10 มัลติมิเตอร์ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 วัดค่าแม่นยำ ทนทาน ขนาดกะทัดรัด

มัลติมิเตอร์ ยี่ห้อไหนดี

ในงานซ่อมแซมหรือวัดค่าทางไฟฟ้า เครื่องมือที่ช่างไฟฟ้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้แต่ผู้ใช้งานทั่วไปนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายก็คือ “มัลติมิเตอร์” เครื่องมือขนาดกะทัดรัดที่สามารถวัดค่าได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแรงดันไฟฟ้า (โวลต์), กระแสไฟฟ้า (แอมแปร์) หรือความต้านทาน (โอห์ม) ด้วยคุณสมบัติที่ใช้งานได้หลากหลายและสะดวกต่อการพกพา มัลติมิเตอร์จึงกลายเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ควรมีติดไว้ ไม่ว่าจะเป็นงานในบ้าน หรืองานช่างระดับมืออาชีพก็ตาม

บทความนี้ ตังค์ทอน จะพาคุณไปทำความรู้จักกับมัลติมิเตอร์ให้มากขึ้น ทั้งวิธีการใช้งาน ประเภทของมัลติมิเตอร์ และเคล็ดลับในการเลือกซื้อให้เหมาะกับความต้องการ

สารบัญเว็บ ซ่อน

มัลติมิเตอร์คืออะไร ใช้งานอย่างไร?

มัลติมิเตอร์ (Multimeter) คือ เครื่องมือวัดทางไฟฟ้าที่สามารถวัดค่าได้หลากหลายภายในเครื่องเดียว เช่น แรงดันไฟฟ้า (โวลต์), กระแสไฟฟ้า (แอมแปร์), ความต้านทานไฟฟ้า (โอห์ม) และบางรุ่นยังสามารถวัดค่าพิเศษอื่น ๆ ได้อีก เช่น ความถี่, ความจุไฟฟ้า, อุณหภูมิ หรือทดสอบไดโอดและทรานซิสเตอร์ได้ด้วย โดยมัลติมิเตอร์แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ

  • มัลติมิเตอร์แบบเข็ม (Analog Multimeter) – ใช้เข็มชี้ค่าบนหน้าปัด
  • มัลติมิเตอร์แบบดิจิตอล (Digital Multimeter หรือ DMM) – แสดงค่าผลลัพธ์เป็นตัวเลขบนหน้าจอ LCD

มัลติมิเตอร์ใช้งานอย่างไร?

การใช้งานมัลติมิเตอร์จะขึ้นอยู่กับชนิดของค่าที่ต้องการวัด โดยทั่วไปจะมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:

1. เลือกโหมดการวัด – หมุนสวิตช์บนตัวเครื่องไปที่ค่าที่ต้องการ เช่น วัดโวลต์ (V), แอมแปร์ (A), หรือโอห์ม (Ω)

2. เสียบสายวัดให้ถูกต้อง – ปกติสายสีดำจะเสียบช่อง COM (Common) และสายสีแดงจะเสียบช่องที่เหมาะกับโหมดที่เลือก เช่น ช่อง VΩ สำหรับวัดโวลต์หรือโอห์ม

3. วัดค่าตามต้องการ

  • วัดแรงดันไฟฟ้า (โวลต์) : วางปลายสายวัดทั้งสองข้างไว้ที่จุดที่ต้องการวัด เช่น ขั้วแบตเตอรี่ หรือปลั๊กไฟ
  • วัดกระแสไฟฟ้า (แอมแปร์) : ต้องต่อวงจรแบบอนุกรมกับอุปกรณ์เพื่อให้กระแสไหลผ่านมัลติมิเตอร์
  • วัดความต้านทาน (โอห์ม) : วัดค่าความต้านทานของตัวต้านทานหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยไม่ควรมีไฟเลี้ยงในวงจรขณะวัด

4. อ่านค่าที่แสดงบนหน้าจอ – มัลติมิเตอร์จะแสดงค่าที่วัดได้ทันที ถ้าใช้แบบดิจิตอลจะอ่านง่ายกว่าแบบเข็ม

วิธีการเลือกซื้อมัลติมิเตอร์ ฉบับมือใหม่เข้าใจง่าย ใช้งานได้จริง

มัลติมิเตอร์ คือเครื่องมือสารพัดประโยชน์ที่สามารถวัดค่าทางไฟฟ้าได้หลายอย่างในเครื่องเดียว เหมาะกับการใช้งานทั้งในบ้านและในงานช่าง แม้จะดูเหมือนอุปกรณ์ที่ซับซ้อน แต่ความจริงแล้ว หากเลือกเครื่องที่เหมาะกับการใช้งานและเรียนรู้พื้นฐานเบื้องต้น ก็สามารถใช้งานได้ไม่ยากเลย

