น้ำเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของเรา แต่คุณมั่นใจหรือไม่ว่าน้ำที่คุณดื่มสะอาดและปลอดภัยจริง ๆ เครื่องกรองน้ำ จึงกลายเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ในหลายครัวเรือน เพราะช่วยกรองสิ่งสกปรก สารเคมี คลอรีน และเชื้อโรคต่าง ๆ ออกไป ทำให้น้ำที่ได้สะอาดบริสุทธิ์และดีต่อสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะต้องการเครื่องกรองน้ำสำหรับบ้าน คอนโด หรือสำนักงาน การเลือกเครื่องกรองน้ำที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าน้ำดื่มของคุณสะอาด ปลอดภัย และมีคุณภาพดีตลอดเวลา
ในวันนี้ครับ ตังค์ทอน จะพาทุกคนไปพบกับ เครื่องกรองน้ำ คุณภาพดี เหมาะสำหรับใช้งานทั้ง 10 รุ่น ซึ่งเป็นรุ่นที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ รวมไปถึง เราก็มีวิธีการเลือกซื้ออย่างละเอียดมาแนะนำอีกด้วย
วิธีเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำให้เหมาะกับบ้านคุณ – คู่มือฉบับสมบูรณ์
เครื่องกรองน้ำเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณมั่นใจว่าน้ำดื่มสะอาด ปลอดภัย และปราศจากสารปนเปื้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่เคยซื้อเครื่องกรองน้ำมาก่อน อาจสับสนว่าควรเลือกแบบไหนที่เหมาะกับบ้านของตนเอง เพราะมีหลากหลายประเภท ระบบกรอง และระดับราคาที่แตกต่างกัน
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ 5 ปัจจัยสำคัญ ที่ควรพิจารณาก่อนซื้อเครื่องกรองน้ำ เพื่อให้คุณเลือกได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าที่สุด
1. พิจารณาคุณภาพน้ำในพื้นที่ของคุณ
ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องกรองน้ำ คุณต้องรู้ก่อนว่าน้ำที่คุณใช้มีปัญหาอะไรบ้าง เพื่อจะได้เลือกเครื่องกรองที่เหมาะสมที่สุด
- น้ำประปาในเมือง : มักมีการเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค แต่ยังคงมีตะกอนและสารเคมีปนเปื้อนบางส่วน
- น้ำบาดาล : อาจมีแร่ธาตุหนัก หินปูน สนิมเหล็ก หรือจุลินทรีย์ปะปนอยู่
- น้ำที่มีกลิ่นคลอรีนแรง : ควรเลือกเครื่องกรองที่มีไส้กรองคาร์บอนเพื่อช่วยลดกลิ่นและสารเคมี
- น้ำที่มีสีขุ่นหรือมีตะกอน : ควรเลือกเครื่องกรองที่มีระบบ UF หรือ RO เพื่อกำจัดตะกอนและสิ่งสกปรก
เคล็ดลับ : หากคุณไม่แน่ใจว่าคุณภาพน้ำเป็นอย่างไร สามารถซื้อน้ำยาทดสอบคุณภาพน้ำมาตรวจสอบ หรือสอบถามจากหน่วยงานที่ดูแลเรื่องน้ำในพื้นที่ของคุณ
2. เลือกประเภทของเครื่องกรองน้ำให้เหมาะสม
เครื่องกรองน้ำมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดต่างกัน การเลือกให้ถูกต้องจะช่วยให้คุณได้รับน้ำที่สะอาดและปลอดภัยที่สุด
2.1 เครื่องกรองน้ำแบบคาร์บอน (Activated Carbon Filter)
- ✅ กรองกลิ่นคลอรีน ลดสารเคมีและโลหะหนักบางชนิด
- ❌ ไม่สามารถกรองแบคทีเรียหรือไวรัสได้
- 2.2 เครื่องกรองน้ำแบบ RO (Reverse Osmosis)
- ✅ กรองละเอียดที่สุด สามารถกำจัดโลหะหนัก สารเคมี แบคทีเรีย และไวรัส
- ❌ มีน้ำทิ้งจากการกรอง ควรติดตั้งในพื้นที่ที่มีแรงดันน้ำเพียงพอ
2.3 เครื่องกรองน้ำแบบ UV (Ultraviolet)
- ✅ ฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัสได้ดี
- ❌ ไม่สามารถกำจัดตะกอนหรือสารเคมีในน้ำได้
2.4 เครื่องกรองน้ำแบบ UF (Ultrafiltration)
- ✅ กรองจุลินทรีย์ ตะกอน และฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดี
- ❌ ไม่สามารถกรองโลหะหนักหรือสารเคมีได้
2.5 เครื่องกรองน้ำแบบเซรามิก (Ceramic Filter)
- ✅ มีรูพรุนขนาดเล็กช่วยกรองจุลินทรีย์และตะกอนได้ดี
- ❌ ไม่สามารถกำจัดสารเคมีหรือโลหะหนักได้
เคล็ดลับ : หากต้องการเครื่องกรองน้ำที่ให้ความสะอาดสูงสุด ควรเลือกเครื่องที่มีระบบกรองหลายชั้น เช่น RO + UV + คาร์บอน
3. ขนาดและตำแหน่งการติดตั้ง
เครื่องกรองน้ำมีหลายขนาดและรูปแบบ ควรเลือกให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งานของคุณ
- แบบตั้งโต๊ะ (Countertop Filter) : ติดตั้งง่าย วางบนเคาน์เตอร์ครัว เหมาะกับห้องครัวขนาดเล็ก
- แบบแขวนผนัง : ประหยัดพื้นที่ ติดตั้งใกล้อ่างล้างจานหรือจุดที่ใช้น้ำบ่อย
- แบบติดตั้งใต้ซิงค์ : ซ่อนตัวเครื่องไว้ใต้เคาน์เตอร์ครัว ดูสวยงามและเป็นระเบียบ
- เครื่องกรองน้ำแบบต่อก๊อก (Faucet Filter) : ราคาประหยัด ติดตั้งง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานชั่วคราว
เคล็ดลับ : ก่อนซื้อ ตรวจสอบพื้นที่ติดตั้งและจุดเชื่อมต่อน้ำที่บ้านคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถติดตั้งเครื่องกรองน้ำได้อย่างเหมาะสม
4. ค่าใช้จ่ายและการบำรุงรักษา
เครื่องกรองน้ำไม่ใช่แค่ค่าซื้อครั้งแรก แต่ยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา เช่น การเปลี่ยนไส้กรอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
4.1 ราคาเครื่องกรองน้ำ
- เครื่องกรองน้ำแบบคาร์บอน และ UF มีราคาตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท
- เครื่องกรองน้ำแบบ RO และ UV มีราคาตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท ขึ้นไป
4.2 ค่าบำรุงรักษา
- ไส้กรองคาร์บอน : ควรเปลี่ยนทุก 6-12 เดือน
- ไส้กรอง RO : ควรเปลี่ยนทุก 12-24 เดือน
- หลอด UV : ควรเปลี่ยนทุก 12 เดือน
เคล็ดลับ : เลือกเครื่องกรองน้ำที่มีอะไหล่และไส้กรองหาซื้อง่าย เพื่อลดปัญหาในการดูแลระยะยาว
5. เลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ และดูรีวิวก่อนซื้อ
แบรนด์ที่มีชื่อเสียงมักให้คุณภาพน้ำที่ดีกว่าและมีบริการหลังการขายที่ดี ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ
5.1 แบรนด์เครื่องกรองน้ำที่แนะนำ
- Mazuma – ระบบกรองหลายชั้น คุณภาพสูง ราคาสมเหตุสมผล
- Coway – ดีไซน์สวย ฟังก์ชันครบ ระบบกรองมาตรฐานสากล
- Stiebel Eltron – แบรนด์เยอรมันที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน
- AQUATEK – เครื่องกรองน้ำ RO ราคาเข้าถึงง่าย
- Pure – มีหลายรุ่นให้เลือก รองรับน้ำประปาและน้ำบาดาล
5.2 การอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริง
ก่อนซื้อเครื่องกรองน้ำ ควรดูรีวิวจากผู้ใช้จริง ทั้งบนเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องกรองที่คุณสนใจใช้งานได้ดีจริง
เคล็ดลับ : ควรเปรียบเทียบสเปกเครื่องกรองน้ำจากหลาย ๆ แหล่ง และเลือกที่มีการรับประกันสินค้าเพื่อความมั่นใจ
