น้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นสิ่งที่เราควรใช้หลังจากที่เราทำการซักผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นจะช่วยให้ผ้ามีความนุ่มน่าสัมผัส ทำให้ภาพมีกลิ่นหอมติดทนนาน ไม่มีกลิ่นอับ โดยเฉพาะถ้าถึงฤดูฝนที่ไม่มีแดดสำหรับตากผ้าแล้วด้วย ถ้าของเราอาจเกิดกลิ่นอับขึ้นได้ ทำให้เราควรต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราจะขาดไปไม่ได้เลย
ในวันนี้ ตังค์ทอน จะมาแนะนำ 10 อันดับ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ยี่ห้อไหนดี มีกลิ่นหอมสดชื่น ติดเสื้อผ้าได้อย่างยาวนานทั้งวัน พร้อมทั้งช่วยถนอมผ้าไปในตัว แล้วจะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มให้ทุกคนได้รับทราบกันอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มดูรายละเอียดกันได้เลย
วิธีการเลือกซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่ม ต้องพิจารณาอะไรบ้าง?
น้ำยาปรับผ้านุ่ม (Fabric Softener) ในท้องตลาดบ้านเรานั้น มีมากมายหลายแบรนด์หลายยี่ห้อ ให้ได้เลือกซื้อมาใช้งานกัน รวมทั้งยังมีหลายกลิ่นจนเราอาจจะเลือกไม่ถูก สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะต้องเลือกอย่างไรดี วันนี้เรามีวิธีการเลือกซื้อมาฝาก
1. เลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นหอมและลดกลิ่นอับ
ในบางครั้งเราอาจจะไม่มีแดดให้ตากผ้า หรือจำเป็นที่จะต้องตากผ้าในเวลากลางคืน สิ่งที่จะตามมาก็คือผ้าอาจจะมีกลิ่นอับเกิดขึ้นได้ รวมไปถึงสำหรับใครที่งานยุ่งตลอดทั้งวัน ให้ต้องซักผ้าแล้วตากผ้าในเวลากลางคืน ผ่าก็อาจมีกลิ่นอับเกิดขึ้นด้วย ทำให้เราควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มที่มีคุณสมบัติในการลดกลิ่นอับ และสามารถใช้ตากผ้าในเวลากลางคืนได้ เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของกลิ่นอับชื้นนั่นเอง
2. เลือกน้ำยาที่สามารถให้กลิ่นหอมที่ติดทนนาน
หน้าที่สำคัญของน้ำยาปรับผ้านุ่มก็คือการทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นที่หอมติดทนนาน ในการเลือกซื้อเราก็ต้องตรวจดูด้วยเพราะว่าบางยี่ห้อนั้นอาจจะหอมเพียงแค่แป๊บเดียว เพราะฉะนั้นเพื่อให้การใช้งานเกิดประโยชน์มากที่สุด วันเลือกซื้อน้ำยาที่สามารถให้กลิ่นหอมที่ติดทนนานได้ตลอดทั้งวัน และในท้องตลาดบ้านเราก็มีหลากหลายกลิ่นให้เลือก สำหรับใครที่ชอบกลิ่นไหนก็สามารถเลือกได้ตามต้องการได้เลย
3. เลือกน้ำยาสูตรอ่อนโยนสำหรับคนแพ้ง่าย
เมื่อเราใช้งานน้ำยาสำหรับปรับผ้านุ่มไปเรียบร้อยแล้ว ยี่ห้อทั่วไปอาจจะมีสารตกค้างที่ติดอยู่บนเสื้อหลังจากที่เราซักเสร็จเรียบร้อย นั่นจะเป็นสาเหตุให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวของผู้สวมใส่เสื้อผ้า และอาจจะเกิดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจอีกด้วย ดังนั้นเพื่อให้สามารถใช้งานได้โดยไม่มีปัญหา ควรเลือกซื้อน้ำยาสำหรับปรับผ้านุ่มที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี แล้วได้ผ่านการทดสอบมาแล้วว่าไม่แพ้จะดีที่สุด
