โปรไบโอติก เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเราสามารถพบเจอได้ในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยว มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาความสมดุลให้กับร่างกายของผู้รับประทาน ไม่เพียงเท่านั้น จุลินทรีย์ชนิดนี้ ยังช่วยในเรื่องของการกระตุ้นระบบการย่อยอาหาร อีกทั้งยังสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตที่จะก่อให้เกิดโทษกับร่างกายของเราได้อีกด้วย จะเห็นได้ว่าโปรไบโอติก มีประโยชน์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
วันนี้ครับ ตังค์ทอน จะมาแนะนำ 10 อันดับ โปรไบโอติก ยี่ห้อไหนดี ที่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว จะช่วยให้สุขภาพของผู้รับประทานดียิ่งขึ้น ช่วยดูแลร่างกายได้เป็นอย่างดี แล้วจะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อ เพื่อให้คนที่กำลังสนใจสามารถเลือกได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด ถ้าพร้อมกันแล้วเราก็มาเริ่มดูรายละเอียดกันได้เลย
วิธีเลือกซื้อโพรไบโอติก เราต้องดูจากอะไรบ้าง?
สำหรับวิธีการเลือกซื้อ โปรไบโอติก เพื่อนำมารับประทานนั้น เราต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างเสียก่อน ซึ่งเราได้รวบรวมปัจจัยต่าง ๆ มาไว้ให้ตรงนี้เรียบร้อยแล้ว รายละเอียดที่ต้องพิจารณาจะมีดังต่อไปนี้
1. พิจารณาเลือกจากวิธีการรับประทาน
โปรไบโอติกนั้นมีหลายแบบให้เลือกรับประทาน อย่างเช่นแบบผงแป้ง หรือเป็นแบบเม็ด โดยในส่วนของแบบผงแป้งนั้น จะต้องชงกับน้ำดื่ม ซึ่งจะเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบการกลืนแบบเม็ด การชงดื่มจะสะดวกมากกว่า อีกแบบนึงจะเป็นแบบผงแป้งชนิดกรอกปาก แบบนี้เราสามารถรับประทานได้ทันทีโดยไม่ต้องละลายน้ำก่อน ซึ่งสะดวกเป็นอย่างมาก และแบบเม็ดหรือแคปซูล มีทั้งแบบเกลียวและกลืนได้ จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาชงกับน้ำนั่นเอง
2. เลือกจากเชื้อจุลินทรีย์ที่เราต้องการรับประทาน
ในส่วนของเชื้อจุลินทรีย์นั้น ก็จะมีอยู่หลายตัวที่นำมาประกอบเป็นโปรไบโอติกให้เรารับประทาน ยกตัวอย่างเช่นแลคโตบาซิลลัส จะเหมาะสำหรับช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายภายในร่างกายของเรา และในส่วนของบิฟิโดแบคทีเรีย จะเป็นตัวที่ช่วยในเรื่องการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และช่วยดูแลลำไส้ให้ดียิ่งขึ้น สำหรับในส่วนนี้เราสามารถดูได้จากฉลากของผลิตภัณฑ์ได้เลย
3. ตรวจสอบปริมาณเชื้อจุลินทรีย์
ในส่วนของปริมาณเชื้อจุลินทรีย์นั้น โดยดูปริมาณเชื้อแบคทีเรียต่อซองว่าไม่ควรต่ำกว่า 1 พันล้าน cfu ต่อซอง โดยเฉพาะเชื้อกลุ่มที่ไม่มีเกราะหุ้ม ตรงนี้จะตายจากกฎในกระเพาะอาหารก่อนที่จะไปถึงลำไส้ของเรา นั่นก็คือตัวแลคโตบาซิลลัสและฟิโดแบคทีเรีย ถ้าต้องการรับประทานมีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานในปริมาณที่สูงต่อวัน แต่ถ้าเป็นพวกบาซิลลัส โคแอทกูแลน พวกนี้จะมีความหนาแน่นของแบคทีเรีย 1,000-2,000 ล้าน CFU สามารถเลือกรับประทานได้ปกติก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเรียบร้อยแล้ว
5. ควรมาพร้อมการเสริมใยอาหารและอื่น ๆ