การเลือกเครื่องกรองน้ำไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณพิจารณาจาก คุณภาพน้ำ ระบบกรอง ขนาดเครื่อง ค่าใช้จ่าย และแบรนด์ที่เชื่อถือได้ สิ่งสำคัญคือการเลือกเครื่องที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณจริง ๆ เพื่อให้คุณได้รับน้ำดื่มที่สะอาด ปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุด
10 อันดับ เครื่องกรองน้ำ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 คุณภาพดี กรองได้มาตรฐาน เปลี่ยนไส้กรองง่าย
ต่อไปนี้จะเป็น เครื่องกรองน้ำ ทั้ง 10 รุ่น ที่คุณภาพดี ทันสมัย และกำลังได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี้ ซึ่งสามารถดูรีวิวจากด้านล่างได้เลยครับ
1. Coway เครื่องกรองน้ำ รุ่น นีโอ พลัส WATER PURIFIER NEO PLUS
ราคา 32,900 บาท
ดีไซน์ทันสมัย พร้อมระบบ RO และฟังก์ชันน้ำร้อน-เย็น ใช้งานง่ายเหมาะกับทุกครอบครัว
Coway NEO PLUS เป็นเครื่องกรองน้ำอัจฉริยะที่มาพร้อม ระบบ Reverse Osmosis (RO) กรองสิ่งปนเปื้อนด้วยเมมเบรนละเอียด 0.0001 ไมครอน มั่นใจได้ว่าน้ำที่ดื่มสะอาด ปลอดภัยจากแบคทีเรียและโลหะหนัก ถังเก็บน้ำขนาด 6 ลิตร รองรับการใช้งานของครอบครัวขนาดเล็กถึงกลาง ช่วยให้มีน้ำสะอาดดื่มได้ตลอดวัน
นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสะดวกด้วย ระบบน้ำร้อน-น้ำเย็น-น้ำธรรมดาในเครื่องเดียว พร้อม คันโยกแยกสำหรับน้ำเย็นและน้ำอุณหภูมิปกติ อีกทั้งยังมี โหมดความปลอดภัยป้องกันน้ำร้อนลวก เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ ดีไซน์เรียบหรู ใช้งานง่าย เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่ต้องการทั้งสุขภาพและความสะดวกสบาย
2. Mazuma เครื่องกรองน้ำอัจฉริยะ รุ่น RO 500GPD WIFI
ราคา 22,500 บาท
กรองสะอาด 4 ขั้นตอน พร้อมระบบ Wi-Fi เชื่อมต่อมือถือ ตรวจสอบคุณภาพน้ำแบบเรียลไทม์
Mazuma RO 500GPD WIFI เป็นเครื่องกรองน้ำอัจฉริยะที่มาพร้อม ระบบกรอง 4 ขั้นตอนใน 2 ไส้กรอง ใช้เทคโนโลยี Smart Lock ถอดเปลี่ยนง่าย ไร้ข้อต่อ ไร้สายน้ำ ลดโอกาสการรั่วซึม พร้อม ระบบล้างไส้กรอง RO Membrane อัตโนมัติ เพื่อยืดอายุการใช้งาน อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำด้วยอัตราส่วน น้ำดื่ม-น้ำทิ้ง 60:40 ให้คุณได้ดื่มน้ำสะอาดอย่างคุ้มค่า
จุดเด่นของรุ่นนี้คือ การเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4 GHz สามารถ ควบคุมและตรวจสอบคุณภาพน้ำผ่านแอปพลิเคชัน JARTON Home บนมือถือ ไม่ว่าจะเป็นการเช็ก TDS ตรวจวัดคุณภาพน้ำ, อายุไส้กรองแบบเรียลไทม์ หรือแม้แต่แชร์การใช้งานให้คนอื่น เป็นเครื่องกรองน้ำที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ใช้งานง่าย สะดวก และช่วยให้มั่นใจได้ว่าน้ำที่ดื่มสะอาดอยู่เสมอ
3. Philips water เครื่องกรองน้ำ ro ADD6910
ราคา 12,100 บาท
ระบบ RO + UV ฆ่าเชื้อ 99.9% ปรับอุณหภูมิได้ 4 ระดับ ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้ง
Philips RO ADD6910 เป็นเครื่องกรองน้ำที่ออกแบบมาให้สะดวกสบายและปลอดภัย ด้วย ระบบกรอง RO ขจัดสิ่งปนเปื้อนได้ถึง 99.999% และเสริมด้วย UV-LED ที่ทำงานอัตโนมัติทุกชั่วโมง เพื่อกำจัดแบคทีเรียถึง 99.9% ช่วยให้น้ำที่ดื่มสะอาดหมดจดตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมี ระบบ Clean Smart แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรอง ให้คุณมั่นใจในคุณภาพน้ำเสมอ
