สวัสดีครับเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนที่เป็นสายสุขภาพ มักนิยมวิ่งออกกำลังกายกันสม่ำเสมอ ถ้าต้องการวิ่งออกกำลังกายให้สนุกขึ้น วิ่งได้ดียิ่งขึ้น หลาย ๆ คนนิยมนำ หูฟังออกกำลังกาย มาใช้งานร่วมด้วยครับ
ในการวิ่งออกกำลังกายนั้นนะครับ บางคนชอบวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะยามเย็น บรรยากาศดี ๆ มีเพื่อนมาวิ่งด้วยกันอย่างเพลิดเพลิน หรือบางคนชอบที่จะวิ่งในฟิตเนส เพื่อความสะดวกสบาย
ถ้าวิ่งธรรมดาเฉย ๆ ก็อาจจะดูเหงา ๆ หน่อยนะครับ แต่ถ้าเกิดเรามี หูฟังออกกำลังกาย มาร่วมด้วย ก็จะสามารถวิ่งไปด้วย ฟังเพลงไปด้วยได้ ทำให้การออกกำลังกายเข้ากับจังหวะเพลง ส่งผลให้เราออกกำลังกายได้ดียิ่งขึ้น
สนุกสนานมากขึ้น สุขภาพของเราก็จะดีขึ้นไปด้วยครับ แต่การจะเลือก หูฟังออกกำลังกาย มาใช้นั้น อาจจะเลือกไม่ถูก เพราะมีหลายรุ่นเหลือเกิน วันนี้ครับ ตังค์ทอน จะมาแนะนำ 10 อันดับ หูฟังออกกำลังกาย ยี่ห้อไหนดี
คุณภาพสูง เสียงดี ไม่หลุดง่ายขณะวิ่ง ให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกัน รวมไปถึงจะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อด้วย เพื่อที่เพื่อน ๆ จะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจ และเลือกได้ง่ายขึ้น จะมีรุ่นไหนที่ดีน่าสนใจบ้างนั้น มาดูกันเลยครับ
10 อันดับ หูฟังออกกำลังกาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2024 สำหรับนักวิ่ง ดีไซน์เท่ น้ำหนักเบา เสียงชัดจัดเต็ม
1. Bang & Olufsen หูฟังออกกำลังกาย รุ่น Beoplay EX
ราคา 14,900 บาท
ดีไซน์สวยงาม ทันสมัย เสียงดี มาพร้อมจุกหูฟัง 4 จุก เลือกใช้ได้ตามต้องการ
Bang & Olufsen หูฟังออกกำลังกาย รุ่น Beoplay EX เป็นหูฟังคุณภาพยอดเยี่ยม ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักออกกำลังกายอยู่ในขณะนี้ สำหรับหูฟังรุ่นนี้ เป็นหูฟังแบบไร้สาย ดีไซน์สวยงาม ทันสมัย
โดดเด่นทุกมุมมอง สามารถสวมใส่ได้อย่างกระชับ ระหว่างวิ่งไม่หลุดแน่นอน เพราะมี 4 จุกมาให้เราเลือกใช้ มาพร้อมกับความสามารถในการกันฝุ่นกันน้ำ ในระดับ IP57 เลยนะ กันเหงื่อได้อย่างไม่มีปัญหา
สำหรับเรื่องเสียง ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว เสียงสดใส คมชัด ฟังได้ทุกแนวเพลงได้อย่างเพลิดเพลิน ตัวหูฟังมีฟังก์ชั่นการตัดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือได้ว่าเป็นหูฟังที่น่าใช้งานอย่างยิ่งครับ
2. หูฟังออกกำลังกาย KLIPSCH T5 II
ราคา 11,490 บาท
คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม กันน้ำได้ดี และสามารถเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว
หูฟังออกกำลังกาย KLIPSCH T5 II เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ที่มาพร้อมกับคุณภาพเสียงในระดับ Hi-Res ในส่วนของการออกแบบดีไซน์ ถือว่าทางแบรนด์ทำออกมาได้อย่างดี รูปร่างเพรียว
สวยงาม ทันสมัย ในส่วนของการใช้งาน สามารถเชื่อมต่อได้ง่าย และรวดเร็ว โดยเชื่อมต่อ Bluetooth แล้วใช้งานได้เลย สะดวกมาก อีกทั้ง ยังใช้ไดร์เวอร์เป็น Dynamic Drivers ขนาด 5 mm. ทำให้ได้เสียงที่คมชัด
เสียงใส ฟังได้อย่างเจน เบสก็มีคุณภาพที่ดี แน่นมาก ทรงพลังสุด ๆ และปรับเสียงได้ตามชอบใจ ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ สามารถใช้งานได้นานถึง 8 ชั่วโมงเลยครับ ทำให้สะดวกสบายไม่ต้องชาร์จบ่อย ๆ เลยด้วย
3. Shokz หูฟังออกกำลังกาย รุ่น Openrun
ราคา 4,290 บาท
มาพร้อมมาตรฐาน IP67 กันน้ำกันฝุ่นดีเยี่ยม น้ำหนักเบา สวมใส่ได้อย่างกระชับ
Shokz หูฟังออกกำลังกาย รุ่น Openrun หูฟังอีกหนึ่งรุ่นจากแบรนด์ดัง Shokz ที่ได้รับการออกแบบดีไซน์มาอย่างดี สวยงาม น่าใช้งาน สวมใส่ได้อย่างกระชับ ไม่หลุดง่าย ๆ เวลาวิ่งออกกำลังกาย
สำหรับการใช้งานหูฟัง จะเป็นการนำเสียงแบบ Bone Conduction พร้อมกับมีฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ แบบจัดเต็ม เสียงที่ได้มีความคมชัด เบสแน่น ฟังเพลงได้อย่างคมชัด พร้อมกันนี้ ยังสามารถรับฟังเสียงรอบตัว
ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย สำหรับการเชื่อมต่อก็ทำได้รวดเร็ว เป็นการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Bluetooth 5.1 ในการใช้งานถือว่าเสถียรดีนะครับ ดีเลย์น้อยมาก ได้มาตรฐาน IP67 กันน้ำกันฝุ่นได้ และใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมงครับ
4. หูฟังออกกำลังกาย Apple Airpods Gen 3
ราคา 6,390 บาท
คุณภาพเสียงดี เบสแน่นทรงพลัง ดีไซน์โค้งมนสวยงาม และทนเหงื่อและน้ำในระดับ IPX4
หูฟังออกกำลังกาย Apple Airpods Gen 3 สำหรับหูฟังรุ่นนี้ จะเป็นหูฟังเจน 3 จาก Apple Airpods ครับ โดยหุฟังรุ่นนี้ ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมาก ๆ ด้วยปลายนิ้วเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็น การบีบเพื่อเล่นเพลง
หยุดเล่นชั่วคราว ข้ามเพลง รวมไปถึง รับและวางสายได้ง่ายดาย ในส่วนของเรื่องเสียง มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัย ได้ประสบการณ์การฟังแบบ 3 มิติรู้สึกว่ามีเสียงอยู่รอบตัวเลย เสียงดีทั้งฟังเพลง ดูภาพยนต์
สามารถปรับแต่งเสียงได้ตามต้องการอย่างง่ายดาย สำหรับเสียงเบสก็ทุ้มนุ่มลึกหนักแน่นคมชัด รวมไปถึงถ้าใช้ในการวิ่งออกกำลังกาย สามารถลดเสียงลม และตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฟังเพลงได้อย่างชัดเจนครับ
5. JBL หูฟังออกกำลังกาย รุ่น Endurance Race
ราคา 3,817 บาท
แบตอึดสุด ๆ 10 ชั่วโมงสบาย ๆ สีสันสวยงาม ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ทนทานทุกสภาพอากาศ
JBL หูฟังออกกำลังกาย รุ่น Endurance Race หูฟังที่ดีไซน์มาอย่างโดดเด่น น่าใช้งานเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ มีมาให้เพื่อน ๆ เลือกทั้งหมด 4 สี ตามใจชอบเลย สำหรับการออกแบบดีไซน์จะเป็นแบบ Twistlock
โค้งแบบครึ่งวงกลม สวมใส่ได้อย่างกระชับดี เกี่ยวล็อกใบหูได้อย่างลงตัว มีจุกหูฟังมาให้ 4 ขนาด ทำให้สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับตนเองได้ มาพร้อมไดรเวอร์ไดนามิก 6mm เสียงดีคมชัด เบสแน่น
ฟังได้อย่างคมชัดน่าฟังทุกแนวเพลง จุดที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งคือ แบตเตอรี่อึดสุด ๆ เลยนะ ชาร์จครั้งเดียว ใช้ยาวไปเลย 10 ชั่วโมง รวมทั้งรองรับการชาร์จไว 10 นาทีและใช้งานได้ 1 ชั่วโมงด้วย ฟังก์ชั่นครบน่าใช้จริง ๆ ครับ
6. Sony หูฟังออกกำลังกาย LinkBuds รุ่น WF-L900
ราคา 4,365 บาท
ดีไซน์สวยงามแปลกตา เสียงดี ฟังได้คมชัด สวมใส่สบาย กระชับไม่อึดอัด
Sony หูฟัง True Wireless LinkBuds รุ่น WF-L900 หูฟังที่สวมใส่ได้อย่างกระชับ รุ่นนี้จะเป็นการสวมใส่โดยไม่ต้องยัดเข้าไปในหูนะครับ ทำให้ฟังเพลงได้ด้วย และได้ยินเสียงรอบ ๆ ตัวไปพร้อมกันด้วย
เหมาะสำหรับใส่วิ่งออกกำลังกาย เพราะจะได้ยินเสียงอื่น ๆ ด้วย ต่อมา มาพร้อมกับคุณสมบัติการกันน้ำกันฝุ่น IPX4 กันเหงื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของการใช้งาน ควบคุมง่ายด้วยระบบสัมผัส
เลือกฟังก์ชั่นการใช้งานได้สะดวก คุณภาพเสียงถือว่าอยู่ใยระดับที่ยอดเยี่ยม คมชัดชัดเจน ฟังสนุก การเชื่อมต่อจะเป็นแบบไร้สาย Bluetooth 5.2 สัญญาณเสถียรดีมาก ดีเลย์น้อย และรองรับการใช้งานแผ่นแอปโซนี่ด้วยครับ
7. SKULLCANDY หูฟังออกกำลังกาย รุ่น Push Active
ราคา 3,800 บาท
มาพร้อมกับหลายสีให้เลือก กันฝุ่นกันน้ำดีเยี่ยม แบตอึดใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง
SKULLCANDY หูฟังออกกำลังกาย รุ่น Push Active หูฟังสวย ๆ ดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร มาพร้อมกับสีสันมากมายให้เลือกได้ตามชอบใจ เป็นหูฟังแบบ Ear-hangers สามารถสวมใส่ได้อย่างกระชับ
ตัวหูฟังใหญ่ สวมใส่แน่นหนาไม่หลุดง่าย ๆ ในระหว่างออกกำลังกาย ในส่วนของหุฟังรุ่นนี้ สามารถประบ EQ ได้ตามต้องการ โดยผ่ายทาง Skullcandy App เลือกเพลงได้ตามความชอบใจ ในส่วนของไมโครโฟน
จะมีเทคโนโลยี Skull-iQ Smart Feature Technology ได้เสียงที่คมชัด ช่วยให้สามารถสนทนาได้อย่างชัดเจน สามารถกันฝุ่นกันน้ำได้ระดับ IP55 และมีแบตที่อึดมาก ๆ ใช้งานกันไปเลยครับ 10 ชั่วโมง สบาย ๆ เลย
8. Jabra หูฟังไร้สาย รุ่น Elite 7 Active
ราคา 3,957 บาท
หน้าตาสุดเท่ ทันสมัย ในระดับพรีเมี่ยม เสียงดีคมชัด ตัดเสียงรบกวนดีเยี่ยม
Jabra หูฟังไร้สาย รุ่น Elite 7 Active สำหรับหูฟังจากแบรนด์ Jabra รุ่นนี้ ดีไซน์สวยมาก ๆ ดูดีทันสมัยเลยทีเดียว สวมใส่ได้อย่างกระชับ ไม่หลุดง่าย ๆ สามารถสวมใส่เพื่อวิ่งออกกำลังกายได้อย่างไม่ต้องกังวล
หูฟังรุ่นนี้นะครับ เป็นแบบ True wireless เชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว สัญญาณมีความเสถียร ไม่มีการดีเลย์ ช่วยให้สามารถรับฟังเสียงได้อย่างคมชัด เสียงใสชัดเจน เบสหนักแน่น ฟังเพลงได้ทุกแนวเพลง กันน้ำกันฝุ่นดีเยี่ยม
ไม่เพียงเท่านั้น หูฟังนี้ยังมีไมโครโฟนที่สามารถสนทนาได้อย่างชัดเจน ปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้ทางแอปพลิเคชั่นอย่างสะดวกสบาย และมีแบตเตอรี่ที่อึดมากเลย ใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 8 ชั่วโมงยาว ๆ เลยครับ
9. Jabra หูฟังออกกำลังกาย รุ่น Elite 4 Active
ราคา 3,290 บาท
รูปทรงหรูหรา สวมใส่สบาย คุณภาพเสียงดี ตัดเสียงรบกวนได้อย่างยอดเยี่ยม
Jabra หูฟังออกกำลังกาย รุ่น Elite 4 Active หูฟังราคาเบา ๆ ที่ทุกท่านสามารถเข้าถึงได้ ตัวหูฟังมีดีไซนืที่ดูดีทันสมัย น่าใช้งาน พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ แบบจัดเต็ม สำหรับหูฟังรุ่นนี้มาพร้อมกับ
มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP57 กันเหงื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ สวมใส่ออกกำลังกายได้อย่างสบายเลย การใช้งานหูฟัง สามารถควบคุมได้อย่างสะดวกสบายด้วยปุ่มกดแบบขึ้นลง ใช้งานง่าย
มาพร้อมกับคุรภาพของเสียงที่คมชัด เสียงใส เบสเด่นมาก ๆ ฟังได้อย่างสนุกทุกแนวเพลง สามารถตัดเสียงรบกวนได้ดีมาก ๆ สนทนาได้คมชุดไม่ติดขัด แบตเตอรี่ก็อึดด้วย ใช้งานต่อเนื่องได้ 7 ชั่วโมงครับ
10. หูฟังไร้สาย Defunc รุ่น True Sport
ราคา 1,990 บาท
ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ใส่สบาย ไม่หลุดง่าย เชื่อมต่อรวดเร็วเสถียร เสียงดีคมชัดทุกแนวเพลง
หูฟังไร้สาย Defunc รุ่น True Sport เป็นหูฟังที่ได้รับการออกแบบดีไซน์เป็นแบบ Earbuds หรือแบบแปะหู สวมใส่ได้อย่างสบาย ไม่ต้องสอดเขาหูโดยตรง มีความกระชับ ทำให้เวลาวิ่งไม่หลุดง่าย ๆ
สำหรับหูฟังรุ่นนี้ มีคุณภาพเสียงที่ชัดเจนคมชัด เสียงใส เบสแน่น ฟังได้ทุกแนวเพลง สำหรับการเชื่อมต่อจะเป็น Bluetooth 5.2 เชื่อมต่อง่าย รวดเร็ว สัญญาณเสถียรดีมาก ดีเลย์ต่ำ และรับสัญญาณได้ไกล
รวมไปถึง ภายในตัวหูฟัง มีไมโครโฟนมาด้วย 2 ตัว ช่วยให้สนทนาได้อย่างคมชัด ตัดเสียงรบกวนได้ดี ควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ ได้ง่ายเพียงนิ้วสัมผัส และใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้งครับ
เพราะเหตุใดจึงต้องใช้หูฟังออกกำลังกายในการวิ่ง
การใช้งานหูฟังนั้น สามารถใช้งานได้ในหลาย ๆ โอกาส ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง ดูซีรี่ย์ รับสายสนทนา และอีกหลาย ๆ อย่าง ในลักษณะนี้นะครับ หูฟังปกติก็สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
แต่สำหรับการสวมใส่ฟังเพลงเวลาที่วิ่งออกกำลังกาย หรือการออกกำลังกายในฟิตเนส หูฟังธรรมดาไม่ตอบโจทย์ครับ เพราะเวลาที่เราออกกำลังกาย ย่อมต้องพบเจอกับฝุ่นละออง เหงื่อ หรือฝนตกได้
ซึ่งหูฟังปกติไม่มีมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น ส่งผลให้หูฟังเสียหายได้นั่นเอง เพื่อการออกกำลังกายนั้น จำเป็นต้องใช้หูฟังสำหรับการออกกำลังกายโดยเฉาะ จะเหมาะสมกว่า เพราะหูฟังสำหรับออกกำลังกาย
จะมีลักษณะแบบไร้สาย มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน สามารถควบคุมได้ง่าย และมีมาตรฐานในการกันน้ำกันฝุ่นมาให้ ซึ่งฟังก์ชั่นสำหรับอำนวยความสะดวก และมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น ได้รับการออกแบบมา
เพื่อใช้ในการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ออกแบบมาเพื่อนักออกกำลังกายตัวจริง และหูฟังสำหรับการออกกำลังกายช่วยตอบโจทย์ให้ทุกคนที่ออกกำลังกายได้เป็นอย่างดีมากครับ
วิธีการเลือกซื้อหูฟังออกกำลังกาย
ก่อนที่เพื่อน ๆ จะซื้อหูฟังสำหรับใช้ออกกำลังกายมาใช้ เพื่อน ๆ ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ก่อน เพื่อที่จะได้เลือกได้อย่างเหมาะสมต่อการใช้งาน รายละเอียดมีดังนี้ครับ
1. ดีไซน์สวยงามตรงใจและแข็งแรงทนทาน
อันดับแรกเลย หูฟังนั้นมีหลายรุ่นหลายแบรนด์ มากมายจนเลือกไม่ถูกเลย ตรงจุดนี้ให้เพื่อน ๆ ใช้ความชอบส่วนตัวเลือกก่อนเลยครับ ว่าชอบแบบไหน สีใด เพราะถ้าเราไม่ชอบ เราก็คงไม่อยากใช้งานใช่ไหมครับ
เมื่อเราได้ในแบบที่ต้องการแล้ว เราก็มาดูกันต่อไปครับว่า หูฟังที่เราเล็งไว้ ผลิตจากวัสดุคุรภาพดีแข็งแรงทนทานหรือไม่ เพราะเวลาที่เราใช้งาน ย่อมมีโอกาสเจอฝุ่นเจอน้ำแน่นอน ดังนั้นหูฟังต้องทนทานครับ
2. พิจารณาจากงบประมาณที่เราตั้งไว้
อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น คืองบประมาณที่เราตั้งไว้ หูฟังสำหรับออกกำลังกาย มีหลายรุ่น หลายแบรนด์ หลายราคา ตั้งแต่หลักร้อยบาท ไปจนถึงหลังหมื่นบาท เมื่อเรามีงบที่ตั้งไว้
เราก็จะพอมองออกว่า รุ่นทีไม่เกินงบนั้น มีรุ่นใดบ้าง แล้วรุ่นที่ไม่เกินงบประมาณของเรา มีฟังก์ชั่นการใช้งาน และคุณสมบัติที่เราต้องการหรือไม่ ถ้าตรงกับความต้องการของเรา ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์เป็นอย่างดี
3. เลือกหูฟังแบบไร้สายเชื่อมต่อได้รวดเร็ว
ปัญหาที่เรามักจะพบเวลาที่เราสวมใส่ขณะก็สัญญาณสะดุด รวมไปถึงถ้าสวมหูฟังแบบมีสาย ก็จะทำการวิ่งได้ไม่สะดวกด้วย เพราะมือจะแกว่งไปโดน ถือได้ว่าเป็นอุปสรรคต่อการออกำลังกายเป็นอย่างมาก
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสะดวกสบาย และออกกำลังกายได้โดยไม่สะดุด ให้เลือกหูฟังแบบไร้สาย และเชื่อมต่อด้วยบลูทูธจะเหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์นี้ที่สุดครับ
4. เลือกหูฟังที่มีคุณภาพเสียงที่ดีในระดับ Hi-Res
เพื่อให้ได้อรรถรสในการออกกำลังกายที่มากขึ้น หูฟังสำหรับวิ่ง ควรมีเสียงที่คมชัดใส หนักแน่น เพื่อที่จะได้ยินเสียงเพลงได้อย่างคมชัดที่สุด เพราะการที่เราวิ่งไปด้วย พร้อมกับฟังเพลงที่เราชอบไปด้วย
จะช่วยให้เราวิ่งได้เข้าจังหวะ เกิดความเพลิดเพลิน ความรู้สึกเหมือนเหนื่อยยากขึ้นเพราะเรากำลังสนุกไม่รู้จักเบื่อนั่นเอง
5. เลือกหูฟังที่สวมใส่สบาย กระชับ ไม่หลุดง่าย
คุณสมบัติที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของหูฟังสำหรับออกกำลังกาย คือจะต้องไม่หลุดง่าย ๆ ในระหว่างวิ่ง ซึ่งหูฟังประเภทนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้กระชับอยู่แล้ว ซึ่งจะแตกต่างจากหูฟังธรรมดา ๆ
ที่แม้ว่าเสียงจะดี ชัดเจน แต่จะไม่ได้รองรับการออกกำลังกายเพราะจะหลุดได้ง่าย แต่หูฟังสำหรับออกกำลังกายจะกระชับและแน่นกว่า ทำให้เหมาะสำหรับใช้งานกว่านั่นเอง
6. มีคุณสมบัติในการกันน้ำกันฝุ่นมาด้วย
แน่นอนว่าเวลาที่เราสวมใส่หูฟังและออกกำลังกายไปด้วย หูฟังย่อมต้องเจอกับเหงื่อของเรา ถ้าเป้นกิจกรรมกลางแจ้งด้วย ก็ต้องพบเจอกับฝุ่นละออง และอาจจะโดนฝนเข้าไปอีก หรือเล่นกิจกรรมทางน้ำ
ก็ต้องเจอกับน้ำอย่างแน่นอน เพื่อให้หูฟังของเราเหมาะสมกับสถานการณ์นี้ ควรเลือกหูฟังที่มีคุณสมบัติในการกันน้ำกันฝุ่นด้วย เพื่อที่จะได้ทนทานต่อการใช้งานครับ
7. พิจารณาจากความอึดของแบตเตอรี่
ระยะเวลาที่เราออกกำลังกายแต่ละครั้งนั้น บางครั้งอาจจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ไปจนถึงชั่วโมง หรือมากกว่านั้น เพื่อให้การออกกำลังกายไม่สะดุด และตอบโจทย์การใช้งานอย่างดีที่สุด ระยะเวลาที่ใช้งานได้ต่อเนื่อง
อย่างน้อยควรมากกว่า 3 ชั่วโมงขึ้นไปนะครับ ยิ่งมากยิ่งดี บางรุ่นสามารถใช้งานได้ถึง 8 ชั่วโมงเลยด้วย ถือว่าดีมาก ๆ ชาร์จครั้งเดียวใช้ได้ยาวเลยคุ้มค่ามาก ๆ
บทส่งท้าย
การออกกำลังกายนั้น มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเรามาก ๆ ครับ ยิ่งถ้าได้ออกกำลังกายไปด้วย ฟังเพลงด้วย หูฟังออกกำลังกาย จะยิ่งสนุกสนานเพลิดเพลินขึ้น เพราะการวิ่งไปด้วยฟังเพลงที่ชอบไปด้วย จะช่วยให้เคลื่อนไหวได้เข้ากับจังหวะดนตรี ทำให้เราออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ แบบนี้ไม่น่าเบื่อเลยครับ นอกจากออกกำลังกายแล้ว ต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะครับ