ถ้าจะพูดถึงโน๊ตบุ๊คร่างเล็ก ตัวที่น่าสนใจคงไม่พ้น ASUS ZenBook 13 UX333 โน๊ตบุ๊คร่างเล็ก บางเบา พกพาง่าย ไปได้ทุกที่ โดยเจ้าโน๊ตบุ๊คตัวนี้เป็นรุ่นที่มีขนาดเล็กมาก ๆ เล็กที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ครับ
โดยมันมีขนาดแค่ 13.3 เล็กกว่ากระดาษ A4 เสียอีกนะ เชื่อเลยในความเล็ก ส่วนน้ำหนักนั้นก็บางเบาหวิวเพียง 1.19 กิโลกรัมเท่านั้นเอง ดีมากเลยใช่ไหมล่ะครับ
อีกความโดดเด่นนึงที่ต้องพูดถึงคือ เรื่องการออกแบบ โดยเจ้า ASUS ZenBook 13 UX333 ตัวนี้ทำมาจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน และด้วยรุ่นนี้มีขนาดที่เล็กจึงเหมาะมากแก่การพกพาไปนอกสถานที่ เบา สบาย สะดวกสุด ๆ แต่ก็ต้องยอมรับข้อนึงนะครับว่าเจ้าตัวนี้เป็นรุ่นเล็กสเปคอาจจะไม่ได้แรงมากมาย แต่ประสิทธิภาพในการใช้งานต้องยอมรับว่าดีมาก ๆ ครบเครื่องเรื่องการทำงานเลยทีเดียว
และในวันนี้ผมจะมารีวิว ASUS ZenBook 13 UX333 โดยรีวิวตัว I7 นะครับ แบบสี Burgundy Red ทีทำออกมาได้อย่างสวยงาม มีความหรูหราเล็ก ๆ แต่แฝงไปด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เป็นอย่างไรบ้างเริ่มสนใจขึ้นมาแล้วใช่ไหมครับ ถ้าใครยังมีคำถามว่าจะ ซื้อโน๊ตบุ๊ค รุ่นไหนดี 2019 งั้นอย่ารอช้ามาชมรีวิวเต็ม ๆ กันเลยครับ
รายละเอียดต่าง ๆ ของ ASUS ZenBook 13 UX333
สเปคของ ASUS ZenBook 13 UX333
- CPU : Intel Core i7-8565U ความเร็ว 1.8GHz มี Turbo Boost (เพิ่มความเร็วได้สูงสุด 4.6GHz) กับ 8MB cache
- VGA : NVIDIA GeForce MX150 2GB GDDR5 VRAM
- RAM : 8GB 2400MHz DDR4 onboard (อัพเกรดแรมไม่ได้)
- HDD : 512GB PCIe 3.0 (ใส่เพิ่มได้อีก 1 ช่อง)
- Display : 13.3 นิ้ว Full HD (1920 x 1080) สัดส่วน 16:9 มี 100% sRGB Color Gamut
- Camera : 3D IR HD camera
- OS : Windows 10 Home
- Connect : Wi-Fi Dual-band 802.11ac gigabit-class และ Bluetooth 5.0
- Port : USB 3.1 Gen 2 Type-C (ความเร็ว 10Gbps และต่อออกจอได้) x 1, USB 3.1 Type-A (ความเร็ว 10Gbps) x 1, USB 3.0 Type-A (ความเร็ว 5Gbps) x 1, HDMI x 1, SD card reader x 1 และช่องเสียบไฟเลี้ยง
- Battery : 73Wh 4-cell lithium-polymer พร้อมเคลมใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 14-15 ชั่วโมง
- Size : 30.2cm x 18.9cm x 1.69cm
- Weight : 1.19kg
ASUS ZenBook 13 UX333 มีนวัตกรรม NumberPad ซึ่งมีความพิเศษมากโดยเราจะสามารถพิมพ์ตัวเลขได้เลยที่แฟ้มพิมพ์ไฟ LED ซึ่งสวยมากและดีมากทีเดียวครับ ในส่วนของจอครับ มีความคมชัดระดับ Full HD ขอบจอทั้ง 4 ด้านมีความบาง ทำให้ไปเพิ่มอัตราส่วนของจออีก 95% เลยทีเดียว ทำให้ ASUS ZenBook 13 นำหน้าคู่แข่งในตลาดไปอีกครับ