4. ตรวจสอบความเข้มข้นของน้ำยา
ถ้าใครที่ต้องการให้ผ้าหอมติดทนนานแบบสุด ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาการฉีดน้ำหอม เราขอแนะนำให้เลือกซื้อน้ำยาสำหรับปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น ในส่วนนี้คุณสามารถตรวจสอบได้จากฉลากของผลิตภัณฑ์ได้เลย เพราะเขาจะมีแจ้งไว้ให้เราเรียบร้อยแล้ว และก็ต้องอย่าลืมตรวจสอบด้วยว่าการใช้ปริมาณน้ำยาควรใช้ประมาณเท่าใด เพราะยี่ห้อที่มีคุณภาพใช้เพียงไม่มากก็หอมจนน่าพอใจแล้ว
10 อันดับ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ยี่ห้อไหนดี ปี 2024 ผ้าสีสวย กลิ่นหอมฟุ้ง ขจัดกลิ่นอับชื้น
ต่อไปเราจะมาดูกันว่า น้ำยาปรับผ้านุ่มที่เรานำมาแนะนำทั้ง 10 อันดับในวันนี้ จะมีรุ่นไหนที่น่าสนใจกันบ้าง บอกได้เลยว่าแต่ละรุ่นหอมละมุนติดทนนาน และมีประสิทธิภาพดีอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูรีวิวกันเลย
1. Downy น้ำยาปรับผ้านุ่ม Concentrated Fabric Softener
ราคา 207 บาท
สูตรเข้มข้น กลิ่นหอมสดชื่น ลดกลิ่นอับได้ดี
Downy น้ำยาปรับผ้านุ่ม Concentrated Fabric Softener สำหรับดาวนี่เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สำหรับสูตรนี้จะเป็นสูตรเข้มข้น ที่มีกลิ่นหอมอ่อนโยนมาจากดอกมะลิ ช่วยให้ภาพของคุณหอมสดชื่นยาวนานตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังสามารถลดกลิ่นอับได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับน้ำยา Downy นี้สามารถใช้งานได้ทั้งเครื่องซักผ้าแบบฝา และแบบฝาหน้า รวมไปถึงสูตรเข้มข้นนี้ยังช่วยทำให้ผ้านุ่มและช่วยถนอมใยผ้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
2. น้ำยาปรับผ้านุ่ม Comfort Ultra Fabric Softener
ราคา 477 บาท
หอมสดชื่น ยาวนานตลอดวัน โดยใช้เพียงเล็กน้อย
ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม Comfort Ultra Fabric Softener สำหรับ Comfort นี้มาในสูตรเข้มข้นพิเศษ เพื่อให้คุณได้พบกับประสบการณ์ความหอมสดชื่น โดยเทคโนโลยีแคปซูลแบบ Double Boost ส่งผลให้มีความหอมที่ยาวนาน และกระจายความหอมได้ตลอดทั้งวัน แม้จะเก็บในตู้เสื้อผ้า อีกทั้งยังช่วยให้ผ้านุ่มฟู รีดง่าย และรักษาสีให้ยังมีความสวยสดใสอยู่เสมอ สำหรับสูตรนี้เป็นแบบสูตรประหยัด ใช้เพียงแค่ครึ่งฝาก็ทำให้หอมสดชื่นได้อย่างยาวนานแล้ว
3. Fineline สูตรเข้มข้นพิเศษ พรีเมี่ยมออร์แกนิค
ราคา 149 บาท
สูตรเข้มข้น เสื้อผ้าหอมนุ่ม รีดผ้าได้ง่าย
Fineline สูตรเข้มข้นพิเศษ พรีเมี่ยมออร์แกนิค สำหรับน้ำยาสูตรนี้สามารถใช้งานได้ทางเครื่องซักผ้าฝาบนและฝาหน้า เป็นสูตรเข้มข้นแบบออแกนิก ที่ช่วยทำให้ใยผ้ามีความนุ่ม มีกลิ่นที่หอมติดทนนาน อีกทั้งยังอ่อนโยนต่อผิวไม่ทำให้ระคายเคือง ใช้น้ำยาสูตรนี้จะทำให้ผ้านุ่มฟูเป็นอย่างมาก อีกทั้งสีก็ยังคงความสดใสอยู่เสมอ และสำหรับใครที่ผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย น้ำยาสูตรนี้ถือว่าเหมาะแก่การใช้งาน และยังสามารถลดกลิ่นอับได้อีกด้วย
4. น้ำยาปรับผ้านุ่ม Hygiene Expert Care – Peony Bloom
ราคา 119 บาท
มีกลิ่นหอมธรรมชาติ ลดกลิ่นอับ ซักในเวลากลางคืนได้
ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม Hygiene Expert Care – Peony Bloom สำหรับแบรนด์ไฮยีน เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของน้ำยาปรับผ้านุ่มอยู่แล้ว โดยสูตรนี้จะมีเทคโนโลยี Life Scent ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของทางไฮยีนเท่านั้น ทำให้ได้กลิ่นหอมมาจากธรรมชาติ หอมยาวนานได้มากกว่าเดิมถึง 8 เท่า ช่วยขจัดกลิ่นอับชื้นได้อย่างมีประสิทธิ และยังช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียบนเนื้อผ้าได้อีกด้วย ทำให้สามารถใช้น้ำยาสูตรนี้ซักผ้าในเวลากลางคืนได้อย่างไม่มีปัญหา
5. Essence เมจิคอล เซนท์ กลิ่นบลอสซั่ม
ราคา 528 บาท
หอมฟุ้งกระจาย ถ้าหอมนาน รักษาสีให้สดใสอยู่เสมอ
Essence เมจิคอล เซนท์ กลิ่นบลอสซั่ม สำหรับน้ำยาเอสเซ้นส์นี้ จะช่วยให้ภาพของคุณหอมได้อย่างยาวนานตลอดทั้งวัน รวมไปถึงเมื่อคุณสวมใส่เสื้อผ้าอยู่ยิ่งคุณขยับ กลิ่นหอมก็จะยิ่งฟุ้งกระจายไปตามการเคลื่อนไหวของคุณ มี UV Protection ที่ช่วยปกป้องให้สีของเสื้อผ้ายังคงสวยงามสดใสอยู่เสมอ สามารถช่วยลดกลิ่นอับชื้น แม้ว่าคุณจะตากผ้าอยู่ในที่ร่มก็ตาม อีกทั้งน้ำยาสูตรนี้ยังช่วยให้ผ้ามีความนุ่มฟูหน้าสัมผัส และช่วยให้รีดผ้าได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
6. เบบี้มายด์ น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก พิงค์ ฟลอรัล
ราคา 616 บาท
สูตรธรรมชาติ อ่อนโยนต่อผิวเด็ก ช่วยให้ผ้านุ่มฟู
เบบี้มายด์ ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มเด็ก พิงค์ ฟลอรัล สำหรับบ้านของใครที่มีลูกน้อยควรใช้น้ำยาสูตรนี้เลย โดยเป็นสูตรจากธรรมชาติ ได้กลิ่นหอมละมุนสดชื่นจากโรสแมรี่ ทำให้ผ้าของคุณมีความนุ่มฟูสะอาดและอ่อนโยน ถ้ามีสีสันที่สดใสไม่หมองคล้ำและไม่มีการซีดจาง ได้มีการทดสอบมาแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว สำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายและลูกน้อยสามารถใช้ได้อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น รวมไปถึงยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
7. D-nee ดีนี่ ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มเด็ก กลิ่น Happy Baby
