10 เก้าอี้เพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ดีไซน์ทันสมัย นั่งสบาย ไม่ปวดหลัง

เก้าอี้เพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดี

ในยุคที่หลายคนต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียนและทำงานที่บ้าน “เก้าอี้เพื่อสุขภาพ” จึงกลายเป็นไอเทมสำคัญที่ช่วยให้การนั่งสบายขึ้น พร้อมทั้งลดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งผิดท่าเป็นเวลานาน การเลือกเก้าอี้ที่รองรับสรีระได้ดี ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย

ในบทความนี้ ตังค์ทอน จะมาแนะนำ 10 อันดับ เก้าอี้เพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดี เป็นรุ่นที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี้ พร้อมแนะนำวิธีเลือกซื้อให้เหมาะกับการใช้งานของคุณที่สุด มาดูกันว่าเก้าอี้แบบไหนที่ตอบโจทย์การนั่งสบายและช่วยดูแลสุขภาพของคุณไปพร้อมกัน

สารบัญเว็บ ซ่อน

วิธีการเลือกซื้อเก้าอี้เพื่อสุขภาพ : เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับร่างกายและการใช้งาน

เก้าอี้เพื่อสุขภาพเป็นไอเทมสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน หรือมีอาการปวดเมื่อยจากการนั่งผิดท่า การเลือกซื้อเก้าอี้ที่ดีไม่เพียงช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย สำหรับมือใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับเก้าอี้เพื่อสุขภาพมาก่อน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการเลือกซื้อเก้าอี้ที่เหมาะสมกับร่างกายและลักษณะการใช้งานของคุณมากที่สุด

1. พิจารณาคุณสมบัติพื้นฐานที่จำเป็นของเก้าอี้เพื่อสุขภาพ

เก้าอี้เพื่อสุขภาพที่ดีควรมีฟังก์ชันที่ช่วยรองรับร่างกายและลดแรงกดทับในส่วนต่าง ๆ โดยคุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณา ได้แก่

  • พนักพิงที่รองรับสรีระ (Ergonomic Backrest) : พนักพิงของเก้าอี้เพื่อสุขภาพควรมีลักษณะที่โค้งรับกับแนวกระดูกสันหลัง (S-Shape) เพื่อช่วยลดแรงกดทับบริเวณหลังส่วนล่างและช่วยให้การนั่งเป็นธรรมชาติมากขึ้น ควรเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงสูงและสามารถปรับเอนได้ตามต้องการ
  • ที่รองศีรษะ (Headrest) ช่วยลดอาการปวดคอ : หากต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน ที่รองศีรษะเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ช่วยรองรับศีรษะและต้นคอ ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณไหล่และต้นคอ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องนั่งพิมพ์งานหรือใช้คอมพิวเตอร์นาน ๆ
  • ที่รองแขน (Armrest) ช่วยลดแรงกดที่หัวไหล่ : ควรเลือกเก้าอี้ที่มีที่รองแขนที่สามารถปรับระดับความสูงได้ เพื่อให้เหมาะสมกับการวางแขนขณะพิมพ์งานหรือใช้เมาส์ ช่วยลดอาการปวดเมื่อยที่หัวไหล่และต้นแขน
  • เบาะรองนั่งที่นุ่มสบายและกระจายน้ำหนักได้ดี : เบาะรองนั่งควรมีความหนาและความแน่นที่เหมาะสม ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป เพื่อช่วยกระจายน้ำหนักตัวและลดแรงกดทับบริเวณสะโพกและต้นขา วัสดุที่นิยมใช้ ได้แก่ เมมโมรี่โฟม หรือโฟมที่มีความยืดหยุ่นสูง