และอีกสิ่งหนึ่งนั่นคือมความบางเบา ขนาดเล็กพกพาง่าย ไปไหนได้สะดวกทุกที่ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่โน๊ตบุ๊คตัวนี้มีความน่าสนใจอย่างมากเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ เพราะมันมีขนาดเล็กจริง ๆ เล็กกว่ากระดาษ A4 เสียอีกครับ
ในด้านความแรง ด้วยการ์ดจอ NVIDIA® GeForce MX150 ที่มีความแรง รวมทั้งยังมีการการันตีความทนทานจากการทบสอบ US Military-Grade (MIL-STD-810G) ที่เขาได้ทดสอบเรื่องต่าง ๆ มาแล้วได้รับผลลัพธ์ที่ดีมาก ๆ อีกด้วยครับ
มาเริ่มแกะกล่องกันเลยครับ…
เริ่มเปิดออกมาตัวกล่องก็ไม่ได้มีอะไรมากครับ มีแค่เขียนว่า Zenbook เท่านั้นเรียบ ๆ ครับ แต่ก็พร้อมใช้งานได้ทันทีตัวกล่องอาจะไม่ได้อะไรมากมายแต่ผมอยากจะลองเทสตัวเครื่องมากกว่าครับ ว่าจะเทสแล้วออกมาเป็นยังไงครับ ซึ่งที่ได้มาก็จะมี
- ตัวเครื่อง ASUS ZenBook UX333
- ซองผ้าใส่โน๊ตบุ๊ค
- ตัวแปลง USB-LAN
- Adaptor ชาร์จไฟรองรับการชาร์จเร็ว
- คู่มือ และบัตรรับประกันต่าง ๆ ครับ
ดีไซน์ตัวเครื่อง
สำหรับการดีไซน์ตัวเครื่องครับ ต้องบอกว่าทำได้ดีและดูเป็นรูปแบบเดียวกันทั้งหมดครับ ทั้ง 3 รุ่นย่อย 13-14-15 ในส่วนของฝาหลังจะเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ขนาดของเครื่องครับ ตัวเครื่องเท่านั้นเองครับ ด้วยเจ้า ASUS ZenBook 13 UX333 ตัวนี้มีความบางเบา เล็กกระทัดรัด พกพาสะดวก สวยสมคำร่ำลือในตะกูล Zenbook มากทีเดียว และไฮไลต์ของวันนี้อยู่ที่สี Burgundy Red ที่เป็นสีแดงที่สวยสดอย่างมาก ดูโดยรวมแล้วเข้ากันได้ดีและลงตัวอย่างมากครับ
มาถึงการออกแบบตัวเครื่องครับ ในส่วนของภายในและภายนอกนั้น ใช้วัสดุเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด เมื่อได้ลองสัมผัสแล้วถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลย มำมาจากอลูเมียนทั้งหมด มีความแข็งแรง ทนทาน หายห่วงเรื่องการใช้งานครับ ตรงนี้เหมือนเป็นจุดขายของทาง Asus เลย ที่ทำออกมาได้ลงตัวทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นความบางของตัวเครื่อง สีแดงสวยสดใส ที่ตัดกับส่วนอื่น ๆ มองดูแล้วมีความสวยงามน่าใช้อย่างยิ่ง
ฝาหลังของเจ้า ASUS ZenBook 13 UX333 ยังใช้เป็นลาย Zen ตามแบบฉบับ Zenbook ครับ ตัวเครื่องนั้นจะเป็นสีแดง และโลโก้ของเครื่องจะเป็นสีทอง ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าเป็นการผสมผสานกันที่เล็กตัวเลยระหว่างสีทองและสีแดง สวยมาก ๆ ฐานข้างล่างก็จะมีน็อตยึดกรอบเอาไว้ และมีลำโพงคู่คือ Harman/Kardon รวมทั้งมีช่องระบายอากาศเป็นแนวตรงกลางของเครื่อง ส่วนฐานจะเป็นยางครับ ทำให้เวลาวางเครื่องจะวางได้ดี
