15 หนังสือเลี้ยงลูก ปี 2024 แนะนำ หนังสือขายดี สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่

หนังสือเลี้ยงลูก แนะนำ

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่กำลังมองหาหนังสือเลี้ยงลูกอยู่หรือเปล่าค่ะ? บทความนี้ มีหนังสือเลี้ยงลูกที่มีการซื้อไปอ่านแล้วได้ผลมาแนะนำ เป็น หนังสือเลี้ยงลูก ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่ามากในบรรดาคุณพ่อคุณแม่

การตัดสินใจเลือกหนังสือสักเล่มก็เป็นเรื่องอยาก หากได้อ่านบทความนี้ก่อนอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจเลือกหนังสือได้ง่ายขึ้น ไม่มีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ท่านไหนจะมีประสบการ์ณมาก่อน ทุกคนล้วนแต่มีการเริ่มต้นด้วยกันทั้งนั้น

และคุณพ่อคุณแม่อีกหลาย ๆ ท่านอาจมีความกังวลไม่น้อยถึงปัญหาการเลี้ยงลูก ยิ่งคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกเอง หนังสือเลี้ยงลูก จะช่วยตอบโจทย์ปัญหาเหล่านั้น ซึ่งหนังสือเลี้ยงลูก มีหลักการ

และวิธีการรับมือของเด็กแต่ละช่วงวัย และยังแยกแยะออกเป็นหลากหลายเรื่อง หนังสือทุกเล่มนั้น มีข้อดี คือ อยากให้ลูกเป็นเด็กที่มีพัฒนาการที่ดีด้านร่างกาย สติปัญญา และเติบโตสมวัย เป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่ ช่วยเหลือตัวเองได้

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสร้างขึ้นได้ หากคุณพ่อคุณแม่มีประสบการณ์ ในการบ่มเพาะเด็ก ตั้งแต่แรกเกิด จนถึง 3 ขวบ จะทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้ถึงพฤติกรรมของลูก ก่อนที่จะส่งให้ลูกน้อยไปเรียนรู้ในโลกกว้าง การเข้าสังคม การเอาตัวรอด

พอหลังจากที่ลูกน้อยต้องไปโรงเรียน ไปเจอเพื่อนใหม่ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดี หากคุณพ่อคุณแม่มีการปูทางไว้ก่อน การสอนให้ลูกรู้จักตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะจะเป็นพื้นฐานไปสู่การเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ต่อไป

ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ ต้องเข้าใจพฤติกรรมของลูกแต่ละช่วงอายุเสียก่อน ดังนั้น หนังสือเลี้ยงลูก จะเป็นคู่มือที่ดีที่สุด ที่จะแนะนำการเลี้ยงลูกให้คุณพ่อคุณแม่ได้เป็นอย่างดี เมื่อคุณพ่อคุณแม่อ่านหนังสือได้มาก

คุณพ่อคุณแม่ก็จะมีทฤษฎีในการเลี้ยงลูก แล้วนำไปปฏิบัติ ปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิด และรับมือกับปัญหาลูกได้ง่ายขึ้น วันนี้ ตังค์ทอน มีหนังสือแนะนำการเลี้ยงลูก 15 เล่ม มาฝากคุณพ่อคุณแม่ จะมีเล่มไหนบ้างไปดูกันค่ะ

หนังสือเลี้ยงลูก

สารบัญเว็บ ซ่อน
15 เล่ม หนังสือเลี้ยงลูก ปี 2024 แนะนำ คู่มือการเลี้ยงลูก การเลี้ยงลูกเชิงบวก ที่ตอบโจทย์คุณพ่อคุณแม่มือใหม่

15 เล่ม หนังสือเลี้ยงลูก ปี 2024 แนะนำ คู่มือการเลี้ยงลูก การเลี้ยงลูกเชิงบวก ที่ตอบโจทย์คุณพ่อคุณแม่มือใหม่

1. รอถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว

หนังสือรอถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว

      ผู้เขียน : Masaru Ibuka (มาซารุ อิบุกะ)  ผู้แปล : พรอนงค์ นิยมค้า โฮริคาวา  “อัจฉริยบุคคลไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์หรือสายเลือด แต่เกิดจากการเรียนรู้และสภาพแวดล้อม”

หนังสือรอถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว ตีพิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ. 2514 ขายไปกว่าล้านเล่มในญี่ปุ่น ปัจจุบันก็ยังขายอยู่ แนวคิดในเล่มเป็นสากล ไม่ล้าสมัย ในประเทศไทย จัดพิมพ์โดยมูลนิธิหมอชาวบ้าน มากว่า 30 ปี

ชื่อเสียงของหนังสือได้รับการพูดถึงมาตลอด และมักถูกหยิบยกมาอ้างอิงเสมอ ว่าเป็นหนังสือที่พ่อแม่ทุกคนต้องอ่าน ถือเป็นหนังสือคุณภาพดี ระดับต้น ๆ เป็นหนังสือที่นำเสนอแนวคิดเรื่องการศึกษาในเด็กเล็ก