1. เลือกประเภทของมัลติมิเตอร์: ดิจิตอล หรือ แอนะล็อก

การเลือกประเภทของมัลติมิเตอร์เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์การใช้งานของคุณ

📌 ดิจิตอลมัลติมิเตอร์ (Digital Multimeter)

  • แสดงผลการวัดเป็นตัวเลขบนหน้าจอ LCD ซึ่งชัดเจนและแม่นยำกว่าแบบเข็ม ไม่ต้องกะด้วยสายตา
  • เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการความสะดวกในการอ่านค่า
  • มีฟังก์ชันเสริมหลายอย่าง เช่น Auto Range (เลือกระดับการวัดอัตโนมัติ), ฟังก์ชันวัดความถี่, ความจุไฟฟ้า, ทดสอบไดโอด ฯลฯ
  • มีราคาหลากหลาย ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันและคุณภาพของแบรนด์

📌 แอนะล็อกมัลติมิเตอร์ (Analog Multimeter)

  • ใช้เข็มชี้ค่าบนหน้าปัด ซึ่งอ่านค่าได้ยากกว่าและต้องใช้ความชำนาญ
  • ได้เปรียบในงานที่ต้องดูค่าที่แกว่งไปมา เช่น การตรวจสอบสัญญาณไฟ AC
  • มีโอกาสคลาดเคลื่อนสูงกว่า และถ้าใช้ผิดวิธีอาจทำให้เข็มเสียหายได้

สรุปสำหรับมือใหม่ : หากคุณเพิ่งเริ่มต้นและไม่มีพื้นฐานมาก่อน มัลติมิเตอร์แบบดิจิตอลคือทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะใช้งานง่าย อ่านค่าง่าย และมีฟังก์ชันช่วยเหลือมากกว่า

2. ดูฟังก์ชันที่จำเป็นต้องใช้

มัลติมิเตอร์มีหลายรุ่นให้เลือก และฟังก์ชันก็แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนซื้อควรถามตัวเองก่อนว่า “เราจะใช้วัดอะไรบ้าง?” การกำหนดความต้องการให้ชัด จะช่วยให้เลือกได้ตรงรุ่นและไม่จ่ายเกินความจำเป็น

✅ ฟังก์ชันวัดพื้นฐาน (ที่ควรมี)

  • แรงดันไฟฟ้า (Voltage) : ใช้สำหรับวัดแรงดันจากแบตเตอรี่, ปลั๊กไฟ, อะแดปเตอร์ ฯลฯ ต้องมีทั้ง DC และ AC
  • กระแสไฟฟ้า (Current) : ใช้วัดกระแสที่ไหลผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ตรวจสอบว่ามอเตอร์กินกระแสมากเกินไปหรือไม่
  • ความต้านทาน (Resistance) : ใช้ตรวจสอบความสมบูรณ์ของวงจร, ตรวจสอบตัวต้านทาน, เช็กสายไฟขาดใน ฯลฯ
  • เช็กความต่อเนื่อง (Continuity Test) : ใช้เช็กว่าสายไฟหรือวงจรต่อถึงกันหรือไม่ พร้อมเสียง “ติ๊ด” เพื่อความสะดวก

➕ ฟังก์ชันเสริม (เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน)

  • Auto Range : เครื่องจะเลือกระดับการวัดให้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องหมุนสวิตช์ให้ตรงระดับเอง ใช้งานง่ายขึ้นมาก
  • Hold Function : กดค้างค่าที่วัดได้ไว้บนหน้าจอ เหมาะสำหรับวัดในพื้นที่ที่มองจอยาก
  • Backlight : หน้าจอมีไฟ ช่วยให้ใช้งานในที่แสงน้อยได้สะดวก
  • วัดไดโอด/ทรานซิสเตอร์ : สำหรับงานอิเล็กทรอนิกส์ สามารถตรวจสอบอุปกรณ์ว่าใช้งานได้หรือไม่
  • ฟังก์ชันวัดอุณหภูมิ / ความถี่ / ความจุไฟฟ้า : เป็นฟังก์ชันที่เสริมเข้ามาในรุ่นระดับกลางขึ้นไป เหมาะกับผู้ที่ทำงานเฉพาะทาง

คำแนะนำ : หากใช้ในบ้านหรือซ่อมเล็ก ๆ ฟังก์ชันพื้นฐานก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าอยากให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้นในอนาคต การลงทุนในรุ่นที่มี Auto Range และ Backlight จะช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้นมาก

3. ความแม่นยำและมาตรฐานความปลอดภัย

🎯 ความแม่นยำ (Accuracy)

  • มัลติมิเตอร์ที่ดีควรมีค่าความคลาดเคลื่อนน้อย เช่น ±0.5% หรือดีกว่า ยิ่งคลาดเคลื่อนต่ำ ค่ายิ่งใกล้เคียงความจริง
  • สำหรับงานในบ้าน ความแม่นยำระดับนี้ถือว่าเพียงพอ แต่ถ้าใช้ในงานวิศวกรรมหรืออุตสาหกรรม ควรเลือกเครื่องที่มีค่าความแม่นยำสูงกว่า

⚡ มาตรฐานความปลอดภัย (Safety Rating)

  • มาตรฐานความปลอดภัยที่พบได้บ่อย เช่น CAT I, CAT II, CAT III, และ CAT IV
  • CAT II เหมาะกับการวัดในเครื่องใช้ไฟฟ้าและวงจรทั่วไปในบ้าน
  • CAT III เหมาะสำหรับการวัดในระบบไฟฟ้าภายในอาคาร เช่น เบรกเกอร์หรือแผงควบคุมไฟฟ้า
  • CAT IV สำหรับงานระดับอุตสาหกรรม หรือการวัดใกล้แหล่งจ่ายไฟหลัก

คำแนะนำ : มือใหม่ควรมองหามัลติมิเตอร์ที่ผ่านมาตรฐาน CAT II หรือ CAT III ขึ้นไป เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยเมื่อต้องวัดไฟบ้านจริง ๆ

4. ขนาดและการออกแบบของเครื่อง

ขนาด รูปทรง และความแข็งแรงของเครื่องก็มีผลต่อความสะดวกในการใช้งานไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าต้องพกพาไปทำงานนอกสถานที่

📏 ขนาดและน้ำหนัก

  • รุ่นเล็ก : เหมาะกับการพกพา แต่หน้าจออาจเล็ก อ่านยาก
  • รุ่นกลาง : ขนาดพอดีมือ อ่านค่าง่าย ไม่หนักมาก เหมาะกับใช้งานทั่วไป
  • รุ่นใหญ่ : หน้าจอชัดเจน ฟังก์ชันครบ แต่เหมาะกับการวางใช้งานมากกว่าพกพา

🧰 วัสดุและการออกแบบ

  • หน้าจอควรใหญ่พอสมควร มีแสงไฟ (Backlight) เพื่ออ่านค่าได้ในทุกสภาพแสง
  • ปุ่มควรแข็งแรง หมุนง่ายไม่ฝืด
  • มีขาตั้งด้านหลังหรือสายคล้องคอ เพื่อใช้งานมือเดียวได้สะดวก
  • มีซองหรือกล่องเก็บเพื่อป้องกันความเสียหายขณะเก็บหรือพกพา

5. งบประมาณและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ

💸 งบประมาณ

  • ระดับเริ่มต้น (200–500 บาท) : วัดค่าเบื้องต้นได้ ใช้งานในบ้านหรือซ่อมเล็ก ๆ ได้สบาย
  • ระดับกลาง (600–1,200 บาท) : มีฟังก์ชันเพิ่มขึ้น ความแม่นยำดีขึ้น ใช้งานได้หลากหลายกว่า
  • ระดับมืออาชีพ (1,500–5,000+ บาท) : ความแม่นยำสูง วัสดุทนทาน เหมาะกับช่างไฟหรือช่างเทคนิค

🏷️ แบรนด์แนะนำ

  • สำหรับมือใหม่ : UNI-T, ZOYI, VICTOR, MASTECH, DT9205A (ยอดนิยมราคาประหยัด)
  • สำหรับมืออาชีพ : FLUKE (แบรนด์ระดับโลก), Hioki (ญี่ปุ่น), Sanwa (ญี่ปุ่น) – คุณภาพสูง ราคาสูงตาม

คำแนะนำ : อย่าเลือกเฉพาะราคาถูก ควรเลือกแบรนด์ที่มีรีวิวดี มีอะไหล่หรือบริการหลังการขายรองรับ และใช้งานได้จริงในระยะยาว

สรุป : มือใหม่ควรเริ่มจากอะไร?

หากคุณเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยใช้มัลติมิเตอร์มาก่อน และต้องการเครื่องที่ใช้งานง่าย ปลอดภัย และครอบคลุมการใช้งานทั่วไป เช่น วัดไฟปลั๊กบ้าน, ตรวจสอบแบตเตอรี่, หรือซ่อมสายไฟเบื้องต้น

✅ แนะนำให้เลือกมัลติมิเตอร์ดิจิตอลแบบ Auto Range ✅ มีฟังก์ชันพื้นฐานครบ (วัดโวลต์, แอมป์, โอห์ม, เช็กความต่อเนื่อง) ✅ หน้าจอชัด มีไฟหลังจอ อ่านง่าย ✅ ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย CAT II หรือ CAT III

เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถเริ่มใช้งานมัลติมิเตอร์ได้อย่างมั่นใจ และกลายเป็น “ช่างจำเป็นประจำบ้าน” ได้แล้วครับ

10 อันดับ มัลติมิเตอร์ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 วัดค่าได้หลากหลายภาย ประสิทธิภาพดี ใช้งานง่าย

ต่อไปนี้จะเป็น มัลติมิเตอร์ทั้ง 10 รุ่น ที่มีคุณภาพที่ดี น่าใช้งาน วัดค่าได้อย่างแม่นยำ โดยคุณสามารถดูรีวิวที่เรานำมาฝากได้จากด้านล่างได้เลย

1. Fluke 15B MAX / 17B MAX APC ดิจิตอลมัลติมิเตอร์

Fluke 15B MAX / 17B MAX APC ดิจิตอลมัลติมิเตอร์

ราคา 4,532 บาท

มัลติมิเตอร์ดิจิทัลระดับมืออาชีพ แข็งแรง แม่นยำ พร้อมฟีเจอร์แจ้งเตือนสายเสียบผิด

Fluke 15B MAX / 17B MAX APC มัลติมิเตอร์คุณภาพสูงในราคา 4,532 บาท โดดเด่นด้วยความแม่นยำ ใช้งานง่าย และความทนทานระดับมือโปร เหมาะกับงานซ่อมบำรุงหรือการตรวจสอบระบบไฟฟ้าทุกประเภท ด้วยหน้าจอ LCD ที่คมชัด แม้ใช้งานในที่แสงน้อยก็ยังอ่านค่าได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมระบบ Input Alert™ ที่ช่วยแจ้งเตือนหากเสียบสายผิดช่อง ลดความเสี่ยงในการวัดผิดพลาด

ตัวเครื่องออกแบบให้ทนต่อแรงกระแทก ใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมหลากหลาย มาพร้อมสายทดสอบมาตรฐาน TL31 และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน นับว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งมือใหม่และมืออาชีพที่มองหาอุปกรณ์วัดที่ไว้ใจได้ในระยะยาว

2. KYORITSU มัลติมิเตอร์ดิจิตอล รุ่น 1011

KYORITSU มัลติมิเตอร์ดิจิตอล รุ่น 1011

ราคา 1,800 บาท

ขนาดกะทัดรัด วัดแม่น จอใหญ่ พร้อมฟังก์ชันพื้นฐานครบในราคาสบายกระเป๋า

KYORITSU รุ่น 1011 คือมัลติมิเตอร์ดิจิตอลที่คุ้มค่าเกินราคาเพียง 1,800 บาท ให้ความแม่นยำระดับมืออาชีพ พร้อมจอ LCD ขนาดใหญ่ มองเห็นชัดแม้ในที่แสงน้อยด้วยไฟ Backlight ตัวเครื่องรองรับการวัดแรงดันไฟฟ้า AC/DC, กระแสไฟ DC, ความต้านทาน และไดโอด เหมาะกับทั้งงานตรวจเช็กทั่วไปหรืองานภาคสนาม

จุดเด่นคือโหมด Data Hold ที่ช่วยบันทึกค่าการวัดไว้บนหน้าจอ ลดปัญหาค่าหายขณะทำงาน และฟังก์ชัน Auto Power Off ที่ช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่อย่างชาญฉลาด ด้วยดีไซน์กะทัดรัด น้ำหนักเบา และความละเอียดสูงถึง 4000 Count ทำให้รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับทั้งมือใหม่และช่างผู้มีประสบการณ์ที่ต้องการความคล่องตัวในการใช้งานทุกวัน

3. Sanwa ดิจิตอล มัลติมิเตอร์ รุ่น CD800a

Sanwa ดิจิตอล มัลติมิเตอร์ รุ่น CD800a

ราคา 1,288 บาท

ขนาดเล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบา แต่ให้ความแม่นยำและปลอดภัยทุกการใช้งาน