ในส่วนของฐานเครื่อง จะยกขึ้นมาได้ นั่นคือ Ergo Lift ยังคงมีมาอยู่เช่นเคย ซึ่งเป็นอะไรที่ผมชอบมาก ๆ เพราะมันช่วยในเรื่ององศาของการพิมพ์ทำให้พิมพ์ได้ถนัดดีทีเดียว ทำให้ไม่เมื่อยมือด้วยครับ อีกเรื่องทีดีมากคือการระบายความร้อน ซึ่งตัวเครื่องนี้มีการระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิมเลยทีเดียว อาจจะเป็นเพราะว่าความบางเบานั่นเอง เลยทำให้ระบายความร้อนออกมาตามแนวยาวของขอบจอ การ์ดจอของเครื่องก็ไม่ได้แรงมาก โดยรวมในเรื่องระบายความร้อยเลยถือว่าโอเคเลยครับ สะบายใจหายห่วง
และสำหรับตรงขอบจอ ก็ทำออกมาได้บางเลยครับ มีลักาณะเป็นจอเงา ๆ กล้องด้านหน้าอยู้ด้านบนขอบหน้าจอ ก็ทำออกมาได้บางมาก ๆ และยังมีการสแกนใบหน้าแบบสามมิติอีกด้วย เลยเหมือนบังคับให้ต้องติดตั้งอยู่ที่บริเวณด้านบน และมันเลยดูเหมือนหนา ๆ อยู่หน่อย ๆ ครับ
อีกความแต่งต่างอีกอย่างครับ ระหว่างจอ 15 ตัวจอจะเป็นแบบ NUMPAD เป็นแบบใหม่เลยผสมผสามกับ Touchpad ถือว่าเป็นอะไรที่ดีมากเลย รู้สึกทันสมัยดีมาก หน้าใครเคยใช้ ROG มา ก็น่าจะมีความเคยชินอยู่แล้ว สิ่งนี้ก็จะมาให้เราได้ใช้ในรุ่น I7 ด้วยนะครับ ไฟสีแดงเองก็สวยมาก ๆ มีความคนชัดสุด ๆ เป็นอะไรที่น่าจับจองเป็นเจ้าของอย่างมากเลยครับ
ประสิทธิภาพของเครื่อง
เจ้า ASUS ZenBook 13 UX333 มาพร้อมกับ CPU Intel i7-8565U ทำให้ประสิทธิภาพและความประหยัดไฟ เป็นไปแบบพอดี ๆ ครับ และยังมี การ์ดจอ MX150 2GB RAM 8GB ให้มาอีกด้วย เป็นการ์ดจอที่แยกมา แต่ว่า ตัวนี้เป็นแบบออนบอร์ดนะครับ เลยทำให้เราไม่สามารถเพิ่มได้ และตัว ความจะเครื่องได้มาเป็น SDD 512GB เร็ว แรง ทะลุนรก ใช้ได้ดีทีเดียว และแถมมาให้อีกอย่างคือ Windows 10 จะเห็นได้ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่แถมมาให้ ครบถ้วนเพียงพอต่อการใช้งานในทันที
แค่ถอยออกมาเป็นเจ้าของเปิดเครื่องปุ๊บ ทำงานได้ทันที่ครับ ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์งาน ฟังเพลงไปด้วย หรือว่าง ๆ จะเล่นเกมส์นิดหน่อย ก็ไหวครับ สะบายหายห่วง แต่เกมส์หนัก ๆ มาก ๆ อาจจะไม่ไหวนะครับ แต่โดยรวมในแง่ของการใช้งาน ครบถ้วนดีครับ
รีวิวนี้จะเป็น CPU I7 รหัส U เป็นตัว Intel Core i7-8565U นะครับ จะเป็นแบบประหยัดพลังงาน ความเร็วประมวลผล 1.8 GHz มี CPU แบบ 4 Core 8 Thread การ์ดจอแบบออนบอร์ด Intel UHD Graphics 620 ตัวนี้ต้องบอกเลยครับว่ารองรับการทำงาน 2 มิติได้เลย แะลการทำงานแบบ 3 มิตินิดหน่อย ก็ได้ครับ สามารถมีเจ้าตัวนี้ไว้ใช้ในงานการทำงานประจำวันได้ทันทีเลย
การ์ดจอที่มีมาด้วย MX150 ก็สามาถรองรับการทำงานสามมิติได้อยู่ครับ ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้นนะครับ แต่ถ้าจะเน้นไปในด้านเกมส์ที่มีกราฟฟิกหนัก ๆ อันนั้นต้องขอให้งดนิดนึงครับ เพราะว่าน่าจะไม่ไหวอาจจะไม่ได้อรรถรสในการเล่นเกมส์ ส่วนการทำงานทั่ว ๆ ไป ถือว่าสอบผ่านอย่างดีครับ
สำหรับคะแนน Cinebench R15 ที่มุ่งเน้นในส่วนของพลังประมวลผล CPU ได้คะแนนที่ 88 FPS และ 522 cb ครับ ซึ่งถือว่าอยู่ระดับกลางของตระกูลประหยัดไป U ทั้งหลายของพวก CPU Gen 8 i7 ครัยถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเลยครับ
และอีกตัว SSD 512GB ประสิทธิภาพของตัวนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่โอเคครับ เพราะว่าสามาถใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ และทำงานอื่น ๆ ถือว่ารวดเร็วใช้งานได้อย่างลื่นไหลเลยครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องการทำงานตามปกติเลย หายห่วง สบายใจได้ครับ
หน้าจอ
ASUS ZenBook 13 UX333 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 13 นิ้ว ความละเอียดของจอภาพ FHD IPS (1920 x 1080) 16:9 ได้มาตรฐาน 100% sRGB แถมยังรองรับมุมมองกว้าง 179 องศา และอัตราส่วนของจอภาพต่อพื้นที่มากถึง 98% ขอบจอ 2.8 มม. สำหรับหน้าจอของรุ่นนี้นั้นเป็นจอแบบกระจกเงาครับ ซึ่งมีความสวยงามคมชัดเป็นอย่างยิ่ง ผมว่าดูสวยและคมชัดกว่าแบบด้านเยอะเลยครับ
แต่ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่รวมถึงผมด้วยจะชอบจอแบบกระจกเงา เพราะสวยและคมชัด แต่ว่าก็อาจจะมีปัญหาอยู่บ้างนิดหน่อยในแง่ของการไปทำงานนอกสถานที่เพราะอาจจะมีการรบกวนสายตา แต่ว่ามันก็เป็นปัญหานิด ๆ หน่อยเองครับ โดยรวมของคุณภาพถือว่าทำออกมาได้ดีเลย สวยคมชัด และสามารถนำไปใช้งานนอกสถานที่ได้ดี
คุณภาพของจอที่ทำออกมานั้น ถ้านำปเทียบกับขนาดจอเพียง 13 นิ้ว ผมคิดว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ แล้ว คิดดูครับขนาดเล็กกว่ากระดาษ A4 อีกนะ และมุมมอง 178 องศา จากการใช้งานจริงนอกสถานที่ถือว่ารองรับการใช้งานได้อย่างดีแล้วครับ
ด้วยจอ IPS นั้น เวลามองจากมุมอื่นก็จะไม่เพี้ยนเลยครับ เหมือนกับมองมุมตรงเลย ทำให้สามารถใช้งานได้ดีทั้งเรื่องการทำงานทั่วไป และการทำงานด้านกราฟฟิก การทำงานด้านตกแต่งรูปภาพก็สามารถทได้ดีเช่นกัน ไม่มีปัญหาเลย สีที่ออกแบบเหมือนกับสีจริงต้นฉบับมากพอสมควรเลยครับ
คีย์บอร์ด และทัชแพด
มาต่อกันที่คีย์บอรืดของเจ้า ASUS ZenBook 13 UX333 กันบ้างครับ คีย์บอร์ดแปเนพิมพ์ของรุ่นนี้จะมาแบบเต็มครับ แต่ว่าจะไม่มี Numpad มาให้นะครับ แต่ก็ไม่ได้ตัดออกไปซะเลยทีเดียว เพียงแต่ย้ายไปอยู่ตรงตำแหน่ง Touchbar เรายังสามารถเปิดใช้งานได้อยู่ ความรู้สึกเวลาใช้งานก็แปลกใหม่ดีครับ ส่วนปุ่มตำแหน่งการวางจะแอบแปลก ๆ ในด้านขอบตัวลูกศร และ ตัวปุ่ม Shift ผมว่ามันเล็กไปหน่อยครับ
แต่ถ้าเราใช้งานตามปกติถือว่าใช้งานได้ดีครับ และในส่วนของการพิมพ์ก็ถือว่าโอเคเลย เพราะว่าเจ้าตัวนี้มีการยกตัวข้างหลังขึ้นมา ทำให้มันพิมพ์ได้ง่าย และระยะองศาไม่เมื่อยมือถือว่าเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้เลยทีเดียว ส่วนปุ่มต่าง ๆ มาพร้อมกับโทนสีเดียวกันทั้งหมดกับตัวเครื่อง รวมทั้งมีไฟสีขาวที่ปรับได้ 3 ระดับ สวยงามเลย
ตัว Touchpad ซึ่งจริง ๆ เล็กกว่าเจ้า UX430 แต่ที่ดีกว่าคือ ตัวสัญลักษณ์ที่อยู่ตรงมุมขวาด้านบน จะเป็นตัวทัชที่เปิดการใช้งาน Numpad ทำหใ้เราสามารถแตะตัวเลขเหมือน Numpad จริง ๆ ครับ การแตะตัวเลขให้สมัผัสเหมือนระบบสัมผัสทั่ว ๆ ไป ใช้งานได้อย่างแม่นยำและไวพอสมควรเลย ตัวเลขนั้นเป็นความสว่างสูงสุด แม้ว่าจะเป็นกลางวันเราก็ยังมองเห็นครับ แสงไปคมชัดจริง ๆ
และในระหว่างที่เราเปิด Numpad เราก็ยังใช้นิ้วแตะเลื่อนไป ๆ มา ๆ ได้อยู่ครับ ไม่ต้องปิด ๆ เปิด ๆ ครับ การใช้งานไม่ยากครับ สบายมาก ๆ
ลำโพง
สำหรับลำโพงของรุ่นนี้เป็นลำโพงจาก Harman/Kardon ยิงลงพื้นในส่วนของด้านหน้า ทั้งสองด้านเลยครับ ทาง Asus ได้ร่วมมือกับลำโพงแบรนด์นี้มาตลอดเลย โดยคุณภาพของเสียงที่ได้จากลำโพง ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเลย ไม่แปลกใจในคุณภาพเลยไม่แพ้รุ่น ๆ อื่นที่เป็นรุ่นพี่เลย เสียงมีความดังและมีมิติคมชัดมาก
แต่ว่ารู้สึกเหมือนมันจะขาดเสียงเบสอยู่เล็กน้อยครับ แต่เสียงอื่น ๆ คุณภาพดีอยู่แล้ว ฟังเพลงดี เพราะมาก ดูหนังลำโพงก็แยกซ้ายขวาออกมาได้ดี แต่ถ้าเล่นเกมส์ Action ยิงปืน ปาระเบิด ระเบิดภูเขาเผากระท่อม อาจจะไม่ระเบิดตู้มต้ามมากครับ ความสะใจอาจจะลดลงไปนิด แต่ภาพรวมก็ค่อนข้างใช้ได้ครับ
ช่องเชื่อมต่อ
ช่องเชื่อมต่อของ ASUS ZenBook 13 UX333 มีช่องทั้งหมดเท่ากับรุ่น 14 นิ้วเลยครับ ถือว่าน่าสนใจมาก ๆ เพราะว่ารุ่นนี้เขาให้ช่องเชื่อมต่อมาครบถ้วยเลย เราสบายเลยครับ ไม่ต้องไปหามาเพิ่มให้เหนื่อย และไม่ตกพหพาตัวช่วยอื่นให้ยุ่งยากวุ่นวาย ถือว่าเอาใจใส่ลูกค้าอย่างเรา ๆ ได้ดีมาก แถมยังให้ตัวแปลง USB-LAN มาให้อีกด้วย รวมทั้งยังรักษาความบางเบาพกพาง่ายไว้ได้เป็นอย่างดีครับ
มาดูด้านซ้ายกันครับ ช่องซ้ายสุดของเครื่อง จะเป็นช่อง DCIN สำหรับจ่ายไฟเข้า ช่อง HDMI ช่อง USB-A 3.1 และ USB-C 3.1 จะเห็นได้ว่ารุ่นนี้จะไม่มีช่องระบายด้านของแบบของรุ่น 15 นิ้ว และพอร์ตทุกช่องเหมือนกับตัว 14 นิ้วทุกอย่างเลยครับ ทั้งการวางตำแหน่งและจำนวนช่องทั้งหมดที่เราได้มา ถือว่าครบถ้วน พร้อมใช้งานทุกสถานการณ์เลยล่ะครับ
ส่วนของด้านขวาครับ จะมีไฟสถานะของตัวเครื่อง ทั้ง 2 จุด พอร์ตช่อง รู 3.5 มม.ที่รวมหูฟังกับตัวไมค์เข้าไว้ด้วยกันครับ และ ช่อง USB-A แบบ 2.0 และ ช่องสำหรับใส่ Micro SD แต่โดยรวมสิ่งที่ได้มาค่อนข้างเพียงพออยู่แล้วครับ ครบครันแล้วเลยสำหรับการใช้งาน แต่ก้เสียดายอยู่อย่าง ตรงที่มันยังมีพอร์ตแบบ 2.0 มา มันค่อนข้างช้าไปหน่อยสำหรับปัจจุบันนี้ครับ
แบตเตอรี่
การใช้งานแบตของรุ่นนี้ บอกไได้เลยครับว่าอึดพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการทำงานทั้งวัน หรือแม้แต่การพิมพ์งานทั่ว ๆ ไป ระยะเวลาการใช้งานมช้ได้นานถึง 11 – 12 ชั่วโมงเลยครับ ใช้ฟังเพลง ทำงาน เล่นอินเตอร์เน็ต ถือว่าอึดทนนาน การทำงานนอกบ้านก็ถือว่าใช้งานได้ทั้งวันเลยครับ
แต่ถ้าเราทำงานที่ใช้สเปคสูง ๆ งานหนัก ๆ เช่นงานกราฟฟิค ตัดต่อวิดีโอ ตัดต่อภาพ ทำ Photoshop ก็จะใช้แบตมากหน่อย ระยะเวลาก็อาจจะอยู่ได้ประมาณ 7 ชั่วโมงครับ
แบตจะหมดเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่การการทำงานของแต่ละคนครับ เพราะแต่ละคนก็ใช้งานไม่เหมือน แต่ถ้าโดยรวมแล้วสเปคขนาดนี้ และแบตที่ได้มา สรุปว่าทำงานได้ทั้งวันสบาย อึด ทน นาน มาก ๆ ครับ
การทำงาน
ต้องยอมรับเลยครับว่าในส่วนของการทำงานกับเครื่องรุ่นนี้นั้น ทำงานได้ดีกว่าที่คิดไว้มาก ด้วย i7+MX150 นี้ สามารถรับมือการทำงาน โปรแกรมพวก Adobe ต่าง ๆ รวมทั้งการทำงานทั่ว ๆ ไป Words Excel และ Power Point ทำงานได้ราบรื่น ไม่มีปัญหาใด ๆ เลยครับ รวมถึงงานด้านการตัดต่อคลิปวิดีโอ ก็ทำได้ดีถ้าไม่ใช้ไฟล์ใหญ่มาก ๆ หายห่วงครับ
ถือว่าโอเคและดีมากเลยครับ ทั้ง I7+SSD+MX150 สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว มีประสิทธิภาพ แต่แย่าลืมกันนะครับว่า เครื่องรุ่นนี้นั้นเป็นเครื่องรุ่นเล็กครับ อาจจะระบายความร้อนตัวเครื่องไม่ค่อยดีเท่าไร แม้ว่าสเปคระดับนี้จะมีความสามารถทำงานต่าง ๆ ได้ แต่ก็คำนึงถึงการระบายความร้อนตัวเครื่องด้วยครับ เพราะถ้าพกพาไปทำงานนอกสถานที่อาจจะต้องหา้องแอร์ทำงานหน่อยนะครับ เพื่อช่วยระบายความร้อนครับ
แต่จากการที่ใช้งานตามปกตินั้น ยังไม่เจอปัญหาอะไรในการทำงานนะครับ จะเจอก็ตอนที่เล่นเกสม์หนัก ๆ กินสเปคหน่อยนั่นล่ะ ต้องบอกเลยว่ามันมีความร้อนสูงมาก สูงจน FPS ตกเลยทำให้เล่นเกมส์ไม่ค่อยลื่นเท่าไร ถ้าจะเล่นกับเครื่องรุ่นนี้ ผมว่าเลือกเกมส์ที่มันเบา ๆ นิดนึงจะสามารถเล่นได้ และถนอมเครื่องไปในตัวด้วยครับ เล่นพอแก้ขัด แต่เน้นการทำงานตามปกติดีกว่า
ASUS ZENBOOK 13