ช่วง 0-3 ขวบ นั่นคือเป็นช่วงที่ทุกคนเกิดมาเหมือนกันหมด คือ ไม่ได้รู้หมดทุกเรื่อง ไม่มีคำว่าฉลาด ไม่มีคำว่า โง่ แต่ที่จริงพฤติกรรม ความสามารถ และอุปนิสัยจะก่อร่างจากการเรียนรู้ ตั้งแต่แรกเกิดถึง 3 ขวบ

ดังนั้นเหตุ และผลที่ต้องดูแลบ่มเพาะเด็กช่วงวัยนี้จึงสำคัญที่สุด ผู้เขียนจึงได้บอกว่า รอให้ถึงอนุบาล (เลย 3 ขวบ) ก็สายเสียแล้ว แต่ละบทเขียนเป็นตอนสั้น ๆ อ่านเข้าใจง่าย เพื่อให้พ่อแม่เข้าใจแนวคิด

และยกตัวอย่างให้เห็นภาพรวม มาซารุ อิบุกะ เสนอแนะว่า สิ่งที่เด็กเรียนรู้อย่างง่าย และไม่รู้ตัวในวัย 2-3 ปีแรกของชีวิตนั้น เป็นสิ่งที่ถ้าเรียนในระยะวัยเติบโตแล้วจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และบางสิ่งบางอย่างอาจจะไม่สามารถเรียนรู้ได้เลยในวัยเติบโต

มาซารุ อิบุกะเขาเขียนถึงเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยความตรงไปตรงมา ด้วยความชัดเจน อ่านเข้าใจง่าย ทุกหน้าที่เขาเขียนเป็นเรื่องจริง และดึงตัวอย่างมาจากประสบการณ์ โดยในหนังสือจะมีเนื้อเรื่องดังต่อไปนี้

สารบัญ

ตอนที่ 1 ศักยภาพของเด็กเล็ก ถูกกำหนดภายใน 3 ขวบ

1 รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว
2 ไม่ว่าเด็กคนไหนก็เลี้ยงให้ดีได้
3 การศึกษาในวัยเด็กเล็ก ไม่ใช่การผลิตอัจฉริยบุคคล
ฯลฯ

ตอนที่ 2 การสร้างสภาพแวดล้อม เพื่อพัฒนาศักยภาพสูงสุดของเด็กเล็ก

16 การศึกษาและสภาพแวดล้อมเหนือกว่ากรรมพันธุ์
17 ลูกหมอก็ไม่แน่ว่าจะเหมาะที่จะเป็นหมอ
18 ลูกของคนถ้าเติบโตในหมู่สัตว์ก็จะกลายเป็นสัตว์
ฯลฯ

ตอนที่ 3 การศึกษาปฐมวัยที่แท้จริง อยู่ในมือของแม่เท่านั้น

82 แม่ที่ไม่มีสายตายาวไกล ให้การศึกษาแก่ลูกไม่ได้
83 สำหรับผู้หญิงไม่มีงานใดสำคัญกว่างานเลี้ยงลูก
84 การศึกษาของเด็กเริ่มต้นที่การศึกษาของแม่
ฯลฯ

2. คู่มือเลี้ยงลูกยุคใหม่ ฉบับสมบูรณ์

คู่มือเลี้ยงลูกยุคใหม่ ฉบับสมบูรณ์ (ปกแข็ง)

      ผู้เขียน : Baby & Kids “สุดยอดเคล็ดลับเลี้ยงลูก สอนพ่อแม่ช่วยพัฒนาสมอง ลูกน้อยช่วงวัยแรกเกิด – 3 ขวบ”

คู่มือเลี้ยงลูกยุคใหม่ ฉบับสมบูรณ์ (ปกแข็ง) เล่มนี้ ได้รวบรวมเนื้อหาความรู้ในการเลี้ยงลูกไว้อย่างครบถ้วน และรอบด้าน ตั้งแต่การเตรียมพร้อมก่อนคลอด การดูแลลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด จนถึง 3 ขวบ

เป็นหนังสือที่ทันสมัย และใช้ได้จริง ทั้งการดูแล การส่งเสริมพัฒนาการ โรคภัยที่ต้องรู้เมื่อต้องดูแลเด็กเล็ก ด้วยข้อมูลวิชาการที่ผ่านการตรวจสอบจากกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมสุดยอดเคล็ดลับเลี้ยงลูก

เทคนิคการดูแลครรภ์คุณภาพ, การดูแลตัวเองหลังคลอดของคุณแม่, การเตรียมความพร้อมให้นมแม่, การสร้างความฉลาด พัฒนาสมองลูกให้ถูกช่วงวัย, และ Mom SOS ช่วยลูกวินาทีฉุกเฉิน เป็นต้น

เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่รู้ทันปัญหาลูกเจนอัลฟ่า เจนเนอเรชั่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมเทคโนโลยี และรู้จักวิธีปรับแก้พฤติกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเด็กวัย Digital Kids พร้อมข้อมูลสำคัญเพื่อการพัฒนาสมองลูกให้ถูกช่วงวัย

เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเลี้ยงลูกเป็นอย่างมาก หากคุณพ่อคุณแม่ได้นำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับช่วงอายุของลูกน้อย ในขณะที่ลูกได้รับการพัฒนาตนเองได้อย่างเหมาะสมนั้น

