
เคยไหมครับที่ต้องซ่อมแซมปลั๊กไฟหรือติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน แล้วไม่แน่ใจว่ายังมีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่หรือไม่? ความเสี่ยงจากการถูกไฟดูดเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ และ ไขควงวัดไฟ คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้งานไฟฟ้าของคุณปลอดภัยและแม่นยำยิ่งขึ้น แต่ด้วยไขควงวัดไฟที่มีหลายประเภท ทั้งแบบสัมผัสและแบบดิจิทัล การจะเลือกซื้อให้ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย
บทความนี้ ตังค์ทอน ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญและคำแนะนำในการเลือกซื้อไขควงวัดไฟ พร้อมคัดสรรรุ่นเด่นที่น่าสนใจ เพื่อช่วยให้คุณทำงานไฟฟ้าได้อย่างมั่นใจและตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
วิธีการเลือกซื้อไขควงวัดไฟ
ไขควงวัดไฟ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การทำงานกับระบบไฟฟ้าในบ้านมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นครับ การเลือกเครื่องมือที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับการใช้งานจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าช็อตที่อาจเกิดขึ้นได้
1. ประเภทของไขควงวัดไฟ
ไขควงวัดไฟหลัก ๆ มี 3 ประเภท ซึ่งให้ความสามารถในการวัดและระดับความสะดวกที่แตกต่างกัน
- ไขควงวัดไฟแบบสัมผัส (Contact Tester) : เป็นไขควงแบบดั้งเดิม ใช้งานโดยการสัมผัสส่วนโลหะของด้ามจับและแตะปลายไขควงไปที่จุดที่ต้องการวัด หากมีกระแสไฟ จะมี หลอดไฟนีออน สว่างขึ้น เหมาะสำหรับการตรวจสอบว่ามีไฟรั่วหรือไม่ในงานที่ไม่ซับซ้อน
- ไขควงวัดไฟแบบไม่สัมผัส (Non-Contact Voltage Tester) : ใช้งานง่ายและปลอดภัยที่สุด เพียงแค่นำปลายเครื่องมือไปใกล้สายไฟ ก็จะตรวจจับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าและแจ้งเตือนด้วย เสียงหรือไฟ LED เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสอบอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องสัมผัสสายไฟโดยตรง
- ไขควงวัดไฟแบบดิจิทัล (Digital Tester) : มีหน้าจอ LCD แสดงผลเป็นตัวเลขโวลต์ (Voltage) ทำให้ทราบค่าแรงดันไฟฟ้าที่ชัดเจนและแม่นยำ เหมาะสำหรับช่างมืออาชีพที่ต้องการข้อมูลเชิงลึก
2. คุณสมบัติสำคัญที่ต้องพิจารณา
ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรตรวจสอบคุณสมบัติทางเทคนิคเพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องมือทำงานได้ตามความต้องการ
- ช่วงแรงดันไฟฟ้า (Voltage Range) : ตรวจสอบว่าไขควงสามารถวัดค่าได้ในช่วง AC (กระแสสลับ) และ DC (กระแสตรง) ที่คุณต้องการหรือไม่ สำหรับงานในบ้านทั่วไป ควรวัดได้ในช่วง 100V – 250V
- การแสดงผล (Display Type) : แบบ LED จะมีความทนทานและมองเห็นได้ชัดในที่มืด ส่วนแบบ LCD จะแสดงค่าเป็นตัวเลขที่แม่นยำกว่า แต่ต้องใช้แบตเตอรี่ในการทำงาน
- วัสดุและฉนวน (Insulation) : ควรมีด้ามจับทำจากวัสดุที่เป็นฉนวนไฟฟ้าคุณภาพสูง และมีรูปทรงที่กระชับมือเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