ราคา 342 บาท
สัมผัสนุ่มอ่อนโยนต่อผิว กลิ่นหอมละมุน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
D-nee ดีนี่ ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มเด็ก กลิ่น Happy Baby สำหรับดีนี่ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 มีความโดดเด่นในเรื่องของความหอมอ่อนโยนและมีสัมผัสที่นุ่ม มีการใช้สารความนุ่มจากธรรมชาติ ช่วยให้ผ้ามีความนุ่มฟู มาพร้อมกับความหอมละมุนสดชื่น พี่คงอยู่ได้อย่างยาวนานตลอด และยังผ่านการทดสอบ ทดสอบมาแล้วว่าไม่ระคายเคืองต่อผิว รวมทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
8. KODOMO น้ำยาปรับผ้านุ่ม โคโดโม NEW BORN
ราคา 399 บาท
หอมสดชื่น ไม่มีสารตกค้าง ไม่ระคายเคืองผิว
KODOMO โคโดโม NEW BORN เป็นผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มสำหรับเด็กทารกแรกเกิด ช่วยให้ภาพของลูกน้อยมีเส้นใหญ่ที่สามารถระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น ได้มีการผ่านการรับรองจากสถาบันน้ำหอมนานาชาติมาแล้วว่า ช่วยให้ผิวของทารกไม่เกิดการระคายเคืองและไม่เป็นผดผื่น ให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัว สำหรับใครที่มีลูกน้อย และต้องการน้ำยาปรับผ้านุ่มที่เหมาะกับการใช้งาน โคโดโมนิวบอร์นนี้ เป็นคำตอบที่ดีที่สุดเลย
9. Pipper Standard น้ำยาปรับผ้านุ่ม กลิ่นเนเชอรัล
ราคา 185 บาท
อ่อนโยนต่อผิว ช่วยให้ผ้ารีดง่าย ตากได้ในเวลากลางคืน
Pipper Standard กลิ่นเนเชอรัล เป็นน้ำยาปรับผ้านุ่มโดยการใช้เอนไซม์จากสับปะรด และเลซิตินจากถั่วเหลือง ช่วยทำให้ผ้ามีกลิ่นที่หอมสดชื่นอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถขจัดกลิ่นอับได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะตากผ้าเอาไว้ในที่ร่ม หรือตากผ้าในเวลากลางคืน น้ำยานี้จะช่วยให้ผ้ามีความนุ่มฟู มีกลิ่นที่หอมละมุน ช่วยให้คุณสามารถสวมเสื้อผ้าได้อย่างสบาย
10. De Paris น้ำยาปรับผ้านุ่ม สูตร BLOOMING
ราคา 65 บาท
ล็อกกลิ่นหอมนาน 30 วัน ขจัดกลิ่นอับได้ดี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
De Paris สูตร BLOOMING น้ำยาสูตรนี้มาพร้อมกับความหรูหราสไตล์น้ำหอมของประเทศฝรั่งเศส โดยเป็นสูตรเข้มข้นที่พิเศษสุด 6 เท่า ช่วยให้เนื้อผ้ามีกลิ่นที่หอมอย่างยาวนานถึง 30 วัน พร้อมทั้งช่วยลดกลิ่นอับไปในตัว น้ำหอมมีความหอมมากเพราะมีการคัดสรรมาจากนักปรุงน้ำหอม และยังผ่านการทดสอบมาแล้วว่าไม่ระคายเคืองต่อผิว สำหรับใครต้องการความหอมที่ติดทน น้ำยาแบรนด์นี้ตอบโจทย์
วิธีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มให้หอมนานต้องทำอย่างไร
1. เลือกน้ำยากลิ่นหอมที่ถูกใจมาใช้
