สมาร์ตโฟนในปัจจุบันไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือสื่อสารอีกต่อไป แต่กลายเป็นอุปกรณ์คู่ใจที่ช่วยเติมเต็มทั้งการทำงานและความบันเทิงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะใช้ถ่ายรูป เล่นเกม ทำงาน หรือท่องโซเชียล มือถือที่ดีและตอบโจทย์การใช้งานสามารถเปลี่ยนประสบการณ์ในแต่ละวันให้สะดวกและลื่นไหลยิ่งขึ้น ด้วยตัวเลือกมากมายในท้องตลาด หลายคนอาจลังเลว่าจะเลือก มือถือน่าใช้ รุ่นไหนดี
บทความนี้ ตังค์ทอน จึงได้รวบรวม มือถือน่าใช้ หลากหลายรุ่นที่คุ้มค่าน่าจับตามอง ทั้งในแง่ของสเปก ราคา และฟีเจอร์ เพื่อช่วยให้คุณเลือกมือถือที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ง่ายขึ้น
วิธีการเลือกซื้อมือถือน่าใช้ สำหรับมือใหม่
การเลือกซื้อมือถือในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีตัวเลือกหลากหลาย ทั้งยี่ห้อ รุ่น ราคา และฟีเจอร์ที่แตกต่างกันไป สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยี การเลือก มือถือน่าใช้ ให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเองจึงอาจดูน่าปวดหัว บทความนี้จะช่วยแนะนำวิธีการเลือกซื้อมือถือแบบเข้าใจง่าย พร้อมอธิบายจุดสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้คุณได้มือถือที่ “น่าใช้” และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายมากที่สุด
1. กำหนดงบประมาณที่ชัดเจน
เลือกมือถือให้อยู่ในช่วงราคาที่คุณสบายใจ
ก่อนจะดูสเปกหรือฟีเจอร์ใด ๆ ให้เริ่มจากการกำหนดงบประมาณที่คุณสามารถจ่ายไหว โดยทั่วไป มือถือจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มราคา:
- ระดับเริ่มต้น (ต่ำกว่า 6,000 บาท) : เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เช่น โทร เข้า-ออก เล่นโซเชียล หรือดู YouTube รุ่นในกลุ่มนี้อาจไม่แรงมาก แต่ใช้งานพื้นฐานได้ดี
- ระดับกลาง (6,000–15,000 บาท) : เป็นกลุ่มที่มีความสมดุลระหว่างราคาและฟีเจอร์ มีกล้องที่ถ่ายสวยขึ้น เล่นเกมลื่น และใช้งานหลายแอปพร้อมกันได้ดี
- ระดับเรือธง (15,000 บาทขึ้นไป) : ได้สเปกระดับสูง เหมาะกับคนที่ต้องการมือถือแรง ๆ กล้องดีสุด ฟีเจอร์ล้ำ เช่น กล้องซูมไกล จอคุณภาพสูง หรือใช้ทำงานระดับมืออาชีพ
การตั้งงบจะช่วยให้คุณเลือกมือถือได้ตรงกลุ่ม ไม่ต้องเสียเวลาไล่ดูรุ่นเกินงบที่ใช้งานเกินความจำเป็น
2. เลือกจากลักษณะการใช้งานของตัวเอง
มือถือที่ดี คือมือถือที่ตอบโจทย์ชีวิตคุณ
ลองถามตัวเองก่อนว่า คุณจะใช้มือถือเพื่ออะไรเป็นหลัก เช่น:
- เน้นถ่ายรูป : เลือกมือถือที่มีกล้องความละเอียดสูง มีฟีเจอร์อย่างโหมดกลางคืน (Night Mode), กันสั่น (OIS), หรือกล้องมุมกว้าง
- เน้นเล่นเกม : ควรดูที่ชิปประมวลผล (CPU), หน่วยความจำ RAM อย่างน้อย 6GB และหน้าจอรีเฟรชเรตสูง (90Hz–120Hz)
- เน้นใช้งานทั่วไป : ถ้าใช้เล่นเฟซบุ๊ก ไลน์ ดูยูทูบ มือถือระดับเริ่มต้นถึงกลางก็เพียงพอ ดูให้มี RAM อย่างน้อย 4GB และแบตเตอรี่ทน
- เน้นทำงาน : เลือกที่มีหน้าจอใหญ่ ความละเอียดสูง พิมพ์สะดวก รองรับแอปทำงาน เช่น Microsoft Office, Zoom หรือมีฟีเจอร์จดโน้ต
เมื่อคุณรู้ว่าตัวเองใช้งานแบบไหน การเลือกรุ่นก็จะแคบลงและง่ายขึ้นมาก
3. พิจารณาสเปกพื้นฐานที่สำคัญ
สเปกไม่ต้องรู้ลึก แค่เข้าใจพื้นฐานก็เลือกได้แล้ว
- ชิปประมวลผล (CPU) : เป็นหัวใจของเครื่อง ถ้าเล่นเกมหรือใช้งานหนัก เลือก Snapdragon, Dimensity หรือ Exynos รุ่นกลางถึงสูง
- RAM : ส่งผลต่อความลื่นไหล ควรเลือก RAM อย่างน้อย 4GB สำหรับใช้งานทั่วไป และ 6GB ขึ้นไปสำหรับเล่นเกมหรือเปิดหลายแอป
- พื้นที่จัดเก็บ (ROM/Storage) : ถ้าคุณถ่ายรูปบ่อย โหลดแอปเยอะ ควรมีความจุขั้นต่ำ 64GB หรือมากกว่านั้น หากรองรับ microSD card ด้วยจะยิ่งดี
- หน้าจอ : จอใหญ่ (6.5 นิ้วขึ้นไป) ทำให้ดูวิดีโอหรือเล่นเกมเต็มตา จอแบบ AMOLED จะให้สีสวยคมชัดกว่าจอ LCD
- แบตเตอรี่ : ความจุ 5,000 mAh ขึ้นไปจะใช้งานได้ทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย ควรดูว่ารองรับชาร์จเร็วด้วยหรือไม่
- ระบบปฏิบัติการ : มือถือ Android จะใช้ง่ายและมีตัวเลือกหลากหลาย iOS (iPhone) ก็มีข้อดีเรื่องความเสถียรและอัปเดตยาวนาน แต่ราคาจะสูงกว่า
4. ตรวจสอบกล้องให้ตรงกับการใช้งาน
อย่าดูแค่จำนวนล้านพิกเซล
แม้กล้อง 108MP จะดูน่าสนใจ แต่ความคมชัดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดเซนเซอร์, รูรับแสง, ซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพ และระบบกันสั่น
- ถ้าคุณชอบถ่ายรูปคน เลือกที่มีโหมด Portrait หรือ AI Beauty
- ถ้าชอบถ่ายวิว เลือกกล้องที่มีเลนส์ Ultra-Wide
- ถ้าถ่ายวิดีโอบ่อย ควรมีระบบกันสั่น OIS หรือ EIS และรองรับ 4K
ควรดูตัวอย่างภาพจริงจากรีวิวเพิ่มเติม จะช่วยให้เข้าใจคุณภาพกล้องของแต่ละรุ่นได้ดีกว่าแค่ดูสเปกตัวเลข
5. ฟีเจอร์เสริมที่ควรพิจารณา
ของแถมที่ใช้งานได้จริง เพิ่มความคุ้มค่าให้มือถือ
- รองรับ 5G : ถ้าอยากใช้เน็ตเร็วในอนาคต ควรเลือกรุ่นที่รองรับ 5G ได้
- สแกนลายนิ้วมือ / สแกนหน้า : เพื่อความปลอดภัยและปลดล็อกสะดวก
- กันน้ำกันฝุ่น : มีประโยชน์หากคุณต้องออกนอกบ้านบ่อย หรือใช้งานในที่เปียกชื้น
- ลำโพงคู่ (Stereo) : ให้เสียงดังกระหึ่ม ดูหนังหรือเล่นเกมสนุกกว่า
- ชาร์จเร็ว (Fast Charging) : ช่วยให้คุณชาร์จแบตได้ไว ไม่ต้องรอนาน
6. อ่านรีวิวและเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ
อย่าซื้อแค่เพราะเห็นโปรลดราคา ควรดูความคุ้มค่าร่วมด้วย