หนังสือเล่มนี้ ยังคงเป็นอีกหนึ่งผู้ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถพัฒนาตนเองไปพร้อมกับพัฒนาการของลูกได้ จากการตรวจสอบจากกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นเชื่อมั่นได้ว่า สามารถนำมาใช้ได้จริง เหมาะกับการเลี้ยงลูกในยุคปัจจุบัน

3. พูดกับลูกสไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น 

หนังสือเลี้ยงลูก พูดกับลูกสไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น

      ผู้เขียน : Teruko Soda (เทรุโกะ โซดะ)  ผู้แปล : ภาวิณี ตั้งสถาพรพงษ์  “66 ถ้อยคำทำร้ายลูกที่คุณอาจไม่รู้”

หนังสือเลี้ยงลูก พูดกับลูกสไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น เป็นหนังสือที่มีเนื้อหา ข้อเท็จจริง 66 ถ้อยคำทำร้ายลูก ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจเผลอพูดกับลูกบ่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว พร้อมยกตัวอย่างจากสถานการณ์จริงในชีวิตประจำวัน

ถ่ายทอดโดยคุณแม่นักเขียนลูกสาม เจ้าของหนังสือขายดี ด้านวิธีสื่อสารกับเด็ก คำพูดที่สามารถสร้างเสริมความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองให้กับลูก หรือตรงกันข้ามอาจกลายเป็นอาวุธร้าย ที่คอยบั่นทอนจิตใจลูกลดลงวันละนิด

โดยที่คุณพ่อคุณแม่อาจไม่ทันได้คิด บางครั้งอาจพูดด้วยอารมณ์ เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มีสติ ครุ่นคิดมากขึ้น ใคร่ครวญก่อนพูด ช่วยให้คำพูดที่จะสื่อสารกับลูกทุกวัน ไม่เป็นการทำร้ายลูก

อีกทั้งหนังสือเล่มนี้ ยังช่วยให้เราหันกลับมามองตนเองมากขึ้น สำรวจข้อผิดพลาดในการเลี้ยงลูก และแก้ไขทันท่วงที ด้วยคำพูดของคุณพ่อคุณแม่ช่วยให้ลูกรู้คุณค่า และเข้าใจ เติบโตเป็นเด็กดี มั่นใจในตัวเอง และใช้ชีวิตที่มีความสุขค่ะ

4. เลี้ยงลูกชายไม่ยากเลย (ฉบับปรับปรุง) 

เลี้ยงลูกชายไม่ยากเลย (ฉบับปรับปรุง)

      ผู้เขียน : Harasaka Ichiro (ฮะระซะกะ อิชิโร)  ผู้แปล : วิลาศิณี คู่ปัถพี “ปรับพฤติกรรมลูกชายสุดรักอย่างได้ผล ด้วยการ์ตูน 4 ช่อง โดยแบ่งตามสถานการณ์ต่าง ๆ เข้าถึง “วิธีสอน” ที่ทำให้ลูกชายเข้าใจ”

คุณแม่ท่านไหนที่กำลังจะมีลูกชาย บอกเลย เล่มนี้ หนังสือเลี้ยงลูกชายที่ต้องมี ตอนแอดท้องแล้วรู้ว่ากำลังจะได้ลูกชาย แอดรีบหาหนังสือมาอ่าน เล่มแรกที่หยิบมา ก็คือ“หนังสือเลี้ยงลูกชายไม่ยากเลย” เล่มนี้ ถ่ายทอดโดย “ฮะระซะกะ อิชิโร” ครูชาวญี่ปุ่น

เชื่อไหมว่าเป็นหนังสือที่อ่านแล้วมีความสุข เกิดจิตนาการ ลูกฉันคลอดมาจะเป็นแบบไหน จะเป็นแบบนี้ไหม แอดอ่านซ้ำ ๆ หลายรอบ เพราะเนื้อหาในเล่มนำเสนอแบบฮาวทูในรูปแบบการ์ตูนทุกหน้ามีแต่สาระดี ๆ ที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย

เชื่อเถอะ หนังสือมีคุณภาพจริง ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริง และที่สำคัญลูกชายเป็นเหมือนในหนังสือเลยค่ะ ทำให้รับมือได้ง่ายขึ้น เข้าใจเขาง่ายขึ้น จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่คลุกคลีอยู่กับเด็กปฐมวัยมากกว่า 23 ปี

เสมือนเป็นตัวแทนของเด็ก ที่จะมาบอกคุณแม่ทุกท่านว่า ให้ลองฟังเสียงหัวใจลูกดู แล้วจะเข้าใจว่า การที่เด็กแสดงออกในลักษณะต่าง ๆ นั้น เขาคิดอะไรอยู่ เขาอยากได้อะไร แล้วเราจะตอบลูกได้ไม่ยากเลย

หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนกลั่นกรองออกมาอย่างกระชับ เข้าใจได้ทันที ให้คุณแม่รู้ว่า เมื่อจะสอนลูก สิ่งใดควรทำ และสิ่งใดไม่ควรทำ การเลี้ยงลูกจะไม่ยาก หากเราเข้าใจเขา แน่นอนว่าคุณแม่จะสนุกกับการเลี้ยงลูกชายด้วยค่ะ