อีกจุดเด่นคือ ฟังก์ชันน้ำร้อนปรับอุณหภูมิได้ 4 ระดับ (อุณหภูมิห้อง, 45°C, 85°C, 95°C) พร้อม ระบบล็อกป้องกันเด็กอัตโนมัติ ใช้งานง่ายและปลอดภัย สามารถเลือกปริมาตรน้ำได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น 150, 210, 300, 500 มล. หรือปล่อยไหลต่อเนื่อง และที่สำคัญ ไม่ต้องติดตั้ง สามารถวางใช้งานได้ทุกที่ในบ้านหรือที่ทำงาน ใครมองหาเครื่องกรองน้ำที่ครบจบในตัวเดียว ทั้งสะอาด ปลอดภัย และสะดวก Philips RO ADD6910 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าด้วยการรับประกัน 2 ปี
4. Philips water AUT2015 เครื่องกรองน้ํา ro
ราคา 10,190 บาท
ระบบกรอง AquaShield RO 2 ไส้กรอง แยกช่องปล่อยน้ำสำหรับดื่มและใช้งานทั่วไป
Philips AUT2015 เป็นเครื่องกรองน้ำที่ออกแบบมาให้สะดวกและคุ้มค่า ด้วย ระบบกรอง AquaShield RO ที่ใช้ ไส้กรอง 2 ชั้น สามารถดักจับสิ่งปนเปื้อนได้ถึง 0.0001 ไมครอน ทำให้สามารถกรองสิ่งเจือปน เช่น สนิม โลหะหนัก แบคทีเรีย ไวรัส และคลอรีน ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ผ่านการกรองถึง 3 ขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำสะอาด ปลอดภัย พร้อมดื่ม
อีกหนึ่งจุดเด่นคือ ช่องปล่อยน้ำแบบคู่ แยกน้ำสำหรับ บริโภคและอุปโภค ให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง ลดการสิ้นเปลืองไส้กรอง พร้อม ไฟแจ้งเตือนอายุไส้กรอง ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 24 – 36 เดือน ช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาว หากคุณกำลังมองหาเครื่องกรองน้ำที่สะอาด ปลอดภัย และตอบโจทย์ทุกการใช้งาน Philips AUT2015 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าด้วยฟังก์ชันครบครันในราคาที่จับต้องได้
5. Stiebel Eltron เครื่องกรองน้ำดื่ม รุ่น Fountain 7S
ราคา 13,900 บาท
ระบบกรอง 7 ขั้นตอน พร้อมไส้กรอง UF 0.01 ไมครอน ขจัดเชื้อแบคทีเรียและปรับรสชาติน้ำให้ดียิ่งขึ้น
Stiebel Eltron Fountain 7S เป็นเครื่องกรองน้ำที่มาพร้อม ระบบกรอง 7 ขั้นตอนใน 1 ไส้กรอง โดยใช้ไส้กรอง UF ขนาด 0.01 ไมครอน ซึ่งสามารถ ขจัดเชื้อแบคทีเรียและสิ่งปนเปื้อนขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีไส้กรอง Activated Carbon ที่ช่วย ขจัดคลอรีน กลิ่น และรสชาติไม่พึงประสงค์ ทำให้น้ำสะอาดและดื่มได้อย่างมั่นใจ
จุดเด่นอีกอย่างของ Fountain 7S คือ การเติมแร่ธาตุและเพิ่มคุณภาพน้ำ ผ่าน เซรามิกฟาร์อินฟาเรด และ เม็ดเซรามิกไอออนประจุลบ ที่ช่วยทำให้น้ำมีรสชาติดีขึ้น พร้อมเทคโนโลยี Silverlight ป้องกันเชื้อจุลินทรีย์ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ได้รับมาตรฐาน NSF ที่รับรองคุณภาพน้ำดื่มระดับสากล ถือเป็นเครื่องกรองน้ำที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการน้ำสะอาดและดีต่อสุขภาพในเครื่องเดียว
6. PURE เครื่องกรองน้ำ เพียว รุ่น GEM
ราคา 7,900 บาท