ก่อนจะซื้อ ควร :
- ดูรีวิวจากผู้ใช้จริง เช่นใน YouTube หรือเว็บไซต์เปรียบเทียบมือถือ
- ตรวจสอบการรับประกัน ศูนย์บริการใกล้บ้านมีหรือไม่
- เปรียบเทียบราคาในหลายร้านค้า ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน
การเช็กข้อมูลก่อนซื้อจะช่วยลดโอกาสผิดหวัง และทำให้คุณได้มือถือที่ทั้ง “น่าใช้” และ “น่าคุ้ม”
10 อันดับ มือถือน่าใช้ รุ่นไหนดี ปี 2025 รุ่นยอดนิยม ฟีเจอร์ครบ ถ่ายรูปสวย เล่นเกมลื่น
ต่อไปนี้จะเป็น มือถือน่าใช้ ปี 2025 ที่เราได้คัดสรรมาแล้วว่า กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ มีกระแสตอบรับที่ดี และรีวิวระดับ 5 ดาว ซึ่งคุณสามารถดูจากรีวิวด้านล่างได้เลยครับ
1. Apple iPhone 16 Pro Max
ราคาเริ่มต้น 41,900 บาท
สมาร์ตโฟนเรือธงสุดล้ำ ดีไซน์ไทเทเนียมหรูหรา กล้องระดับโปร พร้อมชิป A18 Pro และ AI อัจฉริยะ
Apple iPhone 16 Pro Max เปิดตัวพร้อมดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นด้วยตัวเครื่องไทเทเนียม แข็งแรงแต่เบากว่าเดิม มีให้เลือกถึง 4 สีสุดพรีเมียม โดยเฉพาะสีใหม่ Desert Titanium ที่หรูหราไม่เหมือนใคร มาพร้อมปุ่ม Camera Control ที่ช่วยให้คุณเข้าถึงฟังก์ชันกล้องได้รวดเร็วขึ้น และถ่ายวิดีโอแบบ Dolby Vision ความละเอียด 4K ที่ 120 fps ได้อย่างน่าทึ่ง
ภายในแรงสุดขั้วด้วยชิป A18 Pro รุ่นใหม่ล่าสุด ที่รองรับ Apple Intelligence ซึ่งเป็นระบบ AI ที่ทำให้การใช้งานฉลาดขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเขียน ช่วยสรุป หรือประมวลผลภาพก็ลื่นไหล รองรับความจุหลายระดับ ให้คุณเลือกได้ตามไลฟ์สไตล์
2. Samsung Galaxy S25 Ultra
ราคาเริ่มต้น 44,900 บาท
สมาร์ตโฟนเรือธงดีไซน์หรู จอใหญ่ กล้องเทพ พร้อม Galaxy AI และชิปสุดแรง Snapdragon 8 Elite
Samsung Galaxy S25 Ultra คือมือถือรุ่นท็อปที่มาพร้อมวัสดุไทเทเนียมพรีเมียม น้ำหนักเบาแต่ทนทาน ดีไซน์ใหม่โค้งมนจับถนัดมือมากขึ้น หน้าจอใหญ่เต็มตา เหมาะกับทั้งการดูหนัง ทำงาน และเล่นเกม มาพร้อมกล้องความละเอียดสูง ซูมได้ไกลและคมชัดแม้ในระยะไกล ถ่ายภาพได้สวยคมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน
ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Elite รุ่นล่าสุดช่วยให้การใช้งานลื่นไหล ตอบสนองทันใจไม่ว่าจะเปิดหลายแอปพร้อมกันหรือเล่นเกมหนักๆ จุดเด่นที่ทำให้รุ่นนี้ล้ำกว่าใครคือ Galaxy AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่ช่วยสรุปข้อมูล สั่งงานข้ามแอป และแปลภาษาได้แบบเรียลไทม์ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมือถือครบเครื่อง ใช้งานง่าย และรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคตในปี 2025 อย่างแท้จริง