5. ชีวิตลูกสาวบ่มเพาะได้ 0-6 ขวบ   ชีวิตลูกสาวบ่มเพาะได้ 0-6 ขวบ

      ผู้เขียน : ทาเคะอุจิ เอริกะ “เพียง 6 ปีแรกในชีวิตของเด็กหญิงคนนึง หาพ่อแม่รู้และเข้าใจ เด็กจะสามารถเป็นคนที่ฉลาด และมีความสุข”

ชีวิตลูกสาวบ่มเพาะได้ 0-6 ขวบ เป็นหนังสือเลี้ยงลูกที่แนะนำ อยากเลี้ยงลูกสาวให้เติบโตขึ้นเป็นเด็กฉลาดทั้งสติปัญญาและการใช้ชีวิตไม่ใช่เรื่องยาก เพียงให้ความสำคัญในช่วงก้าวแรกของชีวิตตั้งแต่วัย 0-6 ปี

เพราะเด็กหญิงแตกต่างจากเด็กชาย พฤติกรรม การแสดงออก และพื้นฐานด้านจิตใจ ดังนั้นหากเริ่มต้นบ่มเพาะ ตั้งแต่แเกิด บ่มเพาะ “การรับรู้ความรู้สึกจากสิ่งต่างๆ”1 ขวบ บ่มเพาะ “อิสระในการเรียนรู้”

2 ขวบ บ่มเพาะ “พลังจินตนาการ”3 ขวบ บ่มเพาะ “ใจที่พึ่งพาตนเอง”4 ขวบ บ่มเพาะ “ทักษะการแก้ปัญหา”5 ขวบ บ่มเพาะ “ความกล้ายืนยันความคิดของตนเอง”6 ขวบ บ่มเพาะ “ความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเอง”

เพื่อสร้างสรรค์ลูกสาวให้เติบโตอย่างสมบูรณ์ตามวัยผ่านประสบการณ์คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ คุณทาเคะอุจิ เอริกะ ผู้ศึกษาพฤติกรรมเด็กในประเทศญี่ปุ่นกว่า 9,000 คน มานานกว่า 20 ปี กับ 7 ขั้นตอน ที่ใช้ได้ผล

6. เลี้ยงลูกอย่างไรให้ได้ EF

เลี้ยงลูกอย่างไรให้ได้ EF

      ผู้เขียน : นพ. ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์  “เสริมสร้าง EF และทักษะศตวรรษที่ 21 ให้ลูกน้อยด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ได้ผล”

EF คือ อะไร หนังสือเล่มนี้มีคำตอบ การเลี้ยงลูกอย่างไรให้ได้ EF นั้น ไม่ได้ยากเลยค่ะ เพียงคุณพ่อคุณแม่ต้องตามข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ ด้วยเครื่องมือสื่อสารใหม่ ๆ ความรู้ทุกอย่างหาได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว

แล้วเราจะเลี้ยงลูกอย่างไรกันดี ให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างพร้อมเผชิญกับโลกที่เราเองก็ไม่ได้รู้จักดีนัก คุณพ่อคุณแม่อาจจะเคยได้ยินเรื่อง EF หรือ Executive Function มาบ้างจากสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์คทั้งหลาย

ว่ามันคือความสามารถของสมองและจิตใจที่จะควบคุมความคิด อารมณ์ และการกระทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายได้ ซึ่งสิ่งนี้เองเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับชีวิตในศตวรรษที่ 21 ที่จะช่วยยึดเหนี่ยวเด็ก ๆ ของเราไว้ท่ามกลางความเชี่ยวกรากของโลกในวันข้างหน้า

ส่วนที่ว่าเราจะ “เลี้ยงลูกอย่างไรให้ได้ EF นั้น นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ได้รวบรวมองค์ความรู้จากวิชาชีพ และการสั่งสมประสบการณ์ยาวนาน ถ่ายทอดออกมาได้ง่าย หากเราเข้าใจ และลงมือทำทันที ทำได้แน่นอน ค่ะ

7. ชมลูกให้ถูก ติลูกให้เป็น

ชมลูกให้ถูก ติลูกให้เป็น

      ผู้เขียน : Shimamura Hanako (ชิมะมุระ ฮะนะโกะ)  ผู้แปล : กิ่งดาว ไตรยสุนันท์

“ทำไมเวลาเราเตือนลูกแล้วเขาไม่ฟัง ร้องไห้งอแง และแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว มาเรียนรู้การเลี้ยงดูแบบไม่ชักจูง” ที่จะทำให้มีความสุขทั้งพ่อแม่ และลูกวัย 3-12 ปี”

สำหรับเด็ก ๆ คำชมเปรียบเสมือนรางวัล ส่วนคำตำหนิ ก็ไม่ต่างจากบทลงโทษ เมื่อผู้ใหญ่นำคำชม หรือคำตำหนิมาใช้ในการควบคุมพฤติกรรมของเด็ก โดยขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องพัฒนาการเด็ก