มาพร้อมเทคโนโลยี Microban จากสหรัฐฯ ยับยั้งแบคทีเรีย ใช้งานง่าย
PURE เครื่องกรองน้ำ รุ่น GEM ราคา 7,900 บาท เป็นตัวเลือกคุ้มค่าสำหรับบ้านที่ต้องการน้ำดื่มสะอาดปลอดภัย ด้วยระบบกรอง 3 ขั้นตอนแบบ UF (Ultrafiltration) ที่กรองได้ละเอียดถึง 0.01 ไมครอน กำจัดสิ่งสกปรก สารแขวนลอย และแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ พิเศษด้วยเทคโนโลยี Microban จากสหรัฐฯ ช่วยป้องกันการเติบโตของแบคทีเรียบนไส้กรองและก๊อกน้ำดื่ม ให้คุณมั่นใจทุกหยดน้ำ
ติดตั้งง่ายบนซิ้งค์น้ำด้วยตัวเอง แถมบริการหลังการขายดีเยี่ยมด้วยการรับประกัน 1 ปี และศูนย์บริการกว่า 150 สาขาทั่วประเทศ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความสะดวกและความปลอดภัยครบวงจร ด้วยราคาที่จับต้องได้และคุณภาพการกรองระดับพรีเมียม PURE รุ่น GEM จึงเป็นเครื่องกรองน้ำที่ตอบโจทย์ทั้งความคุ้มค่าและความอุ่นใจ!
7. Mazuma เครื่องกรองน้ำ (TORAY VINO) รุ่น SW9-8000E
ราคา 8,590 บาท
ประสิทธิภาพสูง ออกแบบทันสมัย กรองเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ 99.99%
Mazuma TORAY VINO รุ่น SW9-8000E ราคา 8,590 บาท เป็นเครื่องกรองน้ำระบบ Counter-Top ที่ผสมผสานความสะดวกและคุณภาพการกรองระดับสูง ด้วยระบบกรอง 4 ขั้นตอน ได้แก่ First Screen, Granular Activated Carbon, Plus Silver Coating และ Multilayer Hollow Fiber Membrane Filter ที่สามารถกรองสิ่งสกปรก แบคทีเรีย และเชื้อโรคได้ถึง 99.99% ผ่านมาตรฐาน JWPA จากญี่ปุ่น ทำให้มั่นใจได้ว่าน้ำที่ได้สะอาดปลอดภัยจริงๆ
ตัวเครื่องออกแบบมาอย่างสวยงาม ทนทานด้วยวัสดุ ABS แข็งแรง ทนความร้อนและสารเคมี พร้อมก๊อกน้ำที่หมุนได้ 360° ให้ความสะดวกในการใช้งาน เหมาะสำหรับทุกบ้านที่ต้องการน้ำดื่มคุณภาพสูงด้วยเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นในราคาที่คุ้มค่า Mazuma รุ่นนี้จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนรักสุขภาพ!
8. Stiebel Eltron เครื่องกรองน้ำดื่ม รุ่น STREAM 5S
ราคา 7,390 บาท
ระบบกรองน้ำ 5 ขั้นตอน พร้อมเทคโนโลยีเปลี่ยนไส้กรองง่ายด้วยระบบ Push & Click
Stiebel Eltron รุ่น STREAM 5S ราคา 7,390 บาท เป็นเครื่องกรองน้ำประสิทธิภาพสูงที่มาพร้อมระบบกรอง 5 ขั้นตอนในไส้กรองเพียง 4 ตัว โดยใช้เทคโนโลยี Ultra Filtration (UF) ที่สามารถกรองแบคทีเรียและตะกอนขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอน ไส้กรองโพลีโพพิลีนช่วยดักจับสนิมและสารตกตะกอน ขณะที่แอ็คทิวิเทดคาร์บอนบล็อกลดคลอรีนและสารเคมีอันตราย ส่วนเซรามิกเม็ดหินแร่ช่วยเติมแร่ธาตุจำเป็น ทำให้น้ำมีรสชาติดีขึ้น ปลอดภัยต่อสุขภาพ
จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือระบบ Push & Click ที่ช่วยเปลี่ยนไส้กรองได้ในไม่กี่วินาที แค่กดปุ่มก็ถอด-ใส่ไส้กรองใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องสัมผัสไส้กรองโดยตรง ลดการปนเปื้อนจากมือผู้ใช้ ตัวเครื่องออกแบบให้ใช้งานง่ายและสะอาดปลอดภัยตลอดกระบวนการกรอง ด้วยราคาที่คุ้มค่าและประสิทธิภาพครบวงจร รุ่นนี้จึงเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพที่ต้องการน้ำดื่มสะอาดมาตรฐานเยอรมันในบ้านของคุณ!