2. เลือกวัสดุของเก้าอี้ให้เหมาะกับการใช้งาน

วัสดุของเก้าอี้มีผลต่อความสบายและอายุการใช้งาน โดยมีตัวเลือกหลัก ๆ ดังนี้

  • วัสดุตาข่าย (Mesh) ระบายอากาศดี เหมาะสำหรับการใช้งานในระยะยาว : เก้าอี้ที่มีพนักพิงตาข่ายช่วยให้ระบายอากาศได้ดี ลดความร้อนและความอับชื้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานนาน ๆ และต้องการความสบายตลอดวัน
  • วัสดุหนัง (Leather) ดูหรูหราและทำความสะอาดง่าย : เก้าอี้ที่หุ้มด้วยหนังแท้หรือหนังสังเคราะห์ให้ความรู้สึกหรูหรา และสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในออฟฟิศหรือห้องประชุม แต่ข้อเสียคืออาจระบายอากาศได้น้อยกว่าวัสดุตาข่าย
  • วัสดุผ้า (Fabric) ให้ความนุ่มสบาย แต่ดูแลรักษายากกว่า : เก้าอี้ที่หุ้มด้วยผ้าจะให้ความรู้สึกนุ่มสบาย แต่มีโอกาสสะสมฝุ่นและดูดซับคราบสกปรกได้ง่าย จึงต้องมีการทำความสะอาดเป็นประจำ

3. พิจารณาความสามารถในการปรับระดับของเก้าอี้

เก้าอี้เพื่อสุขภาพที่ดีควรสามารถปรับระดับได้หลายส่วน เพื่อให้เข้ากับสรีระของแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม

  • ปรับความสูงของเก้าอี้ (Seat Height Adjustment) : ควรเลือกเก้าอี้ที่สามารถปรับระดับความสูงได้ เพื่อให้เท้าของคุณวางราบกับพื้นในขณะที่เข่าทำมุมประมาณ 90 องศา ซึ่งจะช่วยลดแรงกดทับที่ต้นขา
  • ปรับเอนพนักพิง (Reclining Backrest) : พนักพิงที่สามารถเอนปรับระดับได้ช่วยให้สามารถเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างวันได้ โดยทั่วไป ควรเลือกเก้าอี้ที่สามารถเอนได้ประมาณ 100-135 องศา เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
  • ปรับที่รองแขน (Adjustable Armrests) : หากที่รองแขนสามารถปรับความสูง ความกว้าง หรือปรับมุมได้ จะช่วยให้คุณสามารถจัดท่านั่งให้ถูกต้องและลดอาการปวดไหล่ได้

4. เลือกเก้าอี้ให้เหมาะกับสรีระและขนาดตัวของผู้ใช้งาน

เก้าอี้ที่ดีควรมีขนาดพอดีกับร่างกายของผู้ใช้ โดยพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้

  • ขนาดของเบาะรองนั่ง : ควรมีความกว้างเพียงพอให้สามารถนั่งได้สบายโดยไม่รู้สึกอึดอัด และมีความลึกที่ช่วยให้หลังพิงกับพนักพิงได้โดยที่ขาไม่ลอยจากพื้น
  • รองรับน้ำหนักตัวได้เหมาะสม : ตรวจสอบว่าเก้าอี้ที่เลือกสามารถรองรับน้ำหนักของคุณได้ โดยทั่วไปเก้าอี้เพื่อสุขภาพมาตรฐานสามารถรองรับน้ำหนักได้ประมาณ 100-150 กิโลกรัม แต่หากคุณมีน้ำหนักมาก ควรเลือกเก้าอี้ที่รองรับน้ำหนักได้สูงกว่า

5. เลือกตามงบประมาณและความคุ้มค่า

เก้าอี้เพื่อสุขภาพมีหลายระดับราคา ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับวัสดุ ฟังก์ชัน และแบรนด์ที่เลือกซื้อ

  • งบประมาณต่ำ (3,000 – 5,000 บาท) : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก้าอี้เพื่อสุขภาพเบื้องต้น มีฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น ปรับความสูง พนักพิงรองรับหลัง แต่คุณภาพของวัสดุอาจไม่พรีเมียมมาก
  • งบประมาณปานกลาง (5,000 – 10,000 บาท) : ได้เก้าอี้ที่มีวัสดุดีขึ้น รองรับสรีระได้ดีกว่า มีฟังก์ชันปรับระดับมากขึ้น
  • งบประมาณสูง (10,000 บาทขึ้นไป) : เป็นเก้าอี้เพื่อสุขภาพเกรดพรีเมียม ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ มีวัสดุคุณภาพสูง และรองรับการใช้งานในระยะยาวได้ดีมาก

10 อันดับ เก้าอี้เพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ราคาถูก คุณภาพดี ปรับระดับส่วนต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ

ต่อไปทุกคนจะได้พบกับ 10 อันดับ เก้าอี้เพื่อสุขภาพ ที่ได้รับความนิยม และเหมาะสำหรับการใช้งาน ถ้าอยากรู้กันแล้ว สามารถดูจากรีวิวด้านล่างได้เลยครับ

1. Modernform เก้าอี้ Steelcase ergonomic รุ่น Gesture

Modernform เก้าอี้ Steelcase ergonomic รุ่น Gesture

ราคา 48,900 บาท

ปรับได้รอบด้าน รองรับทุกอิริยาบถของร่างกาย พร้อมรับประกันยาวนานถึง 12 ปี

รายละเอียด: Modernform Steelcase Gesture เป็นเก้าอี้เพื่อสุขภาพระดับไฮเอนด์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยระบบพนักพิง Wrapped Back ที่มี Lumba Support รองรับหลังส่วนล่าง ลดอาการปวดเมื่อนั่งทำงานเป็นเวลานาน โครงสร้างทำจาก โพลีพรอพไพลีนและไนลอนผสมใยแก้ว แข็งแรงทนทาน พร้อมพนักพิงสูงที่ช่วยให้การนั่งสบายขึ้น

จุดเด่นอีกอย่างคือ ที่พักแขนปรับได้ 360 องศา สามารถบิด ซ้าย-ขวา เลื่อนหน้า-หลัง รองรับทุกท่วงท่าของการทำงาน นอกจากนี้ เบาะนั่งยังผลิตจาก ฟองน้ำโพลียูรีเทนหุ้มผ้า ที่ให้สัมผัสนุ่มสบาย และสามารถปรับความลึกได้ ระบบ ซิงโครไนซ์โยกเอนได้ 4 ระดับ ปรับความสูงและความหนืดของพนักพิงได้ตามต้องการ เสริมด้วย ล้อโพลีพรอพไพลีน ที่เลื่อนได้อย่างราบรื่น Modernform Steelcase Gesture จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่มองหาเก้าอี้สุขภาพที่รองรับการเคลื่อนไหวทุกทิศทางและมาพร้อมการรับประกันยาวนานถึง 12 ปี

2. เก้าอี้สุขภาพ Bewell Esteem Plus

เก้าอี้สุขภาพ Bewell Esteem Plus

ราคา 12,999 บาท

ปรับได้รอบด้าน รองรับทั้งศีรษะ แผ่นหลัง และแขน เพื่อความสบายสูงสุด

Bewell Esteem Plus ออกแบบมาเพื่อให้การนั่งทำงานเป็นเวลานานสบายขึ้น ด้วยพนักพิงที่กว้างถึง 47.5 ซม. และสูง 60 ซม. รองรับแผ่นหลังได้เต็มที่ พร้อมวัสดุ ผ้าตาข่าย ที่ช่วยระบายอากาศ ลดความอับชื้น ไม่ทำให้ร้อนหลัง นอกจากนี้ ยังมี ที่รองรับแผ่นหลังส่วนล่าง พร้อมปุ่มปรับระดับที่ใช้งานง่าย ช่วยให้การนั่งทำงานถูกหลักสรีระมากขึ้น

อีกหนึ่งจุดเด่นคือ ที่วางแขนแบบปรับได้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นขึ้น-ลง เลื่อนหน้า-หลัง หรือเอียงซ้าย-ขวา รองรับทุกอิริยาบถ เพิ่มความสะดวกสบาย เบาะนั่งผลิตจาก โฟมแท้ ที่นุ่มและหุ้มด้วยผ้ากันน้ำ ช่วยป้องกันคราบและการซึมเปื้อน โครงสร้างแข็งแรง รับประกัน ล้อและโช้คยาวนานถึง 3 ปี Bewell Esteem Plus จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเก้าอี้สุขภาพระดับพรีเมียม ที่ปรับได้รอบด้านเพื่อการนั่งที่สมบูรณ์แบบ

3. Modernform เก้าอี้ Steelcase ergonomic รุ่น Think v2 Platinum

Modernform เก้าอี้ Steelcase ergonomic รุ่น Think v2 Platinum

ราคา 29,400 บาท

ดีไซน์ทันสมัย รองรับหลักการยศาสตร์ พร้อมระบบปรับแต่งที่ลงตัว

Steelcase Think v2 Platinum คือเก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพที่ออกแบบมาให้รองรับสรีระของผู้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยระบบ Lumbar Support ที่ช่วยกระจายน้ำหนักและรองรับหลังส่วนล่าง ลดอาการปวดเมื่อนั่งทำงานเป็นเวลานาน พนักพิงสามารถ ปรับระดับความสูงและองศาการเอนได้อย่างสมดุล พร้อมระบบโยกเอนแบบ ซิงโครไนซ์ ที่ช่วยให้การเอนพิงเป็นไปอย่างนุ่มนวล เพิ่มความผ่อนคลายในทุกท่วงท่า

นอกจากนี้ เบาะที่นั่งยังสามารถ ปรับระดับความลึก เพื่อให้เหมาะกับรูปร่างของแต่ละคน และเสริมด้วย ที่พักแขนปรับได้ 4 ทิศทาง ช่วยให้รองรับแขนในทุกอิริยาบถได้อย่างลงตัว วัสดุคุณภาพสูงและงานประกอบที่แข็งแรงช่วยให้เก้าอี้ตัวนี้เป็น การลงทุนที่คุ้มค่า เพราะสามารถใช้งานได้นานถึง 12 ปี หากคุณกำลังมองหาเก้าอี้เพื่อสุขภาพที่ทั้งดูดี นั่งสบาย และรองรับการทำงานหนัก Steelcase Think v2 Platinum คือตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวัง

4. Ergotrend เก้าอี้เพื่อสุขภาพเออร์โกเทรน รุ่น ERGO JOY PRO

Ergotrend เก้าอี้เพื่อสุขภาพเออร์โกเทรน รุ่น ERGO JOY PRO

ราคา 7,999 บาท

พนักพิงและเบาะตาข่าย โปร่งสบาย ระบายอากาศดีเยี่ยม เหมาะกับอากาศร้อน

Ergotrend ERGO JOY PRO ออกแบบมาเพื่อลดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน ด้วยพนักพิงและเบาะที่ทำจาก ตาข่ายโปร่ง ระบายอากาศได้ดี ไม่เก็บความร้อน เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น นอกจากนี้ พนักพิงยังออกแบบให้มีส่วนเว้ารองรับหลังส่วนล่าง (Lumbar Support) พร้อมปรับระดับความสูงของพนักพิงได้ตามต้องการ เพิ่มความกระชับให้กับสรีระ

จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ ปรับแต่งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นที่รองคอที่ปรับทั้งความสูงและองศาได้ พนักพิงที่ปรับเอนได้พร้อมระบบล็อค และที่วางแขนที่ปรับเข้า-ออก และปรับความสูงได้ นอกจากนี้ เบาะรองนั่งยังสามารถปรับความลึกได้ ทำให้เหมาะกับผู้ใช้งานหลากหลายรูปร่าง รองรับน้ำหนักได้ถึง 120 กก. และมาพร้อมระบบปรับความสูง-ต่ำของเก้าอี้ เพื่อให้ทุกคนสามารถนั่งในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด ถ้าคุณต้องการเก้าอี้เพื่อสุขภาพที่ทั้งเย็นสบายและปรับได้อิสระ ERGO JOY PRO คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์

5. Modernform เก้าอี้ Steelcase ergonomic รุ่น Series1

Modernform เก้าอี้ Steelcase ergonomic รุ่น Series1

ราคา 16,000 บาท

ปรับสรีระอัตโนมัติ พร้อมรองรับหลังอย่างสมบูรณ์ บรรเทาปวดเมื่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Modernform Steelcase Series1 คือทางออกสำหรับมนุษย์ออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงหลักการยศาสตร์อย่างแท้จริง เก้าอี้รุ่นนี้โดดเด่นด้วยระบบพนักพิงที่ผลิตจากโพลีพรอพไพลีนพร้อมเฟล็กเซอร์ยืดหยุ่นที่รองรับกระดูกสันหลังอย่างเป็นธรรมชาติ และที่เหนือกว่าคือระบบปรับน้ำหนักอัตโนมัติที่ปรับตามสรีระของผู้นั่งโดยไม่ต้องปรับตั้งให้ยุ่งยาก

ที่นั่งหุ้มด้วยผ้าคุณภาพสูงบนฟองน้ำโพลียูรีเทรนให้ความนุ่มสบายแม้นั่งทั้งวัน ขณะที่ที่วางแขนปรับได้ถึง 4 ทิศทางเพื่อรองรับทุกท่วงท่าการทำงาน ไม่ว่าจะพิมพ์งาน จดโน้ต หรือประชุมออนไลน์ ด้วยราคา 16,000 บาท อาจดูเป็นการลงทุนที่สูง แต่เมื่อเทียบกับค่ารักษาอาการปวดหลังในระยะยาวและประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น Steelcase Series1 คือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่คุ้มค่าอย่างแท้จริง

6. Modena เก้าอี้สุขภาพ รุ่น Kama Plus

Modena เก้าอี้สุขภาพ รุ่น Kama Plus

ราคา 4,990 บาท

รองรับสรีระหลังได้อย่างดี ด้วยเทคโนโลยี Dynamic Spring และเบาะโฟมแน่นพิเศษ

หากคุณกำลังมองหาเก้าอี้เพื่อสุขภาพที่ออกแบบมาเพื่อลดอาการปวดเมื่อยและเพิ่มความสบายขณะนั่งทำงาน Modena รุ่น Kama Plus คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยพนักพิงที่ใช้ Dynamic Spring Technology รองรับหลังส่วนล่างอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมผ้า Mesh คุณภาพสูง ที่ช่วยระบายอากาศ ลดความอับชื้นขณะนั่งนานๆ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมที่พักศีรษะปรับระดับได้ รองรับต้นคอ ลดอาการเมื่อยล้า

โครงสร้างของเก้าอี้ทำจาก PP NANO แข็งแรงทนทาน รองรับการใช้งานหนัก ส่วนเบาะนั่งผลิตจาก โฟมแน่นพิเศษขึ้นรูปชิ้นเดียว ช่วยกระจายแรงกดทับ ลดอาการปวดก้นกบ การเอนได้ถึง 135 องศา พร้อมระบบล็อคเพิ่มความปลอดภัย และ ล้อ PU ขนาดใหญ่ ที่เลื่อนได้ลื่นไหลโดยไม่ทำให้พื้นเป็นรอย Modena Kama Plus จึงเป็นเก้าอี้ที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพและความสบายของคนไทยอย่างแท้จริง

7. Modena เก้าอี้เพื่อสุขภาพ รุ่น Kama Pro

Modena Kama Pro

ราคา 4,990 บาท

มาพร้อมเทคโนโลยี Dynamic Spring รองรับหลังส่วนล่างอย่างสมบูรณ์

Modena Kama Pro คือคำตอบสำหรับคนทำงานที่ต้องการเก้าอี้คุณภาพดีในงบประมาณที่เอื้อมถึงได้ ด้วยราคาเพียง 4,990 บาท แต่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระดับพรีเมียม โดดเด่นด้วยพนักพิงผ้า Mesh ระบายอากาศได้ดีเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย และมาพร้อม Dynamic Spring Technology ที่รองรับหลังส่วนล่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ ลดอาการปวดเมื่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เก้าอี้รุ่นนี้เปี่ยมด้วยความยืดหยุ่นในการปรับใช้งาน ทั้งที่พักศีรษะปรับขึ้นลงได้ ที่วางแขนปรับได้ 3 ทิศทาง และระบบเอนหลังถึง 135 องศาพร้อมล็อคตำแหน่งได้ตามต้องการ ตัวเบาะใช้โฟมแน่นพิเศษขึ้นรูปชิ้นเดียวช่วยกระจายน้ำหนักได้ดี โครงสร้าง PP NANO และขาอลูมิเนียมให้ความแข็งแรงทนทานเกินราคา Modena Kama Pro จึงเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่คุ้มค่าอย่างที่สุดสำหรับคนงบน้อยแต่ใส่ใจสุขภาพ

8. ADAM เก้าอี้คอมเพื่อสุขภาพ สไตล์โมเดิร์น รุ่น DOT.2

ADAM เก้าอี้คอมเพื่อสุขภาพ สไตล์โมเดิร์น รุ่น DOT.2

ราคา 3,229 บาท

ดีไซน์โมเดิร์นพร้อมพนักพิงแบบ S-Shape ที่รองรับกระดูกสันหลังตามหลักสรีระศาสตร์

ADAM DOT.2 คือตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับผู้ที่ต้องการเก้าอี้เพื่อสุขภาพในราคาประหยัด แต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพการใช้งาน ด้วยราคาเพียง 3,229 บาท แต่มาพร้อมดีไซน์โมเดิร์นที่สามารถเข้ากับทุกมุมทำงาน ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศหรือโฮมออฟฟิศ จุดเด่นอยู่ที่พนักพิงหลังรูปทรงคลื่น S-Shape ที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ช่วยรองรับกระดูกสันหลังอย่างถูกต้อง ลดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน

ความสะดวกสบายเพิ่มเติมมาจากระบบปรับความสูงที่ช่วยให้เก้าอี้รองรับการใช้งานกับโต๊ะทุกระดับ และที่วางแขนพับได้ 90 องศาที่ไม่เพียงเพิ่มความสบายขณะใช้งาน แต่ยังช่วยประหยัดพื้นที่เมื่อไม่ได้ใช้งาน เก้าอี้รุ่นนี้ยังมาพร้อมการรับประกันยาวนานถึง 3 ปี สะท้อนถึงความมั่นใจในคุณภาพการผลิต ADAM DOT.2 จึงเป็นการลงทุนด้านสุขภาพที่คุ้มค่าและยืนยาวสำหรับคนงบน้อยที่ไม่อยากละเลยการดูแลสุขภาพ

9. NUBWO REGEN เก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพ รุ่น Air-Flow NXRG01

NUBWO REGEN เก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพ รุ่น Air-Flow NXRG01
xr:d:DAFqUNFSkDU:2137,j:7026023945052417903,t:23110805

ราคา 3,990 บาท

ออกแบบด้วยผ้าตาข่าย Air-Flow ระบายอากาศเยี่ยมยอด พร้อมฟังก์ชันปรับแต่งได้ครบถ้วน

NUBWO REGEN Air-Flow NXRG01 ถือเป็นการเปิดตัวครั้งสำคัญของ Nubwo ในตลาดเก้าอี้เพื่อสุขภาพ ด้วยราคา 3,990 บาท แต่มาพร้อมคุณสมบัติที่แข่งขันได้กับเก้าอี้ระดับพรีเมียม จุดเด่นที่สุดอยู่ที่วัสดุผ้าตาข่าย Air-Flow ที่ใช้ทั้งพนักพิงและเบาะนั่ง ช่วยระบายอากาศได้ดีเยี่ยม เหมาะอย่างยิ่งกับสภาพอากาศร้อนชื้นของเมืองไทย ทำให้นั่งได้ยาวนานโดยไม่รู้สึกอึดอัดหรือเหงื่อออก

พนักพิงหลังออกแบบตามหลักสรีระแบบ S Curve ที่โอบรับแผ่นหลังและเอวได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมระบบปรับความลึกของเบาะที่ช่วยให้คุณสามารถปรับให้เข้ากับสัดส่วนร่างกายได้อย่างลงตัว ส่วนที่พักศีรษะและที่วางแขนสามารถปรับได้แบบ 3D ทำให้รองรับทุกท่วงท่าการทำงาน และที่สำคัญคือระบบเอนหลังปรับได้ตั้งแต่ 90-130 องศา ที่ช่วยให้สลับระหว่างโหมดทำงานและโหมดพักผ่อนได้ในเก้าอี้ตัวเดียว นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน

10. เก้าอี้สุขภาพ Bewell Glory

เก้าอี้สุขภาพ Bewell Glory

ราคา 4,799 บาท

ดีไซน์เท่ มีสองสีให้เลือกและปรับความสูงได้ เหมาะกับการใช้งานทั้งที่ออฟฟิศและที่บ้าน

Bewell Glory คือตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการเก้าอี้เพื่อสุขภาพที่มาพร้อมดีไซน์สวยงามโดดเด่น ในราคา 4,799 บาท เก้าอี้รุ่นนี้ถูกออกแบบตามหลัก Ergonomics เพื่อแก้ปัญหาออฟฟิศซินโดรม ที่คนทำงานหน้าคอมพิวเตอร์มักเผชิญในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงการรองรับสรีระร่างกายอย่างถูกต้องเพื่อลดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งเป็นเวลานาน

จุดเด่นของ Bewell Glory อยู่ที่ความลงตัวระหว่างประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม มีให้เลือกสองสีคือเทาและดำ ที่เข้ากับทุกสไตล์การตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศสมัยใหม่หรือมุมทำงานที่บ้าน ระบบปรับระดับความสูงช่วยให้สามารถปรับให้เข้ากับโต๊ะทำงานทุกขนาด ทำให้มั่นใจได้ว่าการนั่งทำงานจะอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ Bewell Glory จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพไปพร้อมกับความสวยงามของพื้นที่ทำงาน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเก้าอี้เพื่อสุขภาพ

1. เก้าอี้เพื่อสุขภาพต่างจากเก้าอี้ธรรมดายังไง?

เก้าอี้เพื่อสุขภาพถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomics) เพื่อช่วยรองรับสรีระของผู้ใช้งาน ลดแรงกดทับบริเวณหลัง ไหล่ และต้นคอ ในขณะที่เก้าอี้ธรรมดามักไม่มีการรองรับที่เพียงพอ อาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยนั่งนาน ๆ

2. เก้าอี้เพื่อสุขภาพจำเป็นต้องมีพนักพิงศีรษะ (Headrest) หรือไม่?

ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน หากต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน การมีพนักพิงศีรษะช่วยรองรับต้นคอ ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อไหล่และคอได้ แต่หากเป็นงานที่ต้องเคลื่อนไหวบ่อย ๆ อาจเลือกเก้าอี้ที่ไม่มีพนักพิงศีรษะแทน

3. เลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงตาข่าย (Mesh) หรือพนักพิงหนัง (Leather) ดีกว่ากัน?

  • พนักพิงตาข่าย (Mesh) ระบายอากาศได้ดี เหมาะกับสภาพอากาศร้อน หรือผู้ที่ต้องนั่งทำงานนาน ๆ
  • พนักพิงหนัง (Leather) ดูหรูหรา ทำความสะอาดง่าย แต่ระบายอากาศได้ไม่ดีเท่าตาข่าย อาจรู้สึกร้อนเมื่อนั่งนาน ๆ

4. ควรเลือกเก้าอี้เพื่อสุขภาพที่ปรับเอนได้กี่องศา?

แนะนำให้เลือกเก้าอี้ที่สามารถปรับเอนได้ 100-135 องศา เพราะจะช่วยให้สามารถเอนหลังพักผ่อนได้อย่างเหมาะสม และช่วยลดแรงกดที่กระดูกสันหลัง

5. เบาะรองนั่งแบบไหนนั่งสบายที่สุด?

เบาะที่ดีควรมีความหนาแน่นพอเหมาะ ไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป ควรเลือกวัสดุเช่น เมมโมรี่โฟม หรือโฟมที่มีความยืดหยุ่นสูง เพราะช่วยกระจายน้ำหนัก ลดแรงกดทับที่สะโพกและต้นขา

6. จำเป็นต้องมีที่รองแขน (Armrest) หรือไม่?

ที่รองแขนช่วยลดแรงกดที่หัวไหล่และแขนขณะพิมพ์งาน หากสามารถปรับระดับให้เหมาะสมได้ จะช่วยให้ท่านั่งสบายขึ้นและลดอาการปวดเมื่อย

7. เก้าอี้เพื่อสุขภาพรองรับน้ำหนักได้เท่าไหร่?

ส่วนใหญ่รองรับน้ำหนักได้ 100-150 กิโลกรัม แต่หากมีน้ำหนักมาก ควรเลือกเก้าอี้ที่รองรับน้ำหนักได้มากขึ้นเพื่อความแข็งแรงและทนทาน

8. เก้าอี้ราคาแพงกว่าดีกว่าเสมอไปไหม?

ไม่เสมอไป ควรเลือกจากคุณสมบัติที่เหมาะสมกับสรีระและการใช้งานของตัวเอง มากกว่าการเลือกเพราะราคาแพง บางรุ่นอาจมีราคาสูงเพราะดีไซน์หรือแบรนด์ แต่ไม่ได้มีฟังก์ชันที่จำเป็นสำหรับคุณ

9. ควรปรับความสูงของเก้าอี้อย่างไรให้เหมาะสม?

เท้าควรแตะพื้นเต็มฝ่าเท้า ขณะที่เข่าทำมุม 90 องศา และต้นขาขนานกับพื้น หากสูงหรือต่ำเกินไป อาจทำให้เกิดอาการปวดขาหรือสะโพกได้

10. เก้าอี้เพื่อสุขภาพช่วยแก้ปัญหาปวดหลังได้จริงหรือไม่?

ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ต้องใช้งานควบคู่กับการนั่งให้ถูกต้อง เช่น ปรับพนักพิงให้รองรับแผ่นหลัง วางเท้าให้เต็มพื้น และเปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะ

บทส่งท้าย

เก้าอี้เพื่อสุขภาพ เป็นตัวเลือกที่ช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน ด้วยการออกแบบที่รองรับสรีระอย่างเหมาะสม ทั้งพนักพิงที่ช่วยพยุงหลัง หมอนรองเอว และที่วางแขนที่ปรับได้ ช่วยให้ร่างกายอยู่ในท่านั่งที่ถูกต้อง ลดแรงกดทับและความเมื่อยล้า นอกจากนี้ วัสดุที่ใช้ยังช่วยให้ระบายอากาศได้ดี เพิ่มความสบายขณะนั่ง หากคุณต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน การลงทุนในเก้าอี้เพื่อสุขภาพจึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า เพื่อสุขภาพที่ดีและประสิทธิภาพในการทำงานที่ดียิ่งขึ้น

About the Author: Tangthon

สวัสดีครับ ผมตังค์ทอน ผู้ที่มีความสนใจของใช้ต่าง ๆ ทั้งภายในบ้าน และนอกบ้าน เพราะเป็นของใช้ที่มีประโยชน์ ช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี และใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ผมจึงอยากเขียนรีวิวแนะนำสินค้าต่าง ๆ รวมทั้งแนะนำวิธีการเลือกซื้อเพื่อให้ผู้ที่สนใจและกำลังมองหาสินค้านั้น ๆ ได้ทราบ เพื่อที่จะได้นำไปใช้ในการตัดสินใจ ให้สามารถเลือกได้ง่ายยิ่งขึ้น สิ่งไหนดี สิ่งไหนน่าใช้ ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดีที่สุด สามารถหาคำตอบได้ จากในบทความเลยครับ

You might like