3. Vivo X200 Pro
ราคาเริ่มต้น 39,999 บาท
ซูมไกล 100 เท่า ชัดเป๊ะด้วยกล้องเทเลโฟโต้ 200MP เหมาะสุดสำหรับสายคอนเสิร์ตและคนรักการถ่ายภาพ
Vivo X200 Pro คือสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมที่ยกระดับการถ่ายภาพไปอีกขั้น ด้วยกล้องเทเลโฟโต้ความละเอียดสูงถึง 200MP สามารถซูมได้ไกลถึง 100 เท่า จับภาพได้คมชัดแม้จะอยู่ห่างจากวัตถุ เหมาะสำหรับสายถ่ายคอนเสิร์ต วิว หรือเหตุการณ์สำคัญที่ต้องการความใกล้ชิดโดยไม่ต้องเข้าไปถึงหน้าจอ กล้องหลัก 50MP ยังมอบภาพสวยคมแม้ในสภาพแสงน้อย
ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9400 ที่ให้ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม รองรับทั้งการใช้งานทั่วไปและการเล่นเกมหนัก ๆ ได้อย่างลื่นไหล หน้าจอสวย กล้องเทพ และประสิทธิภาพที่จัดเต็ม Vivo X200 Pro คือคำตอบสำหรับคนที่ต้องการมือถือแอนดรอยด์สุดครบเครื่องในปี 2025
4. OPPO Reno 13
ราคาเริ่มต้น 17,999 บาท
มือถือน่าใช้ดีไซน์บางเบา กล้องชัด ลบวัตถุด้วย AI Eraser พร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูง
OPPO Reno13 สมาร์ตโฟน 5G รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อคนยุคดิจิทัลโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยดีไซน์บางเบา พกพาสะดวกแต่หรูหราทันสมัย หน้าจอขนาดใหญ่ 6.59 นิ้ว ให้การแสดงผลเต็มตา เหมาะทั้งดูหนัง เล่นเกม หรือทำงาน พร้อมกล้องหลัง 50MP ที่ให้ภาพถ่ายคมชัดระดับสูง และฟีเจอร์เด่นอย่าง AI Eraser ที่ช่วยลบวัตถุหรือคนออกจากภาพได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว
ชาร์จเร็วทันใจด้วยเทคโนโลยี 80W SuperVOOC ใช้งานได้ยาวนานไม่ต้องรอนาน และเสริมความมั่นใจในการใช้งานด้วย OPPO Secure Center ที่ตรวจสอบและจัดการแอปต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องห่วงเรื่องมัลแวร์หรือแอปเถื่อน OPPO Reno13 คือคำตอบสำหรับคนที่ต้องการมือถือครบเครื่องในราคาที่คุ้มค่า
5. Samsung Galaxy Z Flip 6
ราคาเริ่มต้น 32,900 บาท
พับได้ ดีไซน์กะทัดรัด ใช้งานสนุก พร้อม Galaxy AI และกล้องเซลฟีสุดล้ำผ่านจอนอก
Samsung Galaxy Z Flip6 สมาร์ตโฟนจอพับที่มาพร้อมดีไซน์กะทัดรัด สะดวกต่อการพกพาและใช้งานในชีวิตประจำวัน หน้าจอหลักขนาด 6.7 นิ้ว แสดงผลเต็มตา ส่วนจอนอกก็ใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะตอบแชท เปิดแอป หรือไถฟีด ก็ทำได้โดยไม่ต้องกางเครื่อง เพิ่มลูกเล่นให้สนุกยิ่งขึ้นด้วยวอลเปเปอร์แบบเคลื่อนไหวที่ปรับเปลี่ยนตามท่าทางของคุณ
จุดเด่นอีกอย่างคือ Galaxy AI ที่ช่วยให้การใช้งานฉลาดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสรุปข้อความ ตอบกลับอัตโนมัติ หรือใช้งานข้ามแอปได้อย่างลื่นไหล ถ่ายภาพก็สะดวกขึ้นเพราะเห็นตัวเองผ่านจอนอกแบบเรียลไทม์ ปรับมุมได้หลากหลาย พร้อมแบต 4,000 mAh ใช้งานยาวนานตลอดวัน Samsung Galaxy Z Flip6 เหมาะกับสายแฟชั่นและคนชอบความล้ำในเครื่องเดียว
6. Xiaomi Mix Flip
ราคาเริ่มต้น 39,990 บาท
มือถือจอพับสเปกแรง กล้องเทพ พกพาสะดวก พร้อมแบตอึดใช้ยาวทั้งวัน
Xiaomi Mix Flip คือสมาร์ตโฟนจอพับรุ่นใหม่ที่รวมความล้ำสมัยกับการใช้งานที่ง่ายในเครื่องเดียว ด้วยดีไซน์เล็กกะทัดรัด พับเก็บง่าย พกพาสะดวก แต่ภายในกลับซ่อนพลังไว้เต็มเปี่ยม หน้าจอสัมผัสตอบสนองไว ใช้งานได้ลื่นทุกแอป มาพร้อมกล้องหลัง 50MP และกล้องหน้า 32MP ที่ถ่ายภาพและวิดีโอกลางคืนได้คมชัดอย่างเหลือเชื่อ เหมาะทั้งสายถ่ายรูปและสาย Vlog
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,780 mAh ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน ไม่ต้องคอยพกสายชาร์จตลอดเวลา ประสิทธิภาพโดยรวมถือว่าแรงเกินตัว เหมาะกับคนที่ต้องการมือถือจอพับที่ใช้งานได้จริงในทุกสถานการณ์ Xiaomi Mix Flip จึงเป็นอีกตัวเลือกที่น่าจับตามองในปีนี้
7. Realme 13+
ราคาเริ่มต้น 10,499 บาท
จอใหญ่ FHD+ กล้องคม ชาร์จไวแรง ใช้งานลื่นไหลพร้อมรองรับ 5G
Realme 13+ เป็นสมาร์ตโฟน 5G ที่ตอบโจทย์การใช้งานยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ทั้งดีไซน์ที่สวยทันสมัยและหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ ช่วยให้การดูหนัง เล่นเกม หรือใช้งานโซเชียลเต็มอิ่มทุกอรรถรส กล้องหลังความละเอียด 50MP เก็บภาพได้อย่างคมชัด สีสันสดใสทั้งกลางวันและกลางคืน
จุดเด่นอีกอย่างคือแบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh ใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย และหากต้องชาร์จ ก็มีระบบชาร์จไว 80W ที่ช่วยให้กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นมือถือที่คุ้มค่าในงบประมาณระดับหมื่นต้น ๆ เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการความครบเครื่องทั้งในด้านประสิทธิภาพและดีไซน์
8. Honor X9c
ราคาเริ่มต้น 10,990 บาท
หน้าจอใหญ่ แบตอึด กล้องชัดเก็บครบทุกรายละเอียด ในราคาคุ้มค่าเกินคาด
Honor X9c เป็นมือถือน่าใช้ที่มาพร้อมดีไซน์พรีเมียมและสเปกจัดเต็ม ในราคาสบายกระเป๋า หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว ให้ภาพคมชัด เต็มอิ่มทุกความบันเทิง ไม่ว่าจะดูหนังหรือเล่นเกมก็ตอบโจทย์ได้ดี ระบบประมวลผลทำงานลื่นไหล รองรับการใช้งานหลากหลายแบบไม่มีสะดุด
กล้องหลังจัดเต็มด้วยความละเอียด 108MP พร้อมเลนส์ Ultrawide 5MP ถ่ายภาพได้สวยคมชัดทั้งมุมกว้างและรายละเอียดเล็ก ๆ เก็บทุกโมเมนต์ได้อย่างมืออาชีพ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,600 mAh ใช้งานได้ตลอดวันโดยไม่ต้องพกสายชาร์จให้วุ่นวาย Honor X9c จึงเป็นตัวเลือกสุดคุ้มสำหรับคนที่ต้องการมือถือครบเครื่องในราคาหมื่นต้น ๆ
9. Xiaomi Redmi Note 14
ราคาเริ่มต้น 7,499 บาท
กล้อง 108MP พร้อม OIS ถ่ายชัดทุกช็อตแม้ในขณะเคลื่อนไหว ในราคาที่คุ้มสุด ๆ
Xiaomi Redmi Note 14 คือสมาร์ตโฟนที่เน้นด้านกล้องถ่ายภาพโดยเฉพาะ ด้วยกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 108MP พร้อมระบบกันสั่น OIS ที่ช่วยให้คุณได้ภาพคมชัด แม้ในขณะเคลื่อนไหวหรือถ่ายในที่แสงน้อย เหมาะสำหรับคนที่รักการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือโปรก็สนุกกับการถ่ายได้ทุกที่
หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ให้ภาพคมชัดเต็มตา ใช้งานดูหนัง เล่นเกม หรือทำงานก็สะดวกสบาย แบตเตอรี่ 5,110 mAh ใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ และยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 14 ที่ลื่นไหลและใช้งานง่าย Redmi Note 14 เป็นตัวเลือกที่ทั้งคุ้มค่าและครบเครื่องในงบไม่ถึง 8,000 บาท
10. Infinix Hot 50Pro+
ราคาเริ่มต้น 6,499 บาท
จอใหญ่ แบตอึด กล้องคม พร้อมสเปกสุดคุ้มเกินราคา
Infinix Hot 50 Pro+ เป็นมือถือน่าใช้รุ่นประหยัดที่มาพร้อมสเปกเกินตัว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการมือถือจอใหญ่ในงบจำกัด ด้วยหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ให้ภาพคมชัดเต็มตา ไม่ว่าจะดูหนัง เล่นโซเชียล หรือเล่นเกมก็ลื่นไหลไม่มีสะดุด อีกทั้งยังมาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 50MP ถ่ายภาพได้สวยคมชัดแม้ในราคาย่อมเยา
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับการใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องพึ่งพาแบตสำรองบ่อยๆ ดีไซน์ของตัวเครื่องก็สวยทันสมัย ถือแล้วดูดีเกินราคา ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและความคุ้มค่า เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา หรือใครก็ตามที่มองหามือถือใช้งานดี ราคาน่ารัก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมือถือน่าใช้
1. มือถือน่าใช้ปีนี้มียี่ห้อไหนบ้าง?
ในปีนี้ ยี่ห้อที่ยังคงได้รับความนิยมและคุ้มค่ากับการใช้งาน ได้แก่ Samsung, Xiaomi, realme, vivo, OPPO และ iPhone โดยแต่ละยี่ห้อมีรุ่นเด่นในช่วงราคาที่ต่างกัน เช่น Samsung และ Xiaomi จะเด่นเรื่องสเปกแรงคุ้มราคา ส่วน iPhone จะเด่นเรื่องความเสถียรและกล้องที่ถ่ายง่ายได้ภาพสวย
2. ถ้าใช้แค่เล่นโซเชียล ดู YouTube และถ่ายรูปเล่น ควรเลือกมือถือแบบไหน?
สำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่จำเป็นต้องเลือกรุ่นแพงมาก มือถือระดับราคาประมาณ 5,000–8,000 บาท ที่มี RAM 4GB ขึ้นไป และแบตเตอรี่ 5,000 mAh ก็เพียงพอแล้ว ควรเลือกหน้าจอที่ใหญ่หน่อย (ประมาณ 6.5 นิ้ว) เพื่อดูวิดีโอได้เต็มตา
3. มือถือที่กล้องสวยต้องดูอะไรบ้างนอกจากจำนวนพิกเซล?
อย่าดูแค่ตัวเลขล้านพิกเซล ควรพิจารณา ระบบกันสั่น (OIS/EIS), รูรับแสง, ซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพ, และดูตัวอย่างภาพถ่ายจากรีวิวจริงด้วย กล้องดีจะให้ภาพสวยแม้ในที่แสงน้อย และถ่ายวิดีโอได้นิ่ง
4. มือถือที่เล่นเกมลื่น ๆ ต้องมีสเปกอย่างไร?
ควรมี :
- ชิปประมวลผลแรง (เช่น Snapdragon 6xx ขึ้นไป หรือ Dimensity 800 ขึ้นไป)
- RAM อย่างน้อย 6GB
- หน้าจอรีเฟรชเรต 90Hz–120Hz
- ระบบระบายความร้อนที่ดี โดยรุ่นราคา 9,000–15,000 บาทหลายรุ่นสามารถเล่นเกมได้ลื่นระดับกลางถึงสูงเลยทีเดียว
5. มือถือราคาประหยัดจะทนไหม ใช้งานได้กี่ปี?
มือถือราคาประหยัดหากเลือกจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และดูแลดี (เช่น ไม่ติดแอปแปลก ๆ ไม่ทำตกบ่อย) ก็สามารถใช้งานได้ 2–3 ปี อย่างสบาย โดยอาจเริ่มช้าลงเมื่อระบบอัปเดตใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ
6. ควรซื้อมือถือออนไลน์ดีไหม หรือไปหน้าร้านดีกว่า?
- ออนไลน์ : มักมีราคาถูกกว่า และมีโปรโมชั่นเยอะ แต่ควรซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้ (เช่น Shopee Lazada Banana ร้านที่เป็นตัวแทนแบรนด์ หรือ Shopee Mall Lazada Mall และ bnn.in.th)
- หน้าร้าน : ได้ลองจับเครื่องจริงก่อนซื้อ เหมาะกับคนที่ไม่มั่นใจเรื่องการเลือกเอง หรืออยากให้พนักงานช่วยแนะนำ
7. มือถือที่รองรับ 5G จำเป็นไหม?
ถ้าคุณใช้อินเทอร์เน็ตเยอะ ดูวิดีโอ เล่นเกม หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณ 5G แล้ว การมีมือถือที่รองรับ 5G จะช่วยให้ใช้งานได้เร็วขึ้น แต่ถ้าใช้งานทั่วไปและอยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่มี 5G มากนัก มือถือ 4G ยังเพียงพอ
บทส่งท้าย
การเลือกซื้อ มือถือน่าใช้ ไม่ได้หมายถึงรุ่นที่แพงที่สุด หรือยี่ห้อที่เป็นกระแสเท่านั้น แต่อยู่ที่ว่า มือถือเครื่องนั้นตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป ถ่ายรูป เล่นเกม หรือใช้ทำงาน มือถือแต่ละรุ่นล้วนมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือ ควรพิจารณา งบประมาณ, สเปกพื้นฐาน, ความคุ้มค่า, และ ความน่าเชื่อถือของแบรนด์
ควบคู่ไปกับการอ่านรีวิวและเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อให้คุณได้มือถือที่เหมาะสมที่สุดในราคาที่คุณพอใจ สุดท้าย ไม่ว่าคุณจะเลือกมือถือรุ่นไหน อย่าลืมว่า การใช้งานอย่างถูกวิธีและดูแลเครื่องให้ดี ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานและทำให้มือถือเครื่องนั้นเป็น “เครื่องคู่ใจ” ไปได้อีกนานครับ