น้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นจะทำให้ผ้าของเรานุ่มฟูสวมใส่สบาย และยังช่วยให้มีกลิ่นหอมที่ติดทนนานอีกด้วย เราสามารถเลือกซื้อและลองดมกลิ่นที่เราถูกใจเพื่อนำมาใช้ได้เลย ถ้าต้องการให้ติดทนนานควรมองหาสูตรเข้มข้น รวมทั้งควรเลือกน้ำยาที่เป็นสูตรเดียวกับน้ำยาซักผ้าที่เราใช้อยู่ปัจจุบัน การทำเช่นนี้จะช่วยทำให้ผ้าของเรามีกลิ่นหอมที่ยาวนานมากกว่าเดิม
2. เติมน้ำปรับผ้านุ่มในขั้นตอนสุดท้ายของการซักผ้า
ถ้าต้องการให้กลิ่นติดทนนานนั้น หลังจากที่เราซักผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการซักมือหรือซักเครื่องก็ตาม ให้ใส่น้ำยาในน้ำสุดท้ายหลังจากที่ทำการล้างผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะทำให้ผ้ามีความหอมได้นานอย่างแน่นอน
3. หลังจากซักเสร็จให้รีบนำไปตากทันที
เมื่อผ้าซักเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณควรรีบนำผ้าไปตากในทันที ห้ามนำไว้ในเครื่องซักผ้านาน ๆ เพราะนั่นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความชื้นและมีกลิ่นอับตามมาได้ เพื่อให้ผ้าหอมติดทนได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น เมื่อจบโปรแกรมการซักผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องรีบนำภาพไปตากในทันที
4. ไม่ควรใช้เครื่องอบผ้า
เพราะกันนำผ้าที่ผ่านน้ำยาปรับผ้านุ่มเสร็จเรียบร้อยแล้วไปเข้าเครื่องอบผ้านั้น จะทำให้ผ้ามีกลิ่นที่จางมากกว่าการที่เรานำไปตากแดด เพราะในเครื่องอบผ้านั้นมีความร้อนที่สูงมากจนเกินไป ส่งผลให้กลิ่นระเหยไปได้อย่างรวดเร็วกว่าการตากผ้าปกตินั่นเอง
5. ควรเก็บผ้าเมื่อตอนที่ผ้าแห้งสนิทแล้วเท่านั้น
ถ้าพลาดที่ตากไว้ยังไม่แห้งสนิท ยังคงหลงเหลือความชื้นอยู่ จะทำให้แบคทีเรียสามารถเจริญเติบโตได้ดี และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นอับแทนที่ผ้าของเราจะหอมฟุ้ง ดังนั้นคุณควรตรวจสอบให้ดีว่าผ้าของคุณแห้งสนิทดีแล้วหรือยังแล้วจึงเก็บผ้ามาพับ
6. พับผ้าหรือแขวนผ้าในที่อากาศถ่ายเท
การพับและแขวนผ้าในที่ที่มีอากาศถ่ายเทจะช่วยให้กลิ่นยังคงอยู่ แต่ถ้าที่ที่คุณนำผ้าไปเก็บนั้นมีกลิ่นที่แรงหรือมีความชื้นอยู่แล้วล่ะก็ ความชื้นและกลิ่นเหล่านั้นจะเข้าไปติดอยู่บนเสื้อผ้าของคุณแทนที่จะเป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่หอม เพราะฉะนั้นเก็บไว้ในสถานที่ถ่ายเทจะดีที่สุด
บทส่งท้าย
ต้องบอกเลยว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยให้เสื้อผ้าของคุณมีกลิ่นที่หอมอย่างน่าพอใจ สามารถสวมใส่ได้อย่างมีความสุข โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะมีกลิ่นอับมากวนใจ ในการใช้งานคุณสามารถเลือกกลิ่นที่คุณต้องการมาใช้งานได้เลย และใครที่ต้องการมีไว้ใช้งานสามารถเลือกซื้อได้จาก 10 อันดับที่เรานำมาฝากในวันนี้ได้อย่างสะดวกง่ายดาย เพราะเป็นการสั่งซื้อแบบออนไลน์นั่นเอง