เพื่อให้ได้รับประโยชน์มากที่สุดนั้น ควรตรวจสอบที่ฉลากผลิตภัณฑ์ว่ามีการเสริมใยอาหาร พรีไบโอติก หรืออาหารของแบคทีเรียโปรไบโอติกมาด้วยแล้วหรือไม่ ซึ่งกระบวนการนี้จะเรียกว่าซินไบโอติก ที่จะช่วยให้โพรไบโอติกทำงานได้ดีขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายนั้น ควรตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยก็จะดีมากยิ่งขึ้น
5. อย่าลืมตรวจสอบเรื่องวันหมดอายุ
ผลิตภัณฑ์นั้นมีวันหมดอายุอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นควรที่จะดูฉลากว่ามีการระบุวันหมดอายุไว้เมื่อใด และก็ควรตรวจสอบผลิตภัณฑ์ด้วยว่ามีรอยฉีกขาดหรือรอยรั่วหรือไม่ ถ้าพบว่าหมดอายุหรือผลิตภัณฑ์ มีร่องรอยของความเสียหายเกิดขึ้น ไม่ควรซื้อมารับประทาน เพราะฉะนั้นในการเลือกต้องใช้ความรอบคอบและเลือกผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ รวมทั้งยังไม่หมดอายุด้วย
10 อันดับ โปรไบโอติก ยี่ห้อไหนดี ปี 2024 รับประทานง่าย ปรับสมดุลลำไส้ เสริมระบบภูมิคุ้มกัน
เมื่อได้ทราบถึงวิธีการเลือกซื้อกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เราจะมาดูกันว่า ทั้ง 10 อันดับ ผลิตภัณฑ์โปรไบโอติก ที่เรานำมาฝากในวันนี้นั้น จะมียี่ห้อไหนที่ตอบโจทย์ของคุณกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูรีวิวกันได้เลย
1. แบลคมอร์ส โพรไอโอติกส์ + เดลี่ บาลานซ์
ราคา 1,229 บาท
ช่วยฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร เสริมสร้างสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น
แบลคมอร์ส โพรไอโอติกส์ + เดลี่ บาลานซ์ สำหรับโปรไบโอติกจาก Blackmores นี้ นี้เป็น นี้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ประกอบโพรไบโอติกส์ 71.85 พันล้าน ซีเอฟยูต่อกรัม และอินนูลิน เมื่อรับประทานเข้าไปจะไปช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร ทำการปรับสมดุลให้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย ตลอดจนการทำงานของระบบทางเดินอาหารให้มีความแข็งแรงขึ้น การรับประทานก็เพียงแค่วันละ 1 แคปซูลทุกวัน
2. Zenji ซินไบโอติก โพรไบโอติก + พรีไบโอติก
ราคา 399 บาท
ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ฟื้นฟูระบบทางเดินอาหารให้ดีขึ้น
Zenji ซินไบโอติก โพรไบโอติก + พรีไบโอติก เป็นอาหารเสริมโปรไบโอติกที่จะช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูระบบทางเดินอาหาร พร้อมทั้งฟื้นฟูระบบการขับถ่ายควบคู่กันไปด้วยกัน ในแต่ละแคปซูลนั้นจะมีโปรไบโอติกมากถึง 10 สายพันธุ์ ไม่มีน้ำตาล ไม่มีแลคโตส ไม่มีส่วนผสมของนม เมื่อรับประทานเป็นประจำจะช่วยให้สุขภาพของผู้รับประทานดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลไขมันในเลือด และป้องกันการเกิดโรคทางหลอดเลือดและหัวใจได้อีกด้วย
3. BIOTICA STRONKA โปรไบโอติก พรีไบโอติก
ราคา 1,580 บาท
ช่วยดูแลลำไส้ ปรับสมดุลร่างกาย ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
BIOTICA STRONKA โปรไบโอติก พรีไบโอติก มาพร้อมกับจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 5 สายพันธุ์ รวมทั้งยังมีการเสริมด้วย prebiotic 8 ชนิด ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ช่วยส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย อีกทั้งยังช่วยดูแลลำไส้ ทำการปรับสมดุลร่างกาย และมีการเสริมภูมิคุ้มกันให้สุขภาพดีมากยิ่งขึ้น ตลอดจนช่วยลดอาการกรดไหลย้อน อาการจุกเสียดแน่นท้องได้เป็นอย่างดีอีกด้วย รวมทั้งมาพร้อมกับรส Apple มีรสชาติที่อร่อยรับประทานง่าย ดูดซับได้อย่างรวดเร็ว