3. มาตรฐานความปลอดภัยและการรับรอง
เนื่องจากเป็นเครื่องมือไฟฟ้า ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณา
- มาตรฐาน VDE หรือ GS : มองหาเครื่องมือที่มีการรับรองมาตรฐาน VDE (จากเยอรมนี) หรือเครื่องหมาย GS (Tested Safety) ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าเครื่องมือได้รับการทดสอบอย่างเข้มงวดด้านความปลอดภัย
- ระดับแรงดันไฟฟ้าฉนวน (Insulation Rating) : สำหรับไขควงวัดไฟแบบสัมผัส ควรมีคุณสมบัติเป็นฉนวนที่สามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้สูงถึง 1000V แม้ว่าคุณจะใช้แค่ไฟฟ้าในบ้านก็ตาม เพื่อความปลอดภัยที่สูงขึ้น
4. งบประมาณที่เหมาะสม
ราคาของไขควงวัดไฟจะแปรผันตามประเภทและฟังก์ชันที่ได้รับ
- ต่ำกว่า 300 บาท : มักเป็นไขควงวัดไฟแบบสัมผัสพื้นฐาน เหมาะสำหรับงานตรวจสอบเบื้องต้นทั่วไป
- 300 – 1,000 บาท : เป็นช่วงราคาของไขควงวัดไฟแบบไม่สัมผัส หรือแบบดิจิทัลคุณภาพดี ที่มาพร้อมฟังก์ชันเสริม เช่น ไฟฉายในตัว
- 1,000 บาทขึ้นไป : เป็นระดับของเครื่องมือสำหรับช่างมืออาชีพ ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง และความแม่นยำในการวัดค่าตัวเลขสูง
5. การดูแลรักษาและบริการหลังการขาย
การดูแลรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้ไขควงวัดไฟของคุณพร้อมใช้งานเสมอ
- การตรวจสอบสภาพ : ตรวจสอบด้ามจับและฉนวนอยู่เสมอว่าไม่มีรอยแตกหรือเสียหาย ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพของฉนวนลงได้
- การเปลี่ยนแบตเตอรี่ (สำหรับรุ่นดิจิทัล) : ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ทันทีเมื่อสัญลักษณ์แจ้งเตือนปรากฏ เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องมือจะให้ค่าที่แม่นยำเสมอ
การเลือกไขควงวัดไฟที่เหมาะสมและได้มาตรฐานจะช่วยให้คุณทำงานไฟฟ้าได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นครับ
10 อันดับ ไขควงวัดไฟ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 จับได้ถนัดมือ ใช้งานง่าย มีเสียง และไฟคอยแจ้งเตือน
หลังจากที่ทุกคนได้ทราบถึงวิธีการเลือกซื้อกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ต่อไปทุกคนจะได้พับกับ ไขควงวัดไฟ ทั้ง 10 รุ่น ที่เราคัดสรรมาแล้วว่า คุณภาพดี เหมาะสำหรับการใช้งาน โดยสามารถดูได้จากรีวิวด้านล่างได้เลย
1. Habotest HT91A เครื่องตรวจจับแรงดันไฟฟ้า

ราคา 185 บาท
ทำงานได้ทั้งแบบสัมผัสและไม่สัมผัส พร้อมฟังก์ชัน NCV ค้นหาจุดแตกหักของสายไฟได้อย่างแม่นยำ
ถ้าพูดถึงไขควงวัดไฟที่ให้ฟังก์ชันหลากหลายในราคาที่คุ้มค่า Habotest HT91A เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ รุ่นนี้มาพร้อม โหมดการเหนี่ยวนำ (NCV) ที่ช่วยให้คุณสามารถค้นหาจุดแตกหักในสายไฟได้อย่างแม่นยำด้วยสัญญาณเตือนคู่ทั้งแสงและเสียง และที่สำคัญคือมี หัวไขควงแบบเปลี่ยนได้ ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งการวัดกระแสและการขันสกรูได้ด้วยในตัวเดียว