ผลลัพธ์ที่ได้อาจตรงกันข้ามกับความตั้งใจอันดี หรือร้ายกว่านั้น อาจกลายเป็นผลเสียที่กระทบต่อการเลี้ยงดู วิธีชมเชย เก่งมาก ทำได้ดี สุดยอด และ วิธีตำหนิ อย่า ห้าม ไม่ดี ไม่เอา ที่มักพูดโดยไม่ได้คิดจึงมีผลเสีย

หนังสือ “ชมลูกให้ถูก ติลูกให้เป็น” เล่มนี้ เป็นผลงานของ “ชิมะมุระ ฮะนะโกะ” ผู้เขียนซึ่งเคยเป็นครูในระบบการสอนแบบมอนเตสซอรีอยู่ที่ประทศแคนาดา เธอมีประสบการณ์อบรมดูแลเด็กโดยตรง

เนื้อหาในเล่มได้รวบรวมเทคนิคช่วยให้พ่อแม่เปลี่ยน “พฤติกรรมขัดแย้ง” ให้เป็น “พฤติกรรมเชื่อมโยง” กับลูกวัย 3-12 ปี เป็นคู่มือสำหรับผู้ใหญ่ทุกคนที่มุ่งหวังให้เด็ก เติบโตขึ้นเป็นคนที่น่ารัก และเฉลียวฉลาดสมวัย

8. วิธีฝึกเด็กให้ฉลาดและเก่ง 0-3 ขวบ   วิธีฝึกเด็กให้ฉลาดและเก่ง 0-3 ขวบ

      ผู้เขียน : Winifred Conkling (วินิเฟรด คอนคลิง)  ผู้แปล : ภรณี ภูรีสิทธิ์  “ชีวิตในอนาคตของลูก ขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณเเม่ ว่าได้เตรียมความพร้อมให้เขา มากน้อยเพียงใด”

“วิธีฝึกเด็กให้ฉลาดและเก่ง ตั้งแต่แรกเกิด-3 ขวบ” หนังสือเลี้ยงลูก เป็นหนังสือดี เขียนโดย “Winifred Conkling” ได้สรุปแนวทางในการกระตุ้นและพัฒนาเซลล์สมอง รวมทั้งสร้างความ “เฉลียว” และ “ฉลาด”

หนังสือไม่เพียงแค่แนะนำการพัฒนาในเรื่องวิธีคิด และการเรียนรู้ แต่ยังสอนวิธีการเรียนรู้จากความล้มเหลว หนังสือเล่มนี้เหมาะอย่างยิ่งกับคนรุ่นใหม่ ที่เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ คุณครู พี่เลี้ยง และผู้ใหญ่ทุกคน

ที่ต้องการเรียนรู้วิธีกระตุ้น และพัฒนา “สมอง” “ความคิด” และ “จิตใจ” ของเด็ก หนังสือสามารถทำให้พ่อแม่เข้าใจพัฒนาการของลูกได้ และช่วยส่งเสริมสิ่งที่ดี ๆ ให้กับลูก เเล้วยังป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจจะตามมาในอนาคตได้เช่นกัน

หนังสือเล่มนี้ จัดเป็นคู่มือ must-read อีกเล่มหนึ่งที่เเม่ ๆ ทุกคนห้ามพลาด เนื้อหาด้านในอ่านง่าย เข้าใจง่าย เป็นบทสั้น ๆ ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ ช่วยให้การเลี้ยงลูกมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

9. เลี้ยงลูกให้คิดเป็น    เลี้ยงลูกให้คิดเป็น

      ผู้เขียน : จิตรลดา จันทร์ใบ (แม่เอ๋ เจ้าของเพจเลี้ยงลูกให้คิดเป็น)  “สร้างลูก คิดเป็น ทำเป็น ไม่ใช่เรื่องยากเกินพลังรักของแม่”

หนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก เพื่อให้ลูกคิดเป็น โดยจะแบ่งออกเป็น 3 บทใหญ่ คือ การเลี้ยงดู การเรียนรู้ และถึงพ่อแม่ โดยในแต่ละบทจะมีบทย่อย หลายบทที่แนะนำวิธีสั้น ๆ หรือมุมมองในการเลี้ยงลูก

เพื่อฝึกให้ลูกได้คิดตัดสินใจ และใช้ชีวิตในรูปแบบของลูกเองอย่างมีเหตุผล อีกทั้งยังทำให้คุณพ่อคุณแม่ลองมองในมุมของลูก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เข้าใจลูกอย่างแท้จริง ไม่คิดแทนหรือบังคับลูกมากเกินไป

ซึ่งในแต่ละบทย่อย จะมีสรุปท้าย หรือคำคมที่เป็นคีย์เวิดสำคัญในการเลี้ยงลูกให้คิดเป็นอีกด้วย ภายในเล่มพิมพ์ 2 สี มีภาพประกอบน่ารัก ดึงดูด เนื้อหาภายในเล่มมาจากเพจดัง “เลี้ยงลูกให้คิดเป็น Creative Thinking Kids”

10. เลี้ยงลูกเชิงบวก

เลี้ยงลูกเชิงบวก

      ผู้เขียน : แพทย์หญิงเสาวภา พรจินดารักษ์ “รวมบทความเทคนิคการเลี้ยงลูกเชิงบวก และเนื้อหาบทใหม่ที่ไม่เคยตีพิมพ์ที่ไหนมาก่อน”

หนังสือ “เลี้ยงลูกเชิงบวกของหมอเสาวภา” เล่มนี้ เกิดขึ้นจากการรวบรวมบทความส่วนหนึ่งในเพจ “หมอเสาวภาเลี้ยงลูกเชิงบวก” และมีการเขียนบทใหม่เพิ่มอีกหลายบท เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจคอนเซ็ปต์การลูกเชิงบวกมากขึ้น

แล้วนำไปสู่การลงมือทำอย่างเข้าใจ เพื่อพัฒนาสมองของลูกพร้อม ๆ กับพัฒนาตัวตนเขาได้ การเลี้ยงดูที่มุ่งพัฒนาสมองลูก ให้ได้เรียนรู้การเข้าใจตนเอง เรียนรู้การฟังเหตุผลของคนอื่น เป็นตัวของตัวเองโดยไม่ละเมิดกฎกติกา

มีทักษะทางสังคม ไม่แกล้งเพื่อน และไม่โดนเพื่อนแกล้ง แก้ปัญหาได้อย่างมีวิจารณญาณ และสิ่งสำคัญที่สุดนั้นก็คือ สัมพันธภาพระหว่างพ่อแม่ลูกที่ดี มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทั้งหมดนี้คือความหมายของ “การเลี้ยงลูกเชิงบวก”

11. ช้าบ้างไม่เป็นไรสมองฝึกได้ทุกวัน

ิช้าได้ไม่เป็นไรสมองฝึกได้ทุกวัน

      ผู้เขียน : Kato Toshinori (คะโตะ โทะชิโนะริ)  ผู้แปล : ภัทร์อร พิพัฒนกุล

“รู้วิธีสังเกตเข้าใจวิธีดูแล ด้วย 33 กิจกรรมพัฒนาสมอง สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความผิดปกติทางสมอง ที่สัมพันธ์กับความบกพร่องทางพัฒนาการ เพื่อเสริมศักยภาพของเด็กให้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข

เด็กไม่ค่อยพูด หยิบจับสิ่งของไม่ถนัด เขียนหนังสือไม่เก่ง หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้ช้า อาการเหล่านี้คือสัญญาณด้านพัฒนาสมองของสมองที่ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกต เพื่อปรับวิธีเลี้ยงดูลูกให้เหมาะสมกับพัฒนาการของพวกเขา

หนังสือ “ช้าบ้างไม่เป็นไร สมองเด็กฝึกได้ทุกวัน” เล่มนี้ จะช่วยให้คุณเข้าใจการเติบโตของสมองตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยเด็ก และเรียนรู้วิธีสังเกตความผิดปกติที่อาจส่งผลต่อการเรียนรู้ในภายหน้า

เพื่อรับมือปัญหาทางพัฒนาการของลูกได้อย่างเหมาะสม พร้อมการแนะนำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองผู้มีประสบการณ์วินิจฉัยลักษณะเฉพาะของสมองคนหลายวัย และอธิบายสาเหตุของความบกพร่องทางพัฒนาการที่เกิดจากสมองให้เห็นภาพเข้าใจง่าย

เพื่อให้จดจำไปปรับใช้ได้จริงวิธีฝึกสมองด้วย 33 กิจกรรมง่าย ๆ ที่นำไปใช้ได้ทุกวัน อาทิ เกมสลับกันอ่าน เกมเล่าเรื่องจากภาพ เกมจำภาพ เกมต่อคำ เกมเขียนในอากาศ เกมลูกบอลกระดาษ และอีกมากมาย

นำมาสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความผิดปกติทางสมอง ที่สัมพันธ์กับความบกพร่องทางพัฒนาการอย่างเป็นขั้นตอน ปฏิบัติตามได้ง่าย เพื่อเสริมศักยภาพของเด็กใด้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข

12. เข็นฝันขึ้นภูเขา 

เข็นฝันขึ้นภูเขา

      ผู้เขียน : พ.ญ. เบญจพร ตันตสูติ “ต้นทุนทางจิตใจสำหรับทุกคนที่มีความฝันหรือกำลังตามหาความฝัน บนเส้นทางของชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ”

เข็นฝันขึ้นภูเขา หนังสือเลี้ยงลูก เล่มนี้ ลำดับที่ 4 ของ พญ. เบญจพร ตันตสูติ เจ้าของผลงานชุดเข็นเด็กขึ้นภูเขา แต่ผลงานลำดับที่ 4 นี้ต่างออกไป เนื่องด้วยไม่ใช่เรื่องการเลี้ยงลูกอีกแล้ว แต่เป็นการเลี้ยงดูความฝันในใจของทุกคน

ไม่ว่าจะเป็นเด็ก พ่อแม่ ผู้ใหญ่ วัยรุ่น วัยทำงาน ทุกคนควรมีความฝันในใจว่าด้วยเรื่องการเลี้ยงดูความฝันในใจของทุกคน และควรลองค้นดูว่า ความฝันนั้นยังคงส่องสว่างอยู่ในใจเรา หรือมันมอดดับไปแล้ว

เนื้อหาในเล่มจะช่วยให้ผู้อ่านจุดไฟฝันในใจของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง และประคับประคองหล่อเลี้ยงไฟฝันนั้นไม่ให้มอดดับลงไป ในวันที่มีข้อจำกัด ไม่ใช่อุปสรรคของความฝัน โอกาสมีเข้ามาเสมอ แต่เราจะมองเห็น และคว้ามันไว้หรือไม่

บางท่านไม่กล้าฝัน เพราะกลัวความผิดพลาด ขาดความเชื่อมั่น หนังสือนี้ จะช่วยให้พ่อแม่มีความมั่นใจ ก่อนที่จะไปสอนลูก เป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น อย่างทำพูดที่ว่า “จงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ไม่ว่าเราจะเป็นอะไรก็ตาม”

13. วิธีกระตุ้นสมอง และฝึกพัฒนาการ เด็กแรกเกิด – 6 ขวบ

วิธีกระตุ้นสมอง และฝึกพัฒนาการ เด็กแรกเกิด - 6 ขวบ

      ผู้เขียน : Margaret Sasse (มากาเร็ท แซซเซ่)  ผู้แปล : พ.ญ. เกศินี โอวาสิทธิ์ “135 กิจกรรม และวิธีเล่นกับเด็กเล็ก เพื่อกระตุ้นสมอง กล้ามเนื้อ และพัฒนาการทุกด้านให้สมบูรณ์เต็มที่ พร้อมภาพประกอบกว่า 400 ภาพ”

หนังสือเลี้ยงลูก วิธีกระตุ้นสมอง และฝึกพัฒนาการ เด็กแรกเกิด – 6 ขวบ ฉบับปรับปรุง เล่มนี้ เป็นหนังสือวิธีการเล่นกับลูก อย่างง่าย ๆ แปลจากมาหนังสือขายดี Smart Start เขียนโดย “มากาเร็ท แซซเซ่”

ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพัฒนาเด็กจากประเทศออสเตรเลีย ถ่ายทอดผ่านประสบการณ์โดย “แพทย์หญิงเกศินี โอวาสิทธิ์” กุมารแพทย์ผู้ชำนาญการด้านพัฒนาการของเด็ก เป็นหนังสือที่จะมาช่วยสร้างพัฒนาการให้กับเด็กเล็กถึงหกขวบ

กับ 135 กิจกรรม และวิธีเล่นกับเด็กเล็ก พร้อมภาพประกอบกว่า 400 ภาพ ที่คุณพ่อคุณแม่สามรถนำไปเล่นกับลูกได้ที่บ้าน เพื่อเป็นการกระตุ้นสมอง กล้ามเนื้อ และพัฒนาการในทุก ๆ ด้านให้สมบูรณ์อย่างเต็มที่

เป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อการเรียนรู้ที่มีศักยภาพ ของเด็กน้อย ให้มีชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคต หนังสือเล่มนี้เป็นที่นิยมแพร่หลายประเทศ เป็นหนังสือที่นำไปใช้ได้ผลในเด็ก อ่านง่าย เข้าใจง่าย

อีกอย่างหนังสือเล่มนี้ยังเป็นหนังสือที่สร้างช่วงเวลาที่ดีให้กับพ่อแม่ลูก เกิดความสัมพันธ์ที่ดี ลูกรู้สึกได้ถึงความรัก ความเอาใจใส่ เวลามีพ่อแม่มาเล่นด้วย ลูกน้อยจะมีอารมณ์ที่ดี มีความสุข อยากให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดี ควรเล่นกับลูกบ้างนะคะ

14. เลี้ยงลูกให้ถูกตอน 3 ปี ลูกจะทำดีไปตลอดชีวิต

เลี้ยงลูกให้ถูกตอน 3 ปี ลูกจะทำดีไปตลอดชีวิต

      ผู้เขียน : เฉิน ซู่ เจวียน  ผู้แปล : หวัง เผิง “บันทึกของผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและจิตวิทยาเด็ก”

หนังสือ “เลี้ยงลูกให้ถูกตอน 3 ปี ลูกจะทำดีไปตลอดชีวิต” เล่มนี้ เป็นผลงานของ “เฉิน ซู่ เจวียน” ผู้เชียวชาญด้านพัฒนาการและจิตวิทยาเด็ก โดยเธอพยายามชี้ให้เห็นว่า การให้การศึกษาแก่เด็กนั้น

ควรต้องแบ่งออกเป็นช่วงเวลาตามความสำคัญ และตามขั้นตอนของกระบวนการการเติบโตของเด็ก นั่นคือช่วงอายุ 3 ขวบนี่เอง เป็นช่วงที่พัฒนาเด็กได้หลากหลายด้าน อาทิ การรู้จักคิด การจำ บุคลิกภาพ

การสอนเด็กแรกเริ่ม ก่อนถึง 3 ขวบ นั้น เป็นช่วงที่ไม่เพียงแค่สอน ควรแสดงให้เห็น เด็กจะเกิดการเรียนรู้จากพ่อแม่ โดยการที่ให้เด็กรู้จักรับ รู้จักให้ รู้จักการช่วยเหลือตนเองบ้าง และควรสอนเรื่องการเข้าสังคมก่อนที่ลูกจะไปเจอเพื่อนที่โรงเรียน

ซึ่งผลงานของเธอเล่มนี้ ได้เปลี่ยนมุมมองการเลี้ยงดูเด็กของพ่อแม่อย่างมากมาย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-แม่กับลูก กับมารักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้นกว่าเดิม และได้สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ตลอดจนความสุขให้กับหลาย ๆ ครอบครัว

15. จัดการอารมณ์พ่อแม่ = ดูแลอารมณ์ลูก

จัดการอารมณ์พ่อแม่ = ดูแลอารมณ์ลูก

      ผู้เขียน : Carla Naumburg (คาร์ลา นาล์มเบิร์ก ดร.)  ผู้แปล : วโรดม วณิชศิลป์ “วิธีจัดการกับตัวกระตุ้นอารมณ์ พื้นที่ทางกายภาพและทางความคิด ที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้จริง”

หนังสือแนะนำเทคนิคการจัดการความเครียด และอารมณ์ของพ่อแม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ระเบิดอารมณ์ใส่ลูก อาการเหล่านี้ส่งผลร้ายกับลูกไม่ใช่เล่น ๆ และการจัดการอารมณ์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่หนังสือเล่มนี้มีคำตอบที่จะช่วยพ่อแม่ทุกคนได้ มาพบกับเคล็ดลับจัดการความเครียด ซึ่งเป็นบ่อเกิดของอารมณ์ไม่พึงประสงค์ทั้งหลาย เคล็ดลับจัดการยามลูกน้อยตัวป่วนยั่วอารมณ์สุด ๆ รวมถึงเคล็ดลับชะลออารมณ์ที่กำลังพุ่งแทบปรอทแตก

และวิธีไกล่เกลี่ยกับลูกหลังพายุอารมณ์พัดผ่านไป ไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรง หรือจะแก้ไขไม่ได้ อีกทั้งมิใช่ข้อบ่งชี้ว่าเราเป็นพ่อแม่ที่แย่ เด็กที่ถูกพ่อแม่ทำร้ายยืนยันที่จะอยู่กับพ่อแม่ และไม่ยอมกล่าวร้ายพ่อแม่

พวกเขาต้องการพ่อแม่ และพวกเขายินดีอดทนอยู่กับพ่อแม่เสมอ แต่ว่าถ้าพ่อแม่รู้เช่นนี้แล้ว ยังจะไม่พยายามพัฒนาตัวเองบ้างล่ะ หรือพวกเด็ก ๆ ทนอยู่กับเราได้ เพราะเขาไว้ใจว่าเราจะเป็นพ่อแม่ที่ดีได้ ดังนั้นปรับปรุงแก้ไขตอนนี้ก็ยังไม่สาย

สรุป

สำหรับ หนังสือเลี้ยงลูก หนังสือแนะนำการเลี้ยงลูก หนังสือทุกเล่มล้วนแต่มีประโยชน์ แต่หนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกเข้าใจง่าย นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง แก้ไขปัญหา หรือแม้กระทั้งเป็นคู่มือในการสอนลูก

เสริมสร้างพัฒนาการของลูกนั้น หนังสือดี ตอบโจทย์เรา บางครั้งก็หายาก พอสมควร การที่เราซื้อหนังสือผ่านออนไลน์ ข้อดีคือ ได้อ่านข้อมูลเนื้อหาก่อนตัดสินใจซื้อ ได้อ่านรีวิวจากคุณพ่อคุณแม่ที่ได้ซื้อไปอ่านจริง

คุณพ่อคุณแม่เคยเป็นกันไหม เวลาไปซื้อหนังสือสักเล่มที่ร้านขายหนังสือ หนังสือนั้นมีการห่อหุ้มพลาสติก ทำให้เราไม่รู้เนื้อหาข้างใน บ้างครั้งตัดสินใจซื้อมาอาจจะใช้ไม่ได้ ไม่ตอบโจทย์อย่างที่ต้องการ

อย่างไรแล้วคุณพ่อคุณแม่ที่ได้อ่านบทความนี้ อาจตัดสินใจหยิบหนังสือได้สักเล่ม 2 เล่ม ได้ง่ายขึ้น หนังสือที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูกได้ง่าย เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่นะคะ ขอให้เลี้ยงลูกอย่างมีความสุข

About the Author: Tangthon

สวัสดีครับ ผมตังค์ทอน ผู้ที่มีความสนใจของใช้ต่าง ๆ ทั้งภายในบ้าน และนอกบ้าน เพราะเป็นของใช้ที่มีประโยชน์ ช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี และใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ผมจึงอยากเขียนรีวิวแนะนำสินค้าต่าง ๆ รวมทั้งแนะนำวิธีการเลือกซื้อเพื่อให้ผู้ที่สนใจและกำลังมองหาสินค้านั้น ๆ ได้ทราบ เพื่อที่จะได้นำไปใช้ในการตัดสินใจ ให้สามารถเลือกได้ง่ายยิ่งขึ้น สิ่งไหนดี สิ่งไหนน่าใช้ ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดีที่สุด สามารถหาคำตอบได้ จากในบทความเลยครับ