเหมาะสำหรับใช้ในการบรรยายต่าง ๆ หรือการแสดงสด เพราะว่า มีความแข็งแรงทนทาน ราคาไม่แพง และสามารถตัดเสียงรบกวนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี สามารถรับเสียงได้ดี
ทั้ง เสียงร้องเพลง เสียงเครื่องดนตรีต่าง ๆ ในขณะที่ ไมค์คอนเดนเซอร์ จะเหมาะสำหรับใช้งานบันทึกเสียงในสตูดิโอ ทั้งการบันทึกเสียงร้องและดนตรี โดยปกติทั่วไปนั้นนะครับ จะต้องการไฟเลี้ยง
เช่น Phantom หรือต้องต่อ Preamp สำหรับไมค์คอนเดนเซอร์นี้ จะค่อนข้างที่จะบอบบาง ต้องดูแลรักษาเป็นอย่างดีกว่าไมค์ไดนามิค และในการติดตั้งก็จะซับซ้อนมากกว่าด้วยครับ
รูปแบบในการรับเสียงของไมค์อัดเสียงมีกี่รูปแบบ
1. Cardioid Directional
อย่างแรกจะมาพร้อมกับความสามารถในการรับเสียงจากด้านหน้าไมค์ดีที่สุด รูปแบบนี้สามารถตัดเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการใช้งานทุก ๆ ประเภท เช่น งานประชุมออนไลน์ แคสเกม บันทึกเสียงในสตูดิโอ เป็นต้น
2. Omni Directional
จะมีความสามารถในรับรับเสียงได้รอบทิศทางเลย มีความถี่ในการรับเสียงที่กว้าง การรับเสียงค่อนข้างไวเลย ไม่เหมาะแก่การแคสเกมหรือสตรีม เพราะจะมีเสียงเมาส์ เสียงคีย์บอร์ดติดมาด้วย ดังนั้นใช้ในการอ่านออกเสียงจะดีที่สุด
3. Bi-Directional
สามารถรับเสียงได้จากทิศทางด้านหน้าและหลัง โดยมีรูปแบบ 90 องศา เหมาะสำหรับการบันทึกเสียงเล่นดนตรี ที่ต้องการให้ได้ยอนเสียงร้อยเพลง และเสียงดนตรีพร้อมกัน พบได้บ่อย ๆ ตามร้านอาหารที่มีเวทีดนตรี
4. Shot Gun
แบบนี้จะใช้ในการเก็บเสียงแบบเฉพาะจุด โดยมีจุดรับสัญญาณความถี่ของเสียงแคบมาก เสียงรอบ ๆ ข้างแทบจะไม่เข้ามาในไมค์เลย เหมาะสำหรับงานถ่ายทำนอกสถานที่ งานทำเสียงบรรยากาศต่าง ๆ เป็นต้น
วิธีการเลือกซื้อไมค์อัดเสียง
1. เลือกซื้อไมค์ให้ตรงกับความต้องการใช้งาน
อย่างแรกเลยนะครับให้เพื่อน ๆ พิจารณาก่อนว่า ต้องการใช่ในงานด้านใด เพราะ ไมค์อัดเสียงแต่ละรุ่น จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป กล่าวคือต้องการใช้กลางแจ้งหรือที่ปิด หรือต้องการใช้ในงานอะไร
เช่น แคสเกม ประชุมออนไลน์ ทำคลิปยูทูป ถ่ายทำรายการต่าง ๆ และอีกมากมายหลายอย่าง ตรงนี้เองที่เพื่อน ๆ ต้องเลือกไมค์ให้ตรงกับงานนั้น ๆ เพื่อที่จะได้เสียงที่มีคุณภาพ คมชัดมากที่สุดนั่นเองครับ
2. เลือกจากประเภทของไมค์อัดเสียง
ประเภทของไมค์ก็เป็นสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาเหมือนกันนะครับ โดยจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ Condenser กับ Dynamic ซึ่งการใช้งานก็จะต่างกันไป โดย Condenser จะใช้งานในสถานที่ปิด เหมาะกับการเล่นเกม ประชุมออนไลน์ เป็นต้น
ส่วนไมค์แบบ Dynamic เราจะพบเห็นกันอยู่บ่อยครั้งตามสถานที่เปิด โดยจะเหมาะกับการถ่ายรายการนอกสถานที่ ทำคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ต้องอยู่ข้างนอก ตรงนี้เพื่อน ๆ สามารถเลือกประเภทให้ตรงกับความต้องการได้เลยครับ
3. รูปแบบในการรับเสียง
ไมค์อัดเสียงนั้น จะมีรูปแบบการใช้งานไม่เหมือนกัน รวมทั้งรูปแบบในการรับเสียง ที่ยังแตกต่างกันอีกด้วยนะ โดยส่วนใหญ่แล้วนะครับ ที่นิยมใช้งานกันมากที่สุด ก็คือ รูปแบบ Cardioid ครับ สำหรับรูปแบบนี้
มีความโดดเด่นอยู่ที่ มีความสามารถในการตัดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เหมาะสำหรับใช้งานในสถานที่ปิด เช่น ห้องทำงาน ห้องแคสเกม ห้องอัดเสียง ที่ต้องใช้การพูดเป็นหลัก รวมทั้งแบบอื่น ๆ ก็มีด้วยเช่นกันครับ
4. การตอบสนองต่อความถี่
การเลือกไมค์อัดเสียงที่มีความถี่อยู่ในช่วงของ 20Hz-20,000Hz ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเลยครับ ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า หูของคนเรา จะสามารถรับความถี่ได้ในช่วง 20Hz-20,000Hz นั่นเอง
ด้วยความถี่ประมาณนี้ จะทำให้ผู้รับฟัง ได้ยินเสียงที่มีคุณภาพที่สุด เสียงคมชัดมากที่สุด รวมไปถึง เหมาะสำหรับการใช้งานอย่างครอบคลุมมากที่สุดอีกด้วยครับ
5. พิจารณาจากการเชื่อมต่อไมค์
ในส่วนของไมค์อัดเสียงนั้นนะครับ จะมีการเชื่อมต่ออยู่ 2 ประเภท คือ USB กับ JACK 3.5mm ครับ ซึ่งเพื่อน ๆ จำเป็นที่จะต้องเลือกพอร์ตการเชื่อมต่อให้เหมาะสำหรับการใช้งานด้วยนะ เพื่อที่จะได้ใช้งานไมค์
ได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด และยังช่วยไม่ให้เกิดความผิดพลาด หลังจากที่เพื่อน ๆ ได้ซื้อไมค์มาใช้งานแล้วนั่นเองครับ
วิธีการดูแลรักษาไมค์อัดเสียง
- เมื่อใช้งานไมค์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เก็บไมค์ใส่กระเป๋าหรือถุงเก็บไมค์ให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ฝุ่นละอองเข้าไปในตัวไมค์ได้
- ควรใช้งานที่กันลมอยู่เสมอ เพื่อป้องกันน้ำลายของเรา ที่อาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต จนเกิดเสียงรบกวนขึ้น
- ควรมีระยะห่างระหว่างปากของเรากับตัวไมค์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะทำให้ไมค์เสียหาย
- ดำเนินการเชื่อมต่อสายก่อนทำการเปิดแอมป์ เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าช็อต
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างครับเพื่อน ๆ มาถึงตรงนี้ เพื่อน ๆ ก็คงจะได้รับทราบข้อมูลต่าง ๆ ที่มีประโยชน์กันไปแล้ว และคงจะช่วยให้เพื่อน ๆ สามารถตัดสินใจเลือกใช้งาน ไมค์อัดเสียง ได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
เพราะว่าแต่ละคน ก็คงจะมีงานที่แตกต่างกันออกไป ตามสไตล์ของแต่ละคนใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นการ อัดเสียงร้องเพลง อัดเสียงดนตรี การถ่ายทำรายการต่าง ๆ บทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ เลือกไมค์ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ครับ
ถ้าเพื่อน ๆ ต้องการมีไว้ใช้งาน สามารถเลือกจาก 10 อันดับ ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ได้เลยนะครับ แต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น ได้มีการคัดเลือกมาให้เพื่อน ๆ ไว้ ณ ที่นี้แล้ว รวมไปถึง ก็มีไมค์แบบอื่น ๆ ให้เลือกด้วยนะครับ
เช่น ไมค์ลอย ไมค์หนีบปกเสื้อ และ ไมค์ไลฟ์สด ถ้าเพื่อน ๆ สนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้เช่นเดียวกันครับ สุดท้าย เมื่อใช้งานไมค์เสร็จแล้ว อย่าลืมดูแลเรื่องความสะอาด และเก็บให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้ใช้งานได้นาน ๆ ครับ