เมื่อพิจารณาจากสเปกแล้ว ผมมองว่ารุ่นนี้เหมาะกับเจ้าของบ้านที่ต้องการเครื่องมือที่ครบครันสำหรับงานซ่อมแซมไฟฟ้าทั่วไปครับ การที่มันสามารถตรวจจับได้แม้กระทั่ง ขั้วบวกของแบตเตอรี่ ก็ถือเป็นฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามาอย่างชาญฉลาด ทำให้คุณรู้สึกว่าการทำงานไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ ปลอดภัยและง่าย ขึ้นมาก เป็นเครื่องมือที่ คุ้มค่า สำหรับทุกบ้านครับ
2. Diymore VD807 ปากกาวัดแรงดันไฟฟ้า

ราคา 106 บาท
ปากกาวัดแรงดันไฟฟ้าที่ระบุสายไฟจริงและสายนิวทรัลได้อย่างรวดเร็ว ด้วยหน้าจอสีดิจิทัลสองสี
ถ้าคุณต้องการปากกาวัดแรงดันไฟฟ้าที่ใช้งานง่ายและรวดเร็ว Diymore VD807 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ จุดเด่นคือความสามารถในการ ระบุสายไฟจริงและสายนิวทรัล ได้อย่างรวดเร็ว โดยแสดงผลผ่าน หน้าจอสีดิจิทัลสองสี (สีแดงสำหรับสายไฟจริงและสีเขียวสำหรับสายนิวทรัล) พร้อมเสียงบี๊บเพื่อยืนยัน ช่วยให้งานตรวจสอบไฟฟ้าปลอดภัยขึ้นมากครับ
เมื่อพิจารณาจากสเปกแล้ว ผมมองว่ารุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการเครื่องมือพื้นฐานที่ให้ความแม่นยำในการแยกสายไฟเพื่อความปลอดภัยครับ การที่มี ไฟ LED ส่องสว่างด้านหน้า ก็ช่วยให้ทำงานได้สะดวกในที่มืด ถือเป็น ผู้ช่วยในการบำรุงรักษา ที่ คุ้มค่า มาก ๆ และมอบความอุ่นใจในการทำงานไฟฟ้าเล็กน้อยในบ้านครับ
3. DIYMORE ANENG B19 ปากกาวัดอัจฉริยะ

ราคา 147 บาท
มาพร้อมฟังก์ชัน NCV และหน้าจอแบ็คไลท์ LCD สำหรับการตรวจจับแรงดันไฟฟ้าที่หลากหลาย
ถ้าคุณกำลังมองหาปากกาวัดแรงดันไฟฟ้าที่ให้ทั้งความปลอดภัยและความฉลาด DIYMORE ANENG B19 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ รุ่นนี้โดดเด่นด้วย ที่จับยางหุ้มฉนวน ที่ทนทานต่อการตกกระแทก และมี หน้าจอแบ็คไลท์ LCD ที่ช่วยให้มองเห็นค่าได้ชัดเจนแม้ในที่มืด นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน NCV ที่ตรวจจับสนามไฟฟ้าเหนี่ยวนำด้วยแสงและเสียงเตือน
เมื่อพิจารณาจากสเปกแล้ว ผมมองว่ารุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการเครื่องมือที่ครอบคลุมงานตรวจสอบไฟฟ้าในบ้านครับ การที่สามารถ รับรู้สายไฟที่เป็นกลางและสายจริง ได้อย่างง่ายดายด้วยสีหน้าจอที่แตกต่างกัน ก็ทำให้การทำงานปลอดภัยขึ้นมากครับ ถือเป็นเครื่องมือที่ คุ้มค่า และมอบความรู้สึกมั่นใจในการตรวจสอบไฟฟ้าต่าง ๆ ได้อย่างแท้จริงครับ
4. Pcbfun ANENG B20 ปากกาวัดแรงดันไฟฟ้า

ราคา 133 บาท
ปากกาวัดแรงดันไฟฟ้าที่ให้หน้าจอสีคู่พร้อมแบ็คไลท์ และฟังก์ชันครบครัน
ถ้าคุณกำลังมองหาปากกาวัดแรงดันไฟฟ้าที่ผสานฟังก์ชันการตรวจจับเข้ากับการใช้งานจริง Pcbfun ANENG B20 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ รุ่นนี้มี หน้าจอแสดงผลสีคู่แบบแบ็คไลท์ ที่ชัดเจน โดยใช้สีแดงสำหรับแรงดันไฟฟ้าสูงเพื่อเตือนภัย และยังมี ไฟฉาย ในตัวที่ช่วยให้ทำงานในสภาพแสงสลัวได้สะดวกขึ้นมาก
เมื่อพิจารณาจากสเปกแล้ว ผมมองว่ารุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการเครื่องมือที่ยืดหยุ่นสำหรับงานไฟฟ้าทั่วไปครับ การที่มาพร้อมกับ หัวแบทช์หัวคู่ที่ถอดออกได้ ทำให้สามารถใช้ขันสกรูได้ด้วย และมี ฟังก์ชันความต่อเนื่องของสายไฟ ที่ช่วยตรวจหาจุดสายขาดได้อย่างแม่นยำ เป็นเครื่องมือที่ให้ความรู้สึก คุ้มค่า และมอบความสะดวกสบายในการทำงานจริงครับ
5. INGCO ปากกาวัดไฟ รุ่น VD210003

ราคา 230 บาท
ปรับความไวได้ 2 ระดับ พร้อมการแยกสายไฟฟ้า และสายสัญญาณโดยอัตโนมัติ
ถ้าคุณกำลังมองหาปากกาวัดไฟที่เน้นความปลอดภัยและมีฟังก์ชันที่ปรับเปลี่ยนได้ INGCO VD210003 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ จุดเด่นของรุ่นนี้คือสามารถ ปรับความไวในการตรวจจับแรงดันไฟฟ้าได้ 2 ระดับ (สูง/ต่ำ) ทำให้ใช้งานได้แม่นยำขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน และยังมี ไฟแฟลช LED สีขาว ในตัวที่ช่วยให้ทำงานในที่มืดได้สะดวกมากครับ
เมื่อพิจารณาจากสเปกแล้ว ผมมองว่ารุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการตรวจสอบระบบไฟฟ้า ทั้งในบ้านและในพื้นที่ทำงานครับ การที่เครื่องสามารถ แยกสายไฟฟ้าและสายสัญญาณโดยอัตโนมัติ ก็ช่วยให้การวินิจฉัยปัญหาแม่นยำขึ้นอย่างมาก เป็นเครื่องมือที่ให้ความรู้สึก อุ่นใจ และมอบประสบการณ์การใช้งานที่ คุ้มค่า ในราคาย่อมเยาครับ
6. UNIOR 630VDE ไขควงลองไฟเดี่ยว

ราคา 101 บาท
-ไขควงเช็คไฟแบบดั้งเดิมที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย IEC60900:2004
ถ้าคุณต้องการไขควงวัดไฟแบบ ดั้งเดิมที่เน้นมาตรฐานความปลอดภัย UNIOR 630VDE คือตัวเลือกที่น่าสนใจครับ แม้จะเป็นแบบ ปากแบน ใช้งานโดยการสัมผัส แต่จุดเด่นคือการได้รับรองมาตรฐานสากล IEC60900:2004 ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า ทำให้คุณมั่นใจใน ประสิทธิภาพการใช้งาน และความปลอดภัยของฉนวนที่ด้ามจับ
เมื่อพิจารณาจากสเปกแล้ว ผมมองว่ารุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการเครื่องมือที่ไว้ใจได้สำหรับงานตรวจสอบกระแสไฟฟ้าในบ้านครับ การที่มันเป็นสินค้าจากสโลวาเนียและมีมาตรฐานรับรอง ก็ช่วยให้คุณรู้สึก อุ่นใจ ในการใช้งานอย่างแท้จริง เป็นเครื่องมือที่ คุ้มค่า สำหรับการตรวจสอบว่ามีไฟไหลอยู่ที่จุดนั้น ๆ หรือไม่ได้อย่างแม่นยำครับ
7. ไขควงลองไฟ สแตนเล่ย์ STANLEY รุ่น 66 – 119
ราคา 47 บาท
-ไขควงวัดไฟแบบสัมผัสราคาประหยัดจาก Stanley ที่ให้ความทนทานด้วยเหล็ก CR-V
ถ้าคุณกำลังมองหาไขควงวัดไฟแบบ สัมผัส ที่มีคุณภาพพื้นฐานที่ดีในราคาที่เข้าถึงง่าย STANLEY 66-119 คือตัวเลือกที่น่าสนใจครับ ส่วนหัวโลหะผลิตจากเหล็ก CR-V ซึ่งมีความทนทานสูงต่อการใช้งาน และรองรับการวัดกระแสไฟฟ้าในช่วง 100V – 500V ได้อย่างปลอดภัย เมื่อตรวจพบกระแสไฟฟ้า ด้ามสีเหลืองใสจะส่องแสงออกมาอย่างชัดเจน
เมื่อพิจารณาจากสเปกแล้ว ผมมองว่ารุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการเครื่องมือสำหรับ งานตรวจสอบทั่วไป ในบ้านและสำนักงานครับ การมี คลิปหนีบ ที่ปลายด้ามก็ช่วยให้สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสะดวก ทำให้รู้สึก คุ้มค่า และเป็นเครื่องมือที่ไว้ใจได้สำหรับงานตรวจสอบไฟฟ้าเบื้องต้นครับ
8. Wiha ไขควงวัดไฟ รุ่น 255-7
ราคา 599 บาท