9. Flo เครื่องกรองน้ำดื่ม 5 ขั้นตอน รุ่น FL-220
ราคา 3,990 บาท
น้ำสะอาดปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว ในราคาสบายกระเป๋า
Flo รุ่น FL-220 เป็นเครื่องกรองน้ำประสิทธิภาพสูงที่ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ ด้วยระบบกรอง 5 ขั้นตอนที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับน้ำประปาและน้ำบาดาล (TDS ไม่เกิน 500 ppm) เริ่มจากไส้กรอง PP 10 ไมครอนดักจับอนุภาคใหญ่ ไส้คาร์บอนอัดแท่งดูดซับสารเคมีและคลอรีน พร้อมไส้เรซิ่นลดน้ำกระด้างและโลหะหนัก จบด้วยไส้ UF 0.01 ไมครอนกำจัดแบคทีเรีย และ Post Carbon ปรับรสชาติให้ดื่มง่าย
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบ้านที่มีเด็กทารก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย เนื่องจากสามารถกรองสารปนเปื้อนได้หลากหลายประเภท ทั้งเชื้อโรค สารเคมีอันตราย และโลหะหนัก ในราคาเพียง 3,990 บาท ถือเป็นทางเลือกประหยัดแต่ได้คุณภาพ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ใช้น้ำประปาหรือน้ำบาดาลที่มีปัญหาน้ำกระด้าง
10. Filtex เครื่องกรองน้ำดื่ม ต่อปลายก๊อก FT-502
ราคา 480 บาท
ระบบกรอง 4 ขั้นตอนในราคาประหยัดเพียง 480 บาท ติดตั้งง่ายกับก๊อกทุกชนิด
เครื่องกรองน้ำขนาดกะทัดรัดจาก Filtex ให้คุณภาพน้ำดื่มที่ดีในราคาสบายกระเป๋า ด้วยระบบกรอง 4 ขั้นตอนที่ช่วยกำจัดคลอรีน กลิ่นไม่พึงประสงค์ และแบคทีเรีย พร้อมกรองสารปนเปื้อนต่างๆ เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็กหรือผู้ที่ต้องการประหยัดงบประมาณ
ควรเปิดน้ำทิ้งก่อนใช้ 10 วินาทีทุกวัน และเปลี่ยนไส้กรองทุก 1-3 เดือน เพื่อประสิทธิภาพการกรองที่ดีที่สุด ตัวเลือกเหมาะสำหรับนักศึกษา หรือคนอยู่คอนโดที่ต้องการน้ำสะอาดในราคาประหยัด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเครื่องกรองน้ำ
1. เครื่องกรองน้ำจำเป็นจริงหรือไม่?
✅ จำเป็นหากคุณต้องการมั่นใจว่าน้ำที่ดื่มสะอาด ปลอดภัย และปราศจากสารปนเปื้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในบางพื้นที่ที่น้ำประปามีคลอรีนสูง หรือมีตะกอนและโลหะหนัก
2. ควรเลือกเครื่องกรองน้ำแบบไหนดีที่สุด?
✅ ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำในพื้นที่ของคุณ หากต้องการกรองละเอียดสูงสุด ควรเลือก ระบบ RO + UV + คาร์บอน แต่ถ้าต้องการกรองกลิ่นและคลอรีนจากน้ำประปาแบบพื้นฐาน เครื่องกรองคาร์บอน ก็เพียงพอ
3. เครื่องกรองน้ำ RO ดีกว่าเครื่องกรองน้ำแบบอื่นหรือไม่?
✅ เครื่องกรองน้ำ RO (Reverse Osmosis) กรองได้ละเอียดมากที่สุด สามารถกรองโลหะหนัก แบคทีเรีย และสารเคมี แต่ก็มีข้อเสียคือ มีน้ำทิ้งเยอะและต้องใช้ไฟฟ้า หากน้ำที่ใช้ไม่มีปัญหาร้ายแรง ระบบ UF หรือ คาร์บอน อาจเพียงพอ
4. เครื่องกรองน้ำต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยแค่ไหน?
✅ โดยทั่วไปขึ้นอยู่กับประเภทไส้กรอง:
- คาร์บอน : เปลี่ยนทุก 6-12 เดือน
- RO Membrane : เปลี่ยนทุก 12-24 เดือน
- ไส้กรองเซรามิก : ล้างทำความสะอาดได้ แต่ควรเปลี่ยนทุก 1-2 ปี
- หลอด UV : เปลี่ยนทุก 12 เดือน
เคล็ดลับ : ควรอ่านคู่มือของแต่ละรุ่นและเปลี่ยนไส้กรองตามคำแนะนำ
5. เครื่องกรองน้ำ RO ทำให้น้ำไม่มีแร่ธาตุจริงหรือไม่?
✅ จริง เนื่องจากระบบ RO กรองได้ละเอียดมากจนแร่ธาตุบางชนิดอาจถูกกรองออกไปด้วย แต่สามารถแก้ไขได้โดยการเติมไส้กรองแร่ธาตุเพิ่มเติม หรือดื่มน้ำจากแหล่งอื่นร่วมด้วย
6. เครื่องกรองน้ำดื่มใช้แทนเครื่องกรองน้ำใช้ได้หรือไม่?
❌ ไม่ได้ เพราะเครื่องกรองน้ำดื่มถูกออกแบบมาให้กรองน้ำที่ใช้สำหรับบริโภคเท่านั้น หากต้องการกรองน้ำที่ใช้สำหรับอาบน้ำหรือซักล้าง ควรเลือก เครื่องกรองน้ำใช้ (Whole House Filter) ซึ่งออกแบบมาเพื่อกรองน้ำทั้งระบบ
7. ติดตั้งเครื่องกรองน้ำเองได้หรือไม่?
✅ เครื่องกรองน้ำแบบ ต่อก๊อกหรือวางบนเคาน์เตอร์ สามารถติดตั้งเองได้ง่าย แต่ถ้าเป็นเครื่องที่ต้องต่อเข้ากับระบบท่อน้ำ แนะนำให้ช่างผู้เชี่ยวชาญติดตั้ง เพื่อป้องกันปัญหาการรั่วซึม
8. เครื่องกรองน้ำช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจริงหรือไม่?
✅ ในระยะยาวช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก เพราะคุณไม่ต้องซื้อน้ำขวดเป็นประจำ แม้จะมีค่าเปลี่ยนไส้กรอง แต่ยังถูกกว่าการซื้อน้ำดื่มขวดในระยะยาว
9. น้ำที่ผ่านเครื่องกรองสามารถใช้ชงกาแฟและชาทำให้รสชาติดีขึ้นหรือไม่?
✅ น้ำสะอาดจากเครื่องกรองสามารถช่วยให้รสชาติกาแฟและชาดีขึ้น เพราะไม่มีคลอรีนและสารปนเปื้อนที่อาจรบกวนรสชาติของเครื่องดื่ม
10. เครื่องกรองน้ำมีรับประกันไหม?
✅ โดยทั่วไปแบรนด์คุณภาพดีจะมีการรับประกัน ตั้งแต่ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ ควรตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันก่อนซื้อ
บทส่งท้าย
เครื่องกรองน้ำ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้เรามีน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัย ลดสารปนเปื้อน เช่น คลอรีน ตะกอน แบคทีเรีย และโลหะหนัก ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การเลือกเครื่องกรองน้ำควรพิจารณาจากคุณภาพน้ำที่ใช้งาน ประเภทไส้กรอง และความสะดวกในการดูแลรักษา โดยระบบกรองที่นิยม ได้แก่ คาร์บอน UF และ RO ซึ่งมีความละเอียดต่างกัน
นอกจากนี้ การเปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลาที่กำหนดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องกรองน้ำไม่เพียงช่วยให้ดื่มน้ำได้อย่างมั่นใจ แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับสุขภาพของทุกคนในครอบครัว