ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกด้านของชีวิตประจำวัน “หุ่นยนต์ดูดฝุ่น” กลายเป็นผู้ช่วยทำความสะอาดที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ด้วยความสามารถในการดูดฝุ่นอัตโนมัติ เดินเก็บฝุ่นตามพื้นบ้านได้อย่างทั่วถึง และประหยัดทั้งแรงและเวลา ไม่แปลกเลยที่หลายครอบครัวเริ่มเปลี่ยนจากการใช้ไม้กวาดหรือเครื่องดูดฝุ่นแบบเดิม มาเป็นการใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะที่ช่วยให้บ้านสะอาดอยู่เสมอโดยไม่ต้องลงมือเอง
บทความนี้ ตังค์ทอน จะพาไปรู้จักกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นให้มากขึ้น ทั้งเรื่องข้อดี วิธีการเลือกซื้อ และคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ซึ่งจะช่วยให้คุณทรายรายละเอียดต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น และสามารถเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
วิธีการเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น : คู่มือฉบับเข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ไม่ใช่แค่ของเล่นไฮเทคสำหรับคนรักความสะอาด แต่เป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยประหยัดเวลาและแรงงานในบ้านอย่างแท้จริง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทำงานหนัก หรืออาศัยอยู่ในคอนโด พื้นที่จำกัด และมีเวลาในการดูแลบ้านน้อย อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีหลายรุ่น หลายฟังก์ชัน และหลากหลายช่วงราคา บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักวิธีเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแบบเข้าใจง่าย พร้อมคำแนะนำที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน
1. เลือกตามลักษณะพื้นที่บ้านของคุณ
1.1 พื้นบ้านเรียบ หรือมีพรม
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นส่วนใหญ่ทำงานได้ดีกับพื้นเรียบ เช่น พื้นไม้ พื้นกระเบื้อง หรือพื้นลามิเนต แต่ถ้าบ้านมีพรมเยอะ ควรเลือกเครื่องที่มีแรงดูดสูงและระบบแปรงหมุน ที่สามารถดูดฝุ่นที่ฝังอยู่ในใยพรมได้ดี
1.2 มีธรณีประตูหรือขั้นต่างระดับ
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นบางรุ่นปีนสิ่งกีดขวางได้สูงเพียง 1.5-2 ซม. ถ้าบ้านคุณมีธรณีประตูหรือระดับพื้นต่างกัน ควรเลือกรุ่นที่ปีนข้ามได้สูงขึ้น หรือใช้ตัวช่วย เช่น แผ่นลาด
1.3 พื้นที่แคบหรือซับซ้อน
สำหรับห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์เยอะหรือมุมแคบ ควรเลือกรุ่นที่มีขนาดกะทัดรัด และเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางแม่นยำ เพื่อให้สามารถเข้าไปทำความสะอาดได้ทั่วถึง
2. ระบบนำทาง: หัวใจของความฉลาดในการทำความสะอาด
ระบบนำทางคือเทคโนโลยีที่ช่วยให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสามารถเคลื่อนที่ไปทั่วห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เดินซ้ำหรือเดินมั่ว ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสะอาดและเวลาที่ใช้ในการทำงาน โดยสามารถแบ่งระบบนำทางได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ :
2.1 ระบบนำทางแบบสุ่ม (Random Navigation)
หุ่นยนต์จะเคลื่อนที่แบบสุ่ม หมุนซ้าย–ขวา ตรงไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนสิ่งกีดขวางแล้วเปลี่ยนทิศทาง เหมาะกับห้องขนาดเล็ก เช่น ห้องนอน หรือห้องพักคอนโดที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์เยอะ ข้อดีคือราคาถูกมาก แต่ข้อเสียคือมีโอกาสทำความสะอาดซ้ำบางจุดและพลาดบางพื้นที่
2.2 ระบบนำทางด้วยกล้อง (Visual SLAM)
หุ่นยนต์จะใช้กล้องด้านบนในการมองเพดาน และวิเคราะห์ตำแหน่งต่าง ๆ ของห้อง เพื่อสร้างแผนที่เบื้องต้น เหมาะกับบ้านที่มีแสงสว่างเพียงพอและต้องการความแม่นยำในระดับกลาง ข้อดีคือราคายังไม่สูงเกินไป และสามารถวางแผนการเดินได้ดีพอสมควร ข้อเสียคือประสิทธิภาพจะลดลงในห้องที่มืดหรือมีเพดานเรียบ ไม่มีจุดสังเกตให้กล้องจับได้
2.3 ระบบนำทางด้วย Lidar หรือเลเซอร์ (Lidar SLAM)
ถือเป็นระบบนำทางที่แม่นยำที่สุดในปัจจุบัน หุ่นยนต์จะยิงเลเซอร์ไปรอบห้องเพื่อสแกนสิ่งกีดขวางและขนาดพื้นที่ แล้วสร้างแผนที่แบบ 360 องศา ทำให้สามารถวางแผนการทำความสะอาดแบบเป็นระเบียบ เดินไม่ซ้ำ และไม่หลงทิศ
ข้อดี:
- เหมาะกับบ้านหลายห้องหรือบ้านขนาดใหญ่
- ทำความสะอาดได้ทั่วถึง และจดจำแผนที่แต่ละชั้นได้
- ไม่ต้องมีแสงสว่างในการทำงาน เหมาะกับห้องมืด
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง แต่หากมองเรื่องความแม่นยำและประสิทธิภาพ ถือว่าคุ้มค่า
3. ความสามารถในการดูดฝุ่นและถูพื้น
3.1 แรงดูด (Suction Power)
วัดเป็นพาสคาล (Pa) โดยทั่วไปแรงดูดตั้งแต่ 1,500–3,000 Pa ถือว่าเพียงพอสำหรับพื้นทั่วไป หากมีพรมหนาควรมองหารุ่นที่เกิน 3,000 Pa
3.2 ฟังก์ชันถูพื้น
บางรุ่นมีระบบถูพื้นแบบลากผ้าชุบน้ำ ขณะที่รุ่นที่สูงขึ้นมีระบบถูแบบสั่นสะเทือนหรือแรงกด ซึ่งสามารถขจัดคราบฝังแน่นได้ดีกว่า หากคุณต้องการความสะอาดจริงจัง ควรเลือกรุ่นที่มีแรงกดและระบบควบคุมระดับน้ำ
4. ฟีเจอร์เสริมที่ควรพิจารณา: เพราะแค่ดูดฝุ่นได้ไม่พอ
นอกจากการดูดฝุ่นและระบบนำทางแล้ว ยังมีฟีเจอร์เสริมอีกหลายอย่างที่ทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่น “ฉลาด” และ “สะดวกสบาย” ยิ่งขึ้น ซึ่งบางอย่างอาจไม่จำเป็นสำหรับทุกคน แต่ถ้าเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ จะทำให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
4.1 การควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน (Smart App Control)
หุ่นยนต์สมัยใหม่สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อควบคุมผ่านแอปในมือถือได้ เช่น สั่งให้เริ่มทำงานจากที่ทำงาน ตั้งเวลาล่วงหน้า ดูแผนที่บ้าน เช็กพื้นที่ที่ทำความสะอาดเสร็จแล้ว หรือแม้แต่ตั้งตารางรายวัน
แนะนำ : เลือกรุ่นที่รองรับทั้ง Android และ iOS และควรตรวจสอบว่าแอปรองรับภาษาไทยหรือไม่ เพื่อการใช้งานที่เข้าใจง่าย
4.2 ระบบตั้งโซนทำความสะอาดและห้ามเข้า (Virtual Wall & No-Go Zones)
สามารถกำหนด “พื้นที่ต้องทำ” เช่น โซนโต๊ะกินข้าว หรือ “พื้นที่ห้ามเข้า” เช่น พื้นที่สัตว์เลี้ยง ห้องน้ำ หรือห้องเก็บของ ได้จากแอปโดยไม่ต้องใช้ตัวกั้นจริง ๆ
เหมาะกับบ้านที่มีมุมเฉพาะที่ไม่ต้องการให้หุ่นยนต์เข้าไป เช่น มีสายไฟพาด หรือพื้นที่รก ๆ
4.3 ระบบตรวจจับพรมและเพิ่มแรงดูดอัตโนมัติ
หุ่นยนต์บางรุ่นสามารถตรวจจับเมื่อขึ้นไปบนพรม แล้วเพิ่มแรงดูดให้โดยอัตโนมัติ เพื่อดูดฝุ่นที่ฝังแน่น ซึ่งมีประโยชน์มากถ้าบ้านคุณมีพรมหลายจุด
4.4 ระบบกลับแท่นชาร์จอัตโนมัติ (Auto Docking)
เมื่อแบตใกล้หมด หุ่นยนต์จะกลับไปที่แท่นชาร์จเอง และในบางรุ่น หากยังทำความสะอาดไม่เสร็จ เมื่อชาร์จเสร็จแล้วจะกลับมาทำงานต่อจากจุดเดิมทันที (Resume Cleaning)
4.5 ระบบถังเก็บฝุ่นอัตโนมัติ (Self-Emptying Dustbin)
แท่นชาร์จบางรุ่นจะมีระบบดูดฝุ่นออกจากหุ่นยนต์และเก็บไว้ในถุงขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยให้คุณไม่ต้องเทถังฝุ่นทุกวัน เหมาะมากสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หรือบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงขนร่วงเยอะ
4.6 การสั่งงานด้วยเสียง (Voice Assistant)
สามารถสั่งให้หุ่นยนต์เริ่มงานผ่านคำสั่งเสียง เช่น Google Assistant หรือ Alexa สะดวกมากหากมือไม่ว่าง หรืออยากควบคุมจากห้องอื่น
5. งบประมาณและความคุ้มค่า
- รุ่นราคาประหยัด (ต่ำกว่า 5,000 บาท) : เหมาะกับพื้นที่เล็กและผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้งาน มักไม่มีระบบนำทาง
- รุ่นกลาง (5,000–15,000 บาท) : มีฟังก์ชันพื้นฐานครบ เช่น ระบบนำทางแบบกล้อง แรงดูดดี ใช้งานง่าย
- รุ่นพรีเมียม (15,000–30,000 บาทขึ้นไป) : มาพร้อม Lidar, แผนที่ห้องละเอียด, ฟังก์ชันถูพื้นขั้นสูง และการเชื่อมต่อแอปอย่างเต็มรูปแบบ
อย่าเพิ่งรีบเลือกจากราคาหรือโปรโมชั่น ควรดูว่าความต้องการของคุณตรงกับคุณสมบัติของรุ่นไหนมากที่สุด จะช่วยให้คุณได้ของที่คุ้มค่าและใช้ได้จริงในระยะยาว
10 อันดับ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 พลังดูดสูง ประสิทธิภาพดี ฟังก์ชันใช้งานครบ
ต่อไปทุกคนจะได้พบกับ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่มีคุณภาพดี เป็นรุ่นที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ซึ่งทุกคนสามารถดูจากรีวิวด้านล่างได้เลยครับ
1. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ECOVACS DEEBOT T20 OMNI
ราคา 24,999 บาท
ครบเครื่องทั้งดูด ถู ซักผ้า เป่าแห้งในตัวเดียว ด้วยระบบอัจฉริยะเต็มขั้น
ECOVACS DEEBOT T20 OMNI คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่น–ถูพื้นอัจฉริยะ ที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกขั้นสุดในชีวิตประจำวัน โดดเด่นด้วยแท่นชาร์จ All In One ที่ทำได้ทุกอย่าง ทั้งดูดฝุ่น เติมน้ำ ซักผ้าถูด้วยน้ำร้อน 55°C เป่าแห้ง และล้างแท่นโดยอัตโนมัติ ช่วยลดภาระดูแลเครื่องแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างกล้อง TrueDetect™ 3D 3.0 ตรวจจับสิ่งกีดขวางแม่นยำ, ระบบ LiDAR TrueMapping™ 2.0 สร้างแผนที่ละเอียด, และแรงดูดสูงถึง 6000Pa รวมถึงระบบถูพื้นหมุน OZMO™ Turbo 2.0 ที่ช่วยขัดล้างคราบฝังแน่นได้จริง พร้อมระบบยกแผ่นถูอัตโนมัติเมื่อเจอพรม เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความสะอาดหมดจดแบบไม่ต้องเหนื่อยเลย
2. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น AUTOBOT x Eureka J20
ราคา 25,090 บาท
AI อัจฉริยะ พร้อมระบบถูพื้นด้วยน้ำสะอาดแบบเรียลไทม์
AUTOBOT x Eureka J20 เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น–ถูพื้นที่ล้ำสมัย ครบทุกฟังก์ชันความสะดวกในเครื่องเดียว มาพร้อม AI DuoDetect™ วิเคราะห์สิ่งกีดขวางอัตโนมัติ เดินทำความสะอาดได้แม่นยำ ระบบถูพื้น Real-Time Washing Mop และ RollRenew™ ใช้น้ำสะอาดจากถังใหญ่อย่างต่อเนื่อง ช่วยขจัดคราบฝังลึกได้อย่างหมดจด
แปรง Ultrarange roller brush พัฒนาใหม่ทำความสะอาดได้ดีกว่าเดิมถึง 5 เท่า ไม่พันเส้นผม พร้อมระบบดูดฝุ่นทรงพลังและถังฝุ่นเทอัตโนมัติ ใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 75 วันโดยไม่ต้องดูแล ระบบนำทาง LDS + dToF แบบ 3D และแบตเตอรี่ใช้งานยาวนาน 130 นาที เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการทั้งความสะอาด ความอัจฉริยะ และความสะดวกแบบไร้ข้อจำกัด
3. Mister Robot หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่น HYBRID AUTO CLEAN
ราคา 22,900 บาท
ระบบดูดฝุ่นเข้าแท็งก์อัตโนมัติ แรงดูดสูง 4,000PA พร้อมระบบถูพื้นในตัว
Mister Robot HYBRID AUTO CLEAN คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้นที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ด้วยระบบดูดฝุ่นเข้าแท็งก์อัตโนมัติ ไม่ต้องเทฝุ่นเอง ถุงฝุ่นขนาดใหญ่จุได้ถึง 2.5 ลิตร ใช้งานสะดวกและ衛กอนามัยยิ่งขึ้น มาพร้อมแรงดูดสูงถึง 4,000PA ปรับเพิ่มอัตโนมัติเมื่อขึ้นพรม พร้อมแบตเตอรี่ Li-Ion คุณภาพสูงจาก BYD
ระบบนำทาง LDS-Laser Navigation สแกนพื้นที่แม่นยำแม้ในที่มืด ควบคู่กับ Real-Time Mapping ช่วยให้ทำความสะอาดได้ครบทุกมุมบ้านอย่างทั่วถึง ใช้งานง่ายเพียงเชื่อมต่อ WiFi และควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน ผ้าถูแบบ Flat Mop ยังช่วยเก็บฝุ่นได้สะอาดหมดจดในรอบเดียว ทั้งดูดทั้งถูในขั้นตอนเดียว ประหยัดเวลาและแรงได้มาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบ้านยุคใหม่ที่ต้องการความสะอาดแบบไร้กังวล
4. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Xiaomi Robot Vacuum X10+
ราคา 15,990 บาท
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ All-in-One พร้อมระบบ AI+3D กำจัดฝุ่น ถูพื้น ซักผ้า เป่าแห้ง จบในเครื่องเดียว
Xiaomi Robot Vacuum X10+ คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่อย่างแท้จริง ด้วยความสามารถแบบ All-in-One ทั้งดูดฝุ่น ถูพื้น ล้างผ้า และเป่าผ้าให้แห้งอัตโนมัติ มาพร้อมแท่นเก็บฝุ่นขนาดใหญ่ 2.5 ลิตร และถังน้ำแยกน้ำดี-น้ำเสีย เพื่อให้การถูพื้นสะอาดได้อย่างต่อเนื่อง
ระบบ AI + 3D อัปเกรดใหม่ช่วยหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้แม่นยำยิ่งขึ้น รองรับการควบคุมผ่านแอป Google Assistant และ Alexa ตัวเครื่องมาพร้อมผ้าถูหมุน 2 ชิ้นที่สามารถยกขึ้นอัตโนมัติเมื่อเจอพรม พร้อมแรงดูดสูงสุดถึง 4000 Pa และแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 2 ชั่วโมง เหมาะกับคนที่ต้องการความสะอาดล้ำลึกแต่ไม่อยากดูแลยุ่งยาก
5. Mister Robot หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่น HYBRID MAP PRO
ราคา 9,590 บาท
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นระบบ Mapping เดินไม่มั่ว ดูดแรง เทฝุ่นเอง พร้อมถูพื้นในตัว
Mister Robot HYBRID MAP PRO คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้นที่ครบจบในตัวเดียว มาพร้อมระบบ Mapping Pro ที่สแกนพื้นที่และสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ เดินทำความสะอาดเป็นระบบ ไม่สุ่มหรือวิ่งซ้ำซ้อน มั่นใจได้ว่าสะอาดครบทุกจุดในบ้าน ตัวเครื่องสามารถดูดฝุ่นและถูพื้นพร้อมกันได้ในรอบเดียว แรงดูดสูงถึง 3,000 PA ปรับได้ 4 ระดับ
พร้อมผ้าม็อบไมโครไฟเบอร์สำหรับเก็บฝุ่นละเอียด และยังมีแท็งก์เก็บฝุ่นอัตโนมัติแรงดูดสูงถึง 20,000 PA ช่วยเทฝุ่นจากตัวหุ่นยนต์เข้าสู่ถัง 3,500 ml โดยไม่ต้องยุ่งยาก ควบคุมง่ายผ่านแอป “HYBRID SERIES” พร้อมระบบ Real-Time Mapping ให้คุณติดตามการทำงานได้ทันที เหมาะสำหรับบ้านยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความสะอาดและความสะดวกสบาย
6. Hitachi หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่น RV-X15N
ราคา 7,635 บาท
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นพร้อมฟังก์ชันถูพื้น ปรับระดับน้ำได้ เดินเป็นระบบ ควบคุมผ่านแอป
Hitachi RV-X15N คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อให้การทำความสะอาดบ้านของคุณสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาพร้อมแรงดูดสูงสุดถึง 2,700 Pa รองรับทั้งการดูดฝุ่นและการถูพื้นในเครื่องเดียว โดยสามารถปรับระดับน้ำสำหรับถูพื้นได้ เพื่อให้เหมาะกับสภาพพื้นผิวต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยี Gyro และเซ็นเซอร์อัจฉริยะ
หุ่นยนต์สามารถสร้างแผนที่และตรวจจับสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ พร้อมระบบ Auto Charge ที่สามารถกลับแท่นชาร์จอัตโนมัติเมื่อแบตเตอรี่อ่อน ใช้งานได้นานสูงสุดถึง 170 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสามารถควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน HomeDirect ผ่าน Wi-Fi ได้อย่างง่ายดาย เหมาะกับบ้านที่ต้องการเครื่องช่วยทำความสะอาดที่ครบจบในตัวเดียว
7. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock Qrevo Curv
ราคา 34,199 บาท
-แรงดูดสูง 18,500 Pa พร้อมระบบแปรงกันพันผม และฐานทำความสะอาดอัตโนมัติ
Roborock Qrevo Curv หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นเรือธงที่มาพร้อมแรงดูดทรงพลังถึง 18,500 Pa สามารถดูดฝุ่นอนุภาคเล็กได้หมดจดทั้งบนพื้นแข็งและพรม โดดเด่นด้วยระบบนำทาง LiDAR ที่ช่วยให้การสร้างแผนที่และหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางแม่นยำยิ่งขึ้น แปรงคู่ DuoDivide และม็อบ FlexiArm Riser Side ออกแบบมาเพื่อลดการพันกันของเส้นผม 100% พร้อมฟังก์ชันยกแปรงและม็อบอัตโนมัติเพื่อให้เข้ากับพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหล
เทคโนโลยี DirTect™ ช่วยตรวจจับสิ่งสกปรกและปรับรูปแบบการทำความสะอาดให้เหมาะสมแบบเรียลไทม์ เสริมความสะดวกด้วยฐานทำความสะอาดอัตโนมัติ Roborock Qrevo Curv คือผู้ช่วยตัวจริงของบ้านยุคใหม่ที่ต้องการความสะอาดและความชาญฉลาดในหนึ่งเดียว
8. หุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้น Dreame Bot L30s Ultra Robot Vacuum
ราคา 31,990 บาท
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น-ถูพื้นพลังดูด 11,000 Pa พร้อมม็อบยืดหดอัตโนมัติ และถูพื้นด้วยน้ำร้อน
Dreame Bot L30s Ultra หุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้นอัจฉริยะที่มาพร้อมพลังดูดสูงถึง 11,000 Pa พร้อมแปรงลูกกลิ้งแบบตัดผมในตัว ป้องกันการพันกันของเส้นผมอย่างหมดจด มาพร้อมฟีเจอร์ MopExtend™ RoboSwing 3.0 ที่สามารถยืด-หดและหมุนม็อบได้รอบทิศ เข้าถึงซอกมุมและเฟอร์นิเจอร์เตี้ยได้ลึกถึง 4 ซม. ฟังก์ชันทำความสะอาดม็อบด้วยน้ำร้อน 65°C ช่วยกำจัดแบคทีเรียและกลิ่นตกค้างได้อัตโนมัติ
พร้อมระบบตรวจจับสิ่งสกปรกอัจฉริยะ ถูพื้นซ้ำ 2 รอบเมื่อเจอคราบหนัก เสริมความปลอดภัยด้วยระบบหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง 3 มิติ ควบคุมและดูภาพจากกล้องแบบเรียลไทม์ผ่านแอป Dreamehome ได้ทันที Dreame Bot L30s Ultra คือผู้ช่วยดูแลบ้านที่ชาญฉลาด ครบเครื่อง และคุ้มค่าในเครื่องเดียว
9. Tefal หุ่นยนต์ดูดฝุ่น X-PLORER SERIE 45 รุ่น RG8275WH
ราคา 9,390 บาท
ควบคุมผ่านแอป ทำงานครอบคลุม 150 ตร.ม. ในราคาจับต้องได้
Tefal X-PLORER Serie 45 RG8275WH หุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้นอัจฉริยะในราคาคุ้มค่า พร้อมระบบนำทาง SAFE&EASY Navigation ที่ใช้เซ็นเซอร์หลากชนิดเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางและป้องกันการตกจากที่สูง ทำความสะอาดได้ครบวงจรทั้งกวาด ดูด และถูพื้นในเครื่องเดียวด้วยระบบ Aqua Power รองรับการควบคุมผ่านแอป “Tefal Robots” บน iOS และ Android
พร้อมโหมดทำความสะอาด 3 แบบให้เลือกใช้งานตามความต้องการ และยังเหมาะกับพื้นทุกประเภทรวมถึงพรมที่มีความหนาไม่เกิน 15 มม. แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 150 นาที ครอบคลุมพื้นที่สูงสุด 150 ตร.ม. และสามารถกลับแท่นชาร์จอัตโนมัติเมื่อแบตใกล้หมด เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ต้องการฟังก์ชันครบในงบประหยัด
10. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น AUTOBOT รุ่น MINI Lite
ราคา 2,790 บาท
กะทัดรัด เข้าถึงทุกซอกมุม เหมาะกับห้องเล็กอย่างคอนโดหรือห้องนอน
AUTOBOT MINI Lite เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นขนาดเล็ก ราคาคุ้มค่าที่เหมาะกับพื้นที่ไม่เกิน 30 ตร.ม. เช่น คอนโด ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น มาพร้อมดีไซน์บางเพียง 7.6 ซม. และหน้ากว้าง 27 ซม. จึงสามารถลอดใต้โซฟา โต๊ะ หรือเฟอร์นิเจอร์เตี้ย ๆ ได้อย่างคล่องตัว ใช้งานง่ายแต่เต็มประสิทธิภาพด้วยระบบ Motion Patterns ทำความสะอาดแบบสุ่ม ขยายวง และเลาะขอบห้อง ให้ผลลัพธ์ที่สะอาดทั่วถึง
ระบบ VACANIA ดูดฝุ่นได้ละเอียด พร้อมแผ่นกรองจาก 3M และเซนเซอร์กันตกพื้นต่างระดับ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ใช้งานได้กับพื้นต่างระดับสูงถึง 5 มม. (ในโหมดไม่ถูพื้น) เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมในประเทศชั้นนำ เช่น สหรัฐฯ และญี่ปุ่น สำหรับใครที่กำลังมองหาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นขนาดเล็กที่ใช้งานง่ายในราคาย่อมเยา รุ่นนี้ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น (FAQ)
1. หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำความสะอาดได้สะอาดจริงไหม?
ได้ครับ โดยเฉพาะรุ่นที่มีระบบนำทางแม่นยำและแรงดูดสูง หุ่นยนต์สามารถดูดฝุ่น ขนสัตว์ และเศษเล็ก ๆ ได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม พื้นที่แคบ ๆ ใต้โซฟาเตี้ยหรือมุมที่แปรงเข้าไม่ถึง อาจต้องทำความสะอาดด้วยมือเสริมบ้างเป็นครั้งคราว
2. หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำงานบนพรมได้ไหม?
ทำได้ครับ แต่ควรเลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันตรวจจับพรมและเพิ่มแรงดูดอัตโนมัติ หรือมีแรงดูดมากกว่า 2,000 Pa ขึ้นไป เพราะพรมต้องการพลังมากกว่าพื้นไม้หรือกระเบื้องในการดูดฝุ่นที่ฝังแน่น
3. ถ้าบ้านมีหลายชั้น ต้องซื้อกี่ตัว?
ถ้าแต่ละชั้นมีพื้นที่ใช้งานชัดเจน และมีปลั๊กไฟพร้อม คุณสามารถใช้เครื่องเดียวแล้วยกไปแต่ละชั้นได้ แต่หากต้องการความสะดวกสูงสุด ควรใช้แยกชั้นละเครื่อง โดยเลือกรุ่นที่สามารถบันทึกแผนที่หลายชั้นได้ (Multi-floor Mapping)
4. หุ่นยนต์จะตกบันไดหรือไม่?
ส่วนใหญ่ไม่ตกครับ เพราะหุ่นยนต์มีเซนเซอร์กันตก (Cliff Sensor) ตรวจจับขอบหรือพื้นที่ต่างระดับ หากมีการใช้งานในพื้นที่ใกล้บันได แนะนำให้ทดสอบการใช้งานก่อนหรือตั้งค่าพื้นที่ห้ามเข้า (No-Go Zone) เพื่อความมั่นใจ
5. หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเสียงดังไหม?
โดยทั่วไปจะมีเสียงขณะทำงานพอประมาณ (ประมาณ 50–70 เดซิเบล) พอ ๆ กับเครื่องดูดฝุ่นทั่วไปแต่เบากว่าเครื่องเป่าผม หากคุณต้องการใช้ตอนนอนหรือมีสัตว์เลี้ยงขี้ตกใจ ควรเลือกรุ่นที่มีโหมดเงียบหรือ Low Noise Mode
6. ต้องล้างหรือดูแลเครื่องบ่อยแค่ไหน?
- ถังเก็บฝุ่น : ควรถอดมาทำความสะอาดทุก 2–3 วัน หรือหลังการใช้งานหนัก
- แปรงหลัก/แปรงข้าง : ควรตรวจสอบและทำความสะอาดทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะหากบ้านมีผมยาวหรือขนสัตว์
- แผ่นกรองฝุ่น (HEPA) : เป่าฝุ่นหรือล้างเบา ๆ ทุก 2–4 สัปดาห์ และเปลี่ยนทุก 3–6 เดือน
- แผ่นถูพื้น (ถ้ามี) : ถอดซักทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อป้องกันกลิ่นอับ
7. ใช้ร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้ไหม?
ได้แน่นอนครับ และเหมาะมากด้วย เพราะหุ่นยนต์จะช่วยดูดขนสัตว์ที่ร่วงประจำวันได้ดี แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีแปรงยางหรือแปรงที่ถอดล้างง่าย เพราะจะช่วยแก้ปัญหาขนพันแปรงได้สะดวกขึ้น
8. หุ่นยนต์สามารถทำงานในขณะที่ไม่มีคนอยู่บ้านได้ไหม?
ได้ 100% ครับ หากเป็นรุ่นที่เชื่อมต่อ Wi-Fi และควบคุมผ่านแอป คุณสามารถตั้งเวลา เปิด–ปิด หรือดูสถานะการทำงานจากที่ไหนก็ได้ แม้คุณจะอยู่นอกบ้าน
บทส่งท้าย
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นถือเป็นผู้ช่วยทำความสะอาดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ช่วยประหยัดเวลาและแรงในการดูแลบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ กระเบื้อง หรือพรมก็สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเลือกเครื่องที่เหมาะกับขนาดบ้าน ระบบนำทางแม่นยำ และฟีเจอร์ครบตามความต้องการ ก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง และเมื่อใช้งานควบคู่กับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นก็จะเป็นคู่บ้านที่ใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่า และทำให้บ้านของคุณสะอาดอยู่เสมอโดยไม่ต้องเหนื่อยเองอีกต่อไป