Sanwa CD800a คือมัลติมิเตอร์ดิจิทัลราคาเบา ๆ เพียง 1,288 บาท ที่ตอบโจทย์ทั้งมือใหม่และช่างมืออาชีพ ด้วยขนาดเล็ก พกพาง่าย แต่มาพร้อมฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน รองรับการวัดกระแสไฟ AC/DC และมีระบบ Continuity Buzzer ที่ช่วยแจ้งเตือนเมื่อวงจรไฟฟ้าปิด ทำให้การตรวจสอบทำได้รวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

จอแสดงผลแบบ LCD ขนาดใหญ่ อ่านค่าง่ายแม้ในที่แสงน้อย พร้อมระบบป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกินเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ตัวเครื่องน้ำหนักเบา มาพร้อมเคสกันกระแทกและสายคล้องมือ เพิ่มความสะดวกทั้งในงานภาคสนามและงานอิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรม ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและไว้วางใจได้ในราคาย่อมเยา

4. AUTOOL DM303 digital multimeter

AUTOOL DM303 digital multimeter

ราคา 3,511 บาท

วิเคราะห์ระบบไฟรถได้ลึกระดับมืออาชีพ รองรับทั้ง CAN Bus และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ

AUTOOL DM303 ราคา 3,511 บาท คือมัลติมิเตอร์ดิจิทัลที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงานตรวจสอบระบบไฟฟ้ารถยนต์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการวัดสัญญาณทั่วไปหรือการวิเคราะห์เชิงลึก ตัวเครื่องรองรับการทดสอบ K-Line และ CAN Bus ที่ใช้ในระบบสื่อสารของรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมฟังก์ชัน Analog Signal Test สำหรับตรวจสอบการทำงานของเซ็นเซอร์ เช่น เซ็นเซอร์วัดแรงดันหรืออุณหภูมิ

หน้าจอดิจิทัลขนาดใหญ่ให้ภาพคมชัด อ่านค่าได้ง่ายแม้ในสภาพแสงน้อย และยังช่วยลดเวลาในการวินิจฉัยปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะทั้งสำหรับช่างมือใหม่ที่ต้องการเครื่องมือที่เข้าใจง่าย ไปจนถึงมืออาชีพที่ต้องการความแม่นยำและฟังก์ชันเฉพาะทางในการดูแลและซ่อมบำรุงยานยนต์ยุคใหม่

5. SUMO มัลติมิเตอร์ อนาล็อกมัลติมิเตอร์ รุ่น KS-980

SUMO มัลติมิเตอร์ อนาล็อกมัลติมิเตอร์ รุ่น KS-980

ราคา 960 บาท

อ่านง่าย ใช้งานทน มืออาชีพไว้ใจ

หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือวัดไฟฟ้าที่เชื่อถือได้ SUMO KS-980 คือคำตอบที่ลงตัว ทั้งความแม่นยำและความทนทาน ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง พร้อมเคสกันกระแทกที่ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานแม้ในสภาพแวดล้อมที่โหดสุด ระบบเข็มอะนาล็อกช่วยให้เห็นค่าชัดเจนในทันที ไม่ต้องรอนานหรือแปลผลซับซ้อน

เหมาะสำหรับช่างไฟหรือผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการตรวจสอบความต่อเนื่องของวงจรหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีช่วงการวัดหลายระดับ และมาพร้อมระบบป้องกันโอเวอร์โหลด ช่วยลดความเสียหายจากการใช้งานผิดพลาด ใช้ได้ทั้งในบ้านและงานภาคสนาม ทนต่อสภาพอากาศร้อนได้ดี เป็นเครื่องมือคู่ใจที่คุ้มค่าในราคาเพียง 960 บาท

6. HABOTEST HT108L มัลติมิเตอร์ดิจิทัล

HABOTEST HT108L มัลติมิเตอร์ดิจิทัล

ราคา 239 บาท

มัลติมิเตอร์จิ๋วแต่แจ๋ว ฟังก์ชันครบ ในราคาเบา ๆ

HABOTEST HT108L คือมัลติมิเตอร์ดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทั้งงานซ่อม งานติดตั้ง และการใช้งานทั่วไป ด้วยหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ แสดงผลได้ละเอียดถึง 2000 นับ มองเห็นชัดเจนแม้ในที่แสงน้อย เพราะมีไฟ Backlight เสริมในตัว วัดแรงดันไฟฟ้าได้ถึง 600V ทั้งแบบ AC และ DC ทำให้เหมาะกับการใช้งานในบ้านและงานภาคสนาม

นอกจากความแม่นยำ ยังมาพร้อมระบบปิดเครื่องอัตโนมัติ ช่วยประหยัดพลังงาน และเพิ่มอายุการใช้งาน ใช้งานได้ในอุณหภูมิตั้งแต่ 0 – 40 ℃ ทำให้ใช้ได้ในสภาพแวดล้อมหลากหลาย ราคาสบายกระเป๋าเพียง 239 บาท เหมาะมากสำหรับมือใหม่หัดวัดหรือช่างที่ต้องการเครื่องสำรองพกพาไว้ใช้งานติดตัว

7. มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย เครื่องวัดแรงดันและกระแสไฟฟ้า

มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย เครื่องวัดแรงดันและกระแสไฟฟ้า

ราคา 195 บาท

มัลติมิเตอร์แบบเข็ม ใช้งานง่าย ปลอดภัยทุกการวัด

ด้วยราคาสบายกระเป๋าเพียง 195 บาท เครื่องวัดแรงดันและกระแสไฟฟ้า มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย มาพร้อมฟังก์ชันครบครันในเครื่องเดียว ทั้งวัดแรงดัน AC/DC, กระแสไฟฟ้า, ความต้านทาน และทดสอบความต่อเนื่อง (Continuity) ตัวเครื่องแบบอะนาล็อกใช้งานง่าย ปุ่มควบคุมชัดเจน ไม่ซับซ้อน มือใหม่ก็ใช้งานได้สบาย

มีระบบป้องกันไฟเกิน เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน เหมาะสำหรับงานซ่อมแซมทั่วไป หรือการบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้า หน้าจอแสดงผลชัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ใช้งานนอกสถานที่ได้ดี คุ้มค่าเกินราคา เหมาะเป็นเครื่องมือพื้นฐานติดบ้านหรือพกไว้ในกล่องเครื่องมือ

8. RICHMETERS RM113A มัลติมิเตอร์ แบบดิจิทัล

RICHMETERS RM113A มัลติมิเตอร์ แบบดิจิทัล

ราคา 352 บาท

วัดแม่น ใช้งานง่าย ไม่ต้องสัมผัสสายไฟ

RICHMETERS RM113A มัลติมิเตอร์ดิจิทัลที่ตอบโจทย์งานตรวจสอบไฟฟ้าแบบปลอดภัย ด้วยระบบ NCV (Non-Contact Voltage) ที่สามารถตรวจจับแรงดันไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องสัมผัสสาย ใช้งานง่ายแม้ในพื้นที่แคบหรือจุดเสี่ยงต่อการสัมผัสกระแสไฟโดยตรง ตัวเครื่องดีไซน์กะทัดรัด ใช้ถ่าน AAA น้ำหนักเบา พกพาสะดวก

ฟังก์ชันครบครันสำหรับงานช่าง เช่น วัดแรงดัน AC/DC, ความต้านทาน, การต่อเนื่องของวงจร และการทดสอบไดโอด เหมาะสำหรับทั้งงานภาคสนามและใช้งานภายในบ้าน มีโหมดประหยัดพลังงาน ยืดอายุการใช้งาน ให้ความแม่นยำในราคาสบาย ๆ เพียง 352 บาท คุ้มค่าสำหรับช่างทุกระดับ

9. Deli ดิจิตอลแคลมป์มิเตอร์ มิเตอร์วัดไฟ

Deli ดิจิตอลแคลมป์มิเตอร์ มิเตอร์วัดไฟ

ราคา 539 บาท

วัดกระแสไม่ต้องตัดวงจร ใช้งานปลอดภัย แม่นยำทุกค่า

Deli ดิจิตอลแคลมป์มิเตอร์ มาพร้อมฟังก์ชันครบถ้วนสำหรับงานไฟฟ้าทุกระดับ ใช้งานง่าย ปลอดภัย ด้วยหน้าจอ LCD ที่แสดงผลชัดเจน พร้อมระบบวัดคาปาซิเตอร์ (Capacitance) และการทดสอบความต่อเนื่อง (Continuity Test) ช่วยให้ตรวจสอบระบบได้สะดวกยิ่งขึ้น แม่นยำสูงในทุกค่า ใช้งานได้มั่นใจ

จุดเด่นคือสามารถวัดกระแสไฟฟ้า AC ได้โดยไม่ต้องตัดวงจร เพิ่มความสะดวกและปลอดภัยขณะทำงาน มีระบบป้องกันโอเวอร์โหลด และแจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ตัวเครื่องแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ทั้งในงานซ่อมบำรุง หรืองานติดตั้งระบบไฟฟ้า ราคาคุ้มค่าเพียง 539 บาท เหมาะเป็นเครื่องมือคู่ใจของช่างมืออาชีพ

10. Diymore Ut201+ มัลติมิเตอร์ดิจิทัล

Diymore Ut201+ มัลติมิเตอร์ดิจิทัล

ราคา 808 บาท

แข็งแรง แม่นยำ ปลอดภัย ใช้ได้ทั้งบ้านและงานช่างมืออาชีพ

Diymore UT201+ มัลติมิเตอร์ดิจิทัลที่ออกแบบมาสำหรับงานช่างทุกระดับ ไม่ว่าจะใช้งานในบ้าน หรืองานอุตสาหกรรม ตัวเครื่องแข็งแรง ทนทาน พร้อมระบบป้องกันโอเวอร์โหลด ช่วยลดความเสียหายจากการใช้งานผิดพลาด ใช้งานได้ในทุกสภาพแวดล้อม

รองรับการวัดแรงดันไฟฟ้าได้ทั้ง AC และ DC พร้อมช่วงการวัดหลายระดับ เหมาะสำหรับตรวจสอบวงจร ความต่อเนื่อง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ให้ค่าที่แม่นยำ มั่นใจได้ทุกครั้งที่ใช้งาน ในราคา 808 บาท ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มสำหรับช่างที่มองหาอุปกรณ์คุณภาพสูงในราคาจับต้องได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมัลติมิเตอร์

1. มัลติมิเตอร์ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

มัลติมิเตอร์สามารถวัดค่าทางไฟฟ้าได้หลากหลาย เช่น วัดแรงดันไฟฟ้า (โวลต์), วัดกระแสไฟฟ้า (แอมป์), วัดความต้านทาน (โอห์ม), ตรวจสอบวงจรต่อหรือขาด (Continuity test), วัดไดโอด ทรานซิสเตอร์ ความถี่ ความจุไฟฟ้า (ในบางรุ่น) และเหมาะทั้งใช้ในงานซ่อมบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า งาน DIY หรืองานอิเล็กทรอนิกส์

2. มือใหม่ใช้มัลติมิเตอร์ยากไหม?

ไม่ยากครับ โดยเฉพาะถ้าใช้ มัลติมิเตอร์แบบดิจิตอล เพราะอ่านค่าได้ง่าย และหลายรุ่นมีระบบ Auto Range ที่เลือกค่าการวัดให้อัตโนมัติ ทำให้ลดความผิดพลาดในการตั้งค่า ผู้ใช้มือใหม่สามารถเรียนรู้พื้นฐานและเริ่มใช้งานได้ภายในเวลาไม่นาน

3. มัลติมิเตอร์วัดไฟบ้านได้หรือไม่?

ได้ครับ แต่ต้องเลือกมัลติมิเตอร์ที่รองรับ แรงดัน AC 220-240V และผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับ CAT II หรือ CAT III เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องทนแรงดันและป้องกันอันตรายได้หากเกิดการลัดวงจร หรือไฟกระชาก

4. มัลติมิเตอร์แบบแอนะล็อกกับดิจิตอล แบบไหนดีกว่า?

  • ดิจิตอล : ใช้งานง่าย อ่านค่าแม่นยำ เหมาะกับมือใหม่
  • แอนะล็อก : อ่านค่าจากเข็ม เหมาะกับผู้มีประสบการณ์ หรือใช้ดูค่าสัญญาณที่แกว่ง เช่น ไฟฟ้ากระแสสลับ

โดยรวมแล้ว สำหรับมือใหม่แนะนำให้ใช้ แบบดิจิตอล

5. ต้องใส่ถ่านหรือแบตเตอรี่ไหม?

มัลติมิเตอร์ต้องใช้แบตเตอรี่ (เช่น ถ่าน 9V หรือ AAA) เพื่อให้แสดงผลค่าบนหน้าจอ หรือใช้ฟังก์ชันบางอย่าง เช่น วัดความต้านทาน หรือทดสอบวงจร แม้บางการวัด เช่น แรงดัน DC จะสามารถทำงานจากแรงดันภายนอกได้บ้าง แต่เพื่อใช้งานเต็มฟังก์ชันควรใส่แบตเตอรี่เสมอ

6. จะรู้ได้อย่างไรว่ามัลติมิเตอร์ที่ใช้ปลอดภัย?

ให้ตรวจสอบว่าเครื่องมีสัญลักษณ์ความปลอดภัย เช่น

  • ผ่านมาตรฐาน CAT II / CAT III / CAT IV
  • มีฟิวส์ป้องกันกระแสเกิน
  • มีตรารับรองจากองค์กร เช่น CE, RoHS

หากใช้วัดไฟบ้าน ควรเลือกเครื่องที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยที่เหมาะสมกับระดับแรงดัน

7. มัลติมิเตอร์สามารถวัดแบตเตอรี่รถยนต์ได้ไหม?

ได้ครับ โดยให้ตั้งมัลติมิเตอร์ไปที่การวัดแรงดัน DC 20V แล้วแตะปลายสายวัดที่ขั้วแบตเตอรี่ ขั้วบวกกับขั้วบวก และขั้วลบกับขั้วลบ

  • แบตเตอรี่ปกติจะมีแรงดันประมาณ 12.6–13.2V
  • หากต่ำกว่า 12.0V แสดงว่าเริ่มอ่อนหรือควรชาร์จแล้ว

8. มัลติมิเตอร์สามารถวัดไฟฟ้ารั่วได้ไหม?

สามารถใช้วัดทางอ้อมได้ เช่น วัดแรงดันระหว่างตัวถังเครื่องใช้ไฟฟ้ากับกราวด์ หรือใช้โหมด Continuity ตรวจสอบว่ามีการต่อถึงดินหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มัลติมิเตอร์ไม่ใช่เครื่องมือเฉพาะทางสำหรับวัดไฟรั่วโดยตรง หากสงสัยไฟรั่วในบ้าน ควรใช้เครื่องวัด Earth Leakage หรือให้ช่างไฟตรวจสอบดีกว่า

9. มัลติมิเตอร์มีอายุการใช้งานนานไหม?

หากดูแลดี ไม่ตกหล่น ไม่วัดผิดพิกัด และเปลี่ยนแบตเตอรี่อย่างเหมาะสม เครื่องมัลติมิเตอร์สามารถใช้งานได้ หลายปี โดยเฉพาะรุ่นคุณภาพดีจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ

10. ซื้อมัลติมิเตอร์ออนไลน์ได้หรือไม่?

ได้ครับ ปัจจุบันมีร้านค้าออนไลน์มากมาย เช่น Shopee, Lazada, JD Central หรือเว็บไซต์เฉพาะทาง แต่ควรอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริง ดูคะแนนร้านค้า และเลือกซื้อจากแบรนด์ที่มีการรับประกัน เพื่อให้ได้ของแท้และใช้งานได้อย่างปลอดภัย

บทส่งท้าย

มัลติมิเตอร์ เป็นเครื่องมือวัดไฟฟ้าที่มีความหลากหลายและจำเป็นอย่างยิ่งทั้งสำหรับช่างมืออาชีพและผู้ใช้งานทั่วไป ด้วยคุณสมบัติที่สามารถวัดแรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ความต้านทาน รวมถึงฟังก์ชันเสริมอย่างตรวจสอบความต่อเนื่องหรือวัดค่าความถี่ในบางรุ่น การเลือกมัลติมิเตอร์ที่เหมาะสมจึงควรพิจารณาจากประเภทการใช้งาน ความปลอดภัย ความแม่นยำ และฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ

เพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่คุ้มค่าและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเข้าใจวิธีใช้งานอย่างถูกต้อง มัลติมิเตอร์จะกลายเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ช่วยให้การตรวจสอบและแก้ไขระบบไฟฟ้าหรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์เป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

About the Author: Tangthon

สวัสดีครับ ผมตังค์ทอน ผู้ที่มีความสนใจของใช้ต่าง ๆ ทั้งภายในบ้าน และนอกบ้าน เพราะเป็นของใช้ที่มีประโยชน์ ช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี และใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ผมจึงอยากเขียนรีวิวแนะนำสินค้าต่าง ๆ รวมทั้งแนะนำวิธีการเลือกซื้อเพื่อให้ผู้ที่สนใจและกำลังมองหาสินค้านั้น ๆ ได้ทราบ เพื่อที่จะได้นำไปใช้ในการตัดสินใจ ให้สามารถเลือกได้ง่ายยิ่งขึ้น สิ่งไหนดี สิ่งไหนน่าใช้ ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดีที่สุด สามารถหาคำตอบได้ จากในบทความเลยครับ

You might like