ความปลอดภัยสูงด้วยฉนวนกันไฟฟ้า 1000V และผ่านการรับรองมาตรฐาน VDE ระดับสากล
ถ้าคุณให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัย เป็นอันดับแรก Wiha 255-7 คือตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ จุดเด่นคือการผ่านมาตรฐาน VDE 0680-6 และ DIN 57680/-6 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่รับประกันความปลอดภัยของเครื่องมือไฟฟ้า และมี ฉนวนกันไฟฟ้าสูงสุดถึง 1000V แม้ว่าคุณจะใช้แค่ไฟฟ้าในบ้านก็ตาม การมีด้ามจับที่นุ่มและไม่นำไฟฟ้าก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน
เมื่อพิจารณาจากสเปกแล้ว ผมมองว่ารุ่นนี้เหมาะกับทุกคนที่ต้องทำงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นช่างมืออาชีพหรือเจ้าของบ้านที่ซ่อมแซมเองครับ การลงทุนในไขควงที่ผ่านการรับรองมาตรฐานยุโรปเช่นนี้ ทำให้คุณรู้สึก อุ่นใจ ว่าได้เลือกเครื่องมือที่ปลอดภัยที่สุด และมีขนาดเล็กพกพาได้สะดวกครับ
9. PUMPKIN 17745 PTT-DTL ไขควงลองไฟฟ้าดิจิตอล

ราคา 58 บาท
พกพาสะดวก พร้อมหน้าจอ LCD แสดงผลค่าแรงดันไฟฟ้าได้หลากหลายช่วง
ถ้าคุณกำลังมองหาไขควงวัดไฟแบบ ดิจิทัล ที่กะทัดรัดและพกพาง่าย PUMPKIN PTT-DTL เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ ด้วยความยาวเพียง 140 มม. และสีสันสดใส ทำให้ไม่สูญหายง่าย รุ่นนี้มาพร้อม หน้าจอ LCD พร้อมไฟส่องสว่าง ที่ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบค่ากระแสไฟฟ้าในช่วง 12V ถึง 250V ได้อย่างสะดวกและแม่นยำ
เมื่อพิจารณาจากสเปกแล้ว ผมมองว่ารุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการเครื่องมือที่แม่นยำกว่าไขควงวัดไฟแบบหลอดนีออน ในราคาที่เข้าถึงง่ายครับ ด้ามจับที่ทำจากพลาสติก ABS ที่ไม่นำไฟฟ้าก็ช่วยเสริมด้านความปลอดภัย ถือเป็นเครื่องมือที่ คุ้มค่า และมอบความรู้สึกมั่นใจในการตรวจสอบไฟฟ้าหลายระดับได้อย่างแท้จริงครับ
10. Champion ไขควงลองไฟ รุ่น No.7700
ราคา 88 บาท
ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน รองรับการตรวจจับกระแสไฟ AC และ DC ได้อย่างครอบคลุม
ถ้าคุณต้องการไขควงวัดไฟแบบ พื้นฐานที่เน้นความง่ายในการใช้งาน Champion No.7700 เป็นตัวเลือกที่ดีครับ การทำงานไม่ซับซ้อน เพียงแค่แตะหรือเสียบก็สามารถรู้ผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยมีการ เปล่งแสงออกที่ปลายด้าม เมื่อตรวจพบกระแสไฟ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถรับรู้สถานะของไฟฟ้าได้ทันที แม้จะไม่มีความชำนาญก็ตาม
เมื่อพิจารณาจากสเปกแล้ว ผมมองว่ารุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการเครื่องมือสำหรับ งานตรวจสอบทั่วไปในบ้าน ที่ไม่ต้องการฟังก์ชันซับซ้อนครับ การที่มันรองรับกระแสไฟได้ทั้ง AC (80 – 300V) และ DC (120 – 500V) ก็ถือว่าใช้งานได้ครอบคลุมอย่างน่าประทับใจ ถือเป็นเครื่องมือที่ คุ้มค่า และมอบความรู้สึกมั่นใจในการตรวจสอบไฟฟ้าเบื้องต้นได้อย่างแท้จริงครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไขควงวัดไฟ
1. ไขควงวัดไฟแบบไม่สัมผัส (Non-Contact) ดีกว่าแบบสัมผัส (Contact) อย่างไร?
แบบไม่สัมผัส ดีกว่าในแง่ของ ความปลอดภัยและความสะดวก ครับ เพราะคุณสามารถตรวจสอบกระแสไฟได้โดยไม่ต้องสัมผัสโลหะของวงจรโดยตรง และสามารถตรวจจับสายไฟที่อยู่ภายในฉนวนหรือผนังได้ด้วย ส่วน แบบสัมผัส มักจะราคาถูกกว่าและใช้งานง่ายสำหรับการตรวจสอบจุดเดียวครับ
2. หากใช้ไขควงวัดไฟแบบสัมผัส ต้องแตะส่วนโลหะที่ด้ามจับจริงหรือไม่?
จำเป็นต้องแตะครับ! การแตะส่วนโลหะที่ปลายด้ามจับจะทำหน้าที่เป็น ทางผ่านของกระแสไฟฟ้า (ผ่านตัวคุณ) ไปยังพื้นดิน (Ground) เพื่อให้วงจรสมบูรณ์และหลอดไฟนีออนที่อยู่ภายในไขควงจึงจะสว่างขึ้นเพื่อแสดงว่ามีกระแสไฟครับ
3. ไขควงวัดไฟสามารถวัดได้ทั้งกระแสสลับ (AC) และกระแสตรง (DC) หรือไม่?
ไขควงวัดไฟแบบดั้งเดิม (หลอดนีออน) ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาเพื่อวัดกระแส AC (เช่น ไฟบ้าน) ครับ แต่ไขควงวัดไฟ แบบดิจิทัล หรือรุ่นที่มีฟังก์ชันสูงบางรุ่นสามารถวัดได้ทั้งกระแส AC และ DC (เช่น ไฟจากแบตเตอรี่) โดยจะระบุช่วงแรงดันไฟฟ้าที่รองรับไว้อย่างชัดเจนครับ
4. ไขควงวัดไฟที่ผ่านมาตรฐาน VDE คืออะไร และสำคัญอย่างไร?
มาตรฐาน VDE (Verband der Elektrotechnik) คือการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของเยอรมนีที่เข้มงวดครับ การที่ไขควงวัดไฟมีเครื่องหมาย VDE หมายความว่าเครื่องมือนี้ ผ่านการทดสอบฉนวนกันไฟฟ้าถึง 1000V ซึ่งรับประกันความปลอดภัยสูงสุดเมื่อใช้งานกับแรงดันไฟฟ้าสูง ถือเป็นสิ่งที่ควรเลือกหากคุณกังวลเรื่องความปลอดภัยครับ
5. ทำไมบางครั้งไฟที่ปลายไขควงวัดไฟถึงสว่างริบหรี่ ทั้งที่ไม่ได้แตะสายไฟจริง?
นี่อาจเป็นปรากฏการณ์ “แรงดันไฟฟ้าแฝง” (Ghost Voltage) ครับ มักเกิดจากการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสายไฟที่อยู่ใกล้เคียง (แม้จะไม่ได้ต่อวงจรก็ตาม) ซึ่งเป็นแรงดันที่ต่ำมากและไม่เป็นอันตราย แนะนำให้ใช้เครื่องมือวัดค่าจริง (มัลติมิเตอร์) เพื่อยืนยันค่าแรงดันไฟฟ้าที่แม่นยำครับ
บทส่งท้าย
หลังจากที่คุณได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภท ฟังก์ชัน และมาตรฐานความปลอดภัยต่าง ๆ แล้ว คงจะเห็นแล้วนะครับว่าการเลือก ไขควงวัดไฟ ที่เหมาะสมกับงานของคุณไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดเลยครับ
การตัดสินใจเลือกซื้อไขควงวัดไฟที่ได้มาตรฐานและตอบโจทย์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นแบบสัมผัสราคาประหยัด หรือแบบไม่สัมผัสที่ปลอดภัยสูง จะช่วยให้งานตรวจสอบระบบไฟฟ้าของคุณมีความแม่นยำและ ปลอดภัย มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ที่สำคัญที่สุดครับ ดังนั้น อย่าลืมพิจารณาจาก ความต้องการส่วนตัว และให้ความสำคัญกับ มาตรฐานความปลอดภัย เป็นอันดับแรก
ขอให้คุณมั่นใจในการเลือกซื้อเครื่องมือ และขอให้ทุกงานไฟฟ้าที่คุณทำสำเร็จลุล่วงด้วยความปลอดภัยนะครับ!