” เล็กกว่า A4 พอร์ตเชื่อมต่อครบในขนาดที่บางและเบา มาพร้อมกับสีแดงโดดเด่น “
ต้องบอกเลยครับว่า ASUS ZenBook 13 UX333 มีสีแดงที่ดูโดเด่นมากจริง ๆ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ยังคงรักษามาตรฐานที่มีคุณภาพไว้ได้อย่างดี งานด้านวัสดุประกอบเครื่อง งานด้านออกแบบทำออกมาได้ดีมาก ๆ ลวดลายก็ดูสวยงามตลิดตัวเครื่อง มีความบางเบา พกพกได้อย่างสะดวกและง่ายดาย และการยกแปฟ้นพิมพ์ขึ้นมาช่วยในการพิมพ์ก็ดีมาก ๆ สะดวกดี ไม่เมื่อยมืออีกด้วยครับ
พร้อมทั้งยังมีการรองรับการทนทานระดับทหารที่มั่นใจได้ในความคงทนของตัวเครื่อง มีระบบสแกนใบหน้ามาให้ด้วย และที่ชื่นชอบอีกอย่างครับ คือมีพอร์ตการเชื่อมต่อมาให้อย่างครบถ้วนครับครับ พร้อมใช้งาน จนประหลาดใจเลย และยังมีเทคโนโลยี Numberpad ที่เข้าใจถึงคนที่ต้องการใช้งานตัวเลขเยอะ ๆ ด้วยครับ
สรุปง่ายก็ประมาณว่า ตัวเล็กแค่เนี้ย แต่ความครบครันจัดเต็มสุด ๆ เก่งเกินตัวจริง ๆ ครับรุ่นนี้
ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่ใช้งานง่าย พกพาง่าย มาพร้อมกับสีแดงสดใส น่าเล่นมากครับตัวนี้ แต่ก็ต้องระวังเรื่องเดียวคือการเล่นเกมส์หนัก ๆ เพราะการระบายความร้อยไม่ค่อยดีเพราะขนาดตัวเล็กครับ และอาจจะงง ๆ นิดนึงต้องการกดปุ่ม Shift เองครับ
ข้อดี
- สีแดงทำให้สวยและโดดเด่นอย่างมาก
- ตัวเครื่อง บาง และ เบา พกพาง่ายมาก เล็กกว่า A4
- มาพร้อม Windows 10 ในตัว
- หน้าจอสีค่อนข้างตรงและคุณภาพสูง
- มาพร้อม SSD 512 GB ความเร็วแรงใช้ได้
- ตัว Numpad+Touchpad ทำงานได้ดีแนวคิดดี
- Ergo Lift ยังคงเป็นสิ่งที่ดีงามประจำแบรนด์นี้
- Military Grade รองรับ MIL-STD 810G
- พอร์ตเชื่อมต่อมาให้ครบเท่าตัว 14 นิ้ว
ข้อสังเกต
- ปุ่ม Shift ค่อนข้างเล็กและปรับตัวกันพอสมควร
- USB 2.0 น่าจะถูกแทนที่ด้วย 3.0 ทั้งหมดได้แล้ว
- ด้วยขนาดของมันทำให้ เวลาเล่นเกมนานๆนั้น GPU ร้อนและทำให้ FPS ตก
- พอร์ต SD Card น่าจะมาให้แทน MicroSD เหมือนรุ่นพี่ ๆ
สรุป
ASUS ZenBook 13 UX333 เป็นเครื่องรุ่นที่น่าใช้งานมาก ๆ อีกตัวหนึ่งทีเดียว ด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ครบครับ สเปคเร็ว แรง การใช้งานลื่นไหล มีสีแดงสวยงาม รวมทั้ง ขนาดที่เล็ก บางเบา พกพาง่าย เหมาะแก่การทำงานนอกสถานที่สุด ๆ พร้อมสรรพมาก ๆ ครับ มีเครื่องเดียวสามารถทำงานต่าง ๆ ได้ในทันที
สุดยอดไหมล่ะครับ ทำงานได้ หลายด้าน ดู หนัง ฟังเพลง และเล่นเกมส์เบา ๆ ได้ดีเลย ระวังเรื่องเดียวแค่การระบายความร้อนเท่านั้นเองครับ ถ้าใครกำลังมองหาว่าจะ ซื้อโน๊ตบุ๊ค รุ่นไหนดี 2019 ผมขอแนะนำรุ่นนี้เลยครับ ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.tech-hangout.com