4. โททอล:ฟลอร่า ซิลเวอร์ โพรไบโอติก
ราคา 950 บาท
รสชาติอร่อย รับประทานได้ง่าย ไม่ต้องผสมน้ำ
โททอล:ฟลอร่า ซิลเวอร์ โพรไบโอติก เป็นโปรไบโอติกที่สามารถรับประทานได้ง่าย มีรสชาติที่อร่อย รับประทานได้อย่างสะดวกสบาย โดยมาในรูปแบบซอง ที่เมื่อฉีกแล้วเทใส่ปากได้ทันทีโดยไม่ต้องผสมน้ำ รับประทานได้ง่ายทุกที่ทุกเวลา มีรสชาติที่อร่อย พร้อมทั้งเสริมจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย ช่วยให้ระบบลำไส้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ให้สามารถขับถ่ายได้โดยไม่ต้องพึ่งพายา รับประทานเพียงวันละ 1-2 ซอง จะช่วยให้สุขภาพดียิ่งขึ้น
5. CORI Probiotic โพรไบโอติก + พรีไบโอติก
ราคา 306 บาท
นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ดีต่อลำไส้ รับประทานได้ง่าย
CORI Probiotic โพรไบโอติก + พรีไบโอติก สำหรับยี่ห้อนี้จะเป็นโปรไบโอติก + ครีมไบโอติก ที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น โดยได้ทำการคัดมาให้เป็นอย่างดีกับ 10 สายพันธุ์ ที่เหมาะสมและดีต่อระบบลำไส้ของคนไทยโดยเฉพาะ สามารถรับประทานได้ง่ายโดยเข้าสู่ลำไส้ได้มากกว่า 90% ส่งผลให้สุขภาพและระบบลำไส้ดียิ่งขึ้น ในส่วนของวิธีการรับประทานนั้น ให้รับประทานครั้งละ 1-2 แคปซูลแล้วเข้านอน
6. PARADIGM Biofit Pearl จุลินทรีย์โพรไบโอติกแคปซูล
ราคา 1,500 บาท
รับประทานได้ปลอดภัย ดีต่อลำไส้ ด้วยจุลินทรีย์ 3 สายพันธุ์
PARADIGM Biofit Pearl จุลินทรีย์โพรไบโอติกแคปซูล สำหรับโปรไบโอติกยี่ห้อนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีปัญหาในเรื่องการขับถ่าย ท้องผูก โดยใน 1 แคปซูลนั้นจะประกอบไปด้วยจุลินทรีย์โปรไบโอติก 3 สายพันธุ์ จำนวน 3,000 ล้าน cmu ซึ่งสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย และสามารถปรับสมดุลในลำไส้ให้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน ส่งเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ และโปรไบโอติกนี้เม็ดเล็กสามารถรับประทานได้ง่ายอีกด้วย
7. Swisse Ultibiotic Daily Digestive Probiotic
ราคา 1,360 บาท
ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ลดอาการปวดท้องและท้องอืด
Swisse Ultibiotic Daily Digestive Probiotic เป็นโปรไบโอติกสูตรพรีเมี่ยม ที่ได้ทำการรวมสายพันธุ์จุลินทรีย์เอาไว้ทั้งหมด 3 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ ลดอาการไม่สบายในกระเพาะอาหาร อย่างการท้องอืดและการปวดท้องได้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีมากยิ่งขึ้น และยังสามารถรับประทานได้ง่าย
8. CHAME’ ชาเม่ โพรไบโอติกส์ ช็อต
ราคา 420 บาท
รสชาติอร่อย มีวิตามินหลายชนิด เสริมระบบภูมิคุ้มกันได้ดี
CHAME’ ชาเม่ โพรไบโอติกส์ ช็อต มาพร้อมกับโปรไบโอติก 7 สายพันธุ์ ฟรีไบโอติก 3 ชนิดพร้อมกับไฟเบอร์ ช่วยในเรื่องของการปรับสมดุลลำไส้ ลดอาการท้องผูก ช่วยลดอาการภูมิแพ้ และยังช่วยส่งเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งก็ยังมีVitamin C E และ B2 ที่ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการบำรุงให้ผิวแข็งแรงขึ้น ช่วยปกป้องไม่ให้โปรไบโอติกถูกทำลายจากกฎในกระเพาะอาหาร สำหรับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นนั้น ไม่ควรพลาด
9. Life Space โปรไบโอติกส์ ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน
ราคา 1,150 บาท
ลดอาการปวดประจำเดือน ลดอาการท้องผูก เหมาะสำหรับผู้หญิง
Life Space โปรไบโอติกส์ ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน โปรไบโอติกนี้ผลิตออกมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ มาพร้อมกับจุลินทรีย์ ชนิดดีถึง 5 สายพันธุ์ จำนวนกว่า 6.000 ล้าน cfu มีคุณสมบัติในการลดอาการท้องผูกที่สามารถพบได้ในผู้ที่เป็นประจำเดือน อีกทั้งยังมีใยอาหารที่สูง ช่วยในเรื่องของการทำงานของระบบขับถ่ายให้ดีมากยิ่งขึ้น สำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการรับประทานโปรไบโอติกที่ดีต่อสุขภาพ และช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้ดี Life Space นี้ตอบโจทย์เลย
10. Probilac โปรบิแล็ค โพรไบโอติก และอินูลินแบบซอง
ราคา 575 บาท
รสชาติอร่อย รับประทานง่าย เป็นแบบผงพกพาสะดวก
Probilac โปรบิแล็ค โพรไบโอติก และอินูลินแบบซอง ประกอบไปด้วยโปรไบโอติก 2 สายพันธุ์ คือ LGG แล็กโทบาซิลลัส รามโนซัส BB-12 บิฟิโดแบคทีเรียม อะนิมอนิส พร้อมทั้งก็ยังมี อินูลิน ที่เป็นอาหารของโปรไบโอติก สามารถรับประทานได้ง่าย ทั้งการรับประทานเปล่า ๆ หรือจะผสมน้ำก็ได้ เป็นแบบซองพกพาสะดวกสามารถทานได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ และเป็นโปรไบโอติกช่วย ๆ กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และและปรับสมดุลระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น
Probiotic กินตอนไหนได้ประโยชน์สูงสุด
การกินโปรบิโอติก (Probiotic) นั้นมีหลายปัจจัยที่สำคัญต้องพิจารณา เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการบริโอติก. นี่คือบางข้อคำแนะนำทั่วไป:
1. โปรไบโอติก กินตอนไหน
ส่วนมากโปรบิโอติกเข้าไปในระบบย่อยอาหารได้ดีที่สุดเมื่อท้องว่าง (empty stomach). การกินโปรบิโอติกในบ่ายหรือเย็นก็เป็นไปได้ แต่หากคุณกินพร้อมอาหารหลัก ควรเลี่ยงการกินพร้อมกับอาหารที่ร้อนจัดเพราะอาจทำให้บางชนิดของโปรบิโอติกที่อยู่ในอาหารตายได้.
2. ประเภทของโปรบิโอติก
มีหลายประเภทของโปรบิโอติก บางตัวทำงานดีกับทางกระเด็นของกระเทียม บางตัวทำงานดีกับทางกระเด็นของกระเทียม ดังนั้นควรอ่านคำแนะนำการใช้งานจากผู้ผลิตและปฏิบัติตาม.
3. หลีกเลี่ยงการกินกับอาหารที่ร้อนจัด
การกินโปรบิโอติกพร้อมกับอาหารร้อนจัดหรือน้ำร้อนจัดอาจทำให้บางชนิดของโปรบิโอติกทำลายไป ควรทานโปรบิโอติกก่อนหรือหลังอาหารร้อน.
4. ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
หากคุณมีสุขภาพที่แตกต่างจากปกติหรือมีปัญหาทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเริ่มทานโปรบิโอติก.
ในทางปฏิบัติ, ควรอ่านคำแนะนำการใช้งานที่ระบุในบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์โปรบิโอติกที่คุณใช้ และปฏิบัติตามขั้นตอนที่แนะนำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด.
บทส่งท้าย
สำหรับโพรไบโอติกนั้นถือเป็นอาหารเสริมที่มีประโยชน์ ช่วยให้สุขภาพของเราดียิ่งขึ้น นอกเหนือจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ตามปกติ แต่ก็อยากจะแนะนำว่า การดูแลสุขภาพที่ดีนั้นนอกจากจะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ การรับประทานโพรไบโอติกแล้ว ก็ควรจะต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อช่วยให้สุขภาพของเราแข็งแรงและดีอยู่